หมวดหมู่: สูตรขนม

ขนม ถัง แตก

ใครเป็นสาวกของ ขนม ถัง แตก บอกเลยว่าเมนูนี้ทำไม่ยาก พร้อมแล้วมาเก็บสูตรไปทำกินกันเองเลยดีกว่าใครเป็นสาวกของ ขนม ถัง แตก บอกเลยว่าเมนูนี้ทำไม่ยาก พร้อมแล้วมาเก็บสูตรไปทำกินกันเองเลยดีกว่า

ขนม ถัง แตก

ขนม ถัง แตก นั้นจะนิยามว่าเป็นแพนเค้กไทยก็ว่าได้ มาพร้อมแป้งอร่อย มีไส้ กัดแล้วได้ความหวานหอม ที่สำคัญทำเองได้ไม่ยาก สามารถสร้างสรรค์ไส้ และรูปแบบการเสิร์ฟได้ตามความชอบ ใครหาไอเดียทำขนมไทยที่อร่อย และยังสามารถฟิวชั่นได้ เรามาเก็บสูตรขนมชนิดนี้ไปทำกัน

มารู้จักกับ ขนม ถัง แตก กันก่อน

ขนม ถัง แตก

เรามาทำความรู้จักกับ ขนม ถังแตก ให้มากขึ้นกันก่อน เพื่อที่จะเข้าใจถึงเสน่ห์ของถัง แตกให้มากขึ้น ขนมชนิดนี้เป็นขนมไทยโบราณ มาพร้อมแป้งห่อไส้ ดูแล้วคล้าย ๆ เครปและแพนเค้ก เน้นไส้มะพร้าว มีน้ำตาล เกลือ งา โรยเพิ่มความหอมและเนื้อสัมผัสที่เป็นเอกลักษณ์ของขนมถังแตกมากขึ้น เริ่มต้นมาจากชาวจีนที่นำมาขายในสนามมวย คนนิยมซื้อกินกันแก้หิวหรือรองท้องเพื่อเชียร์มวย แต่ด้วยความอร่อยทำให้นิยมต่อเนื่องแพร่หลายมาจนถึงปัจจุบัน

วัตถุดิบสำหรับการทำ ขนม ถัง แตก

เรามาเริ่มเตรียมวัตถุดิบให้พร้อมสำหรับ ขนมถังแตก กันดีกว่า ขนม ถังแตกที่ครบสูตรจะต้องใส่อะไรบ้าง เราเตรียมรายการวัตถุดิบที่เรียกว่าครบทุกรายละเอียด ให้คุณได้กินจนสัมผัสได้ถึงกลิ่นไอความยาวนานของเมนูนี้กัน

ขนม ถัง แตก
  • วัตถุดิบสำหรับการทำแป้งถังแตก
    • น้ำเปล่า 600 ml.
    • เกลือสมุทร 1 ช้อนชา
    • กะทิ 150 ml.
    • แป้งข้าวเจ้า 500 กรัม
    • แป้งสาลีอเนกประสงค์ 200 กรัม
    • น้ำตาลทราย 200 กรัม
    • ไข่ไก่เบอร์ 2 1 ฟอง
    • กลิ่นวานิลลา 1 ช้อนชา
    • ยีสต์ 1 ช้อนชา
    • ผงฟู 1 ช้อนโต๊ะ
  • วัตถุดิบทำน้ำตาลโรยหน้า
    • งาขาวคั่ว 40 กรัม
    • งาดำคั่ว 40 กรัม
    • น้ำตาลทราย 200 กรัม
  • วัตถุดิบทำไส้
    • มะพร้าวทึนทึกขูดเส้น 200 กรัม
    • เกลือสมุทร ½ ช้อนชา
    • ฝอยทอง
    • เผือกหอมหั่นเต๋า
    • มันม่วงหั่นเต๋า
    • ข้าวโพดฝาน

วิธีการทำขนมถังแตก

เมื่อทำการเตรียมวัตถุดิบของขนมถัง แตก กันเรียบร้อยแล้ว เรามาเริ่มเข้าสู่ขั้นตอนวิธี ทำ ขนมถังแตกกันดีกว่า บอกเลยว่าทำแล้วสนุก ยิ่งทำเองยิ่งเพิ่มปริมาณไส้ได้จุใจอีกด้วย

ขนม ถัง แตก
  1. เริ่มจากหมักแป้งของขนมชนิดนี้กันก่อน โดยแบ่งน้ำเปล่าประมาณ 100 ml. มาเข้าไมโครเวฟให้พออุ่น ๆ จากนั้นใส่น้ำตาลทรายลงไปผสม จากนั้นทำการคนให้น้ำตาลละลาย
  2. ใส่ยีสต์ลงไปในน้ำอุ่นที่ผสมน้ำตาลแล้ว ระวังอย่าให้น้ำร้อนเกินไป เมื่อใส่ยีสต์ลงไปในน้ำแล้วให้ทิ้งไว้ประมาณ 5 นาที
  3. เตรียมอ่างผสมอีกใบ เพื่อใส่น้ำเปล่าลงไป ตามด้วยน้ำตาลและเกลือ คนให้น้ำตาลละลาย
  4. พอทุกอย่างละลายให้ใส่แป้งทั้ง 2 ชนิดลงไป แล้วใช้ไม้พายยางตะล่อมให้ส่วนผสมเข้ากัน
  5. จากนั้นทำการใส่ไข่ไก่ กลิ่นวานิลลา หัวกะทิ และส่วนผสมของยีสต์ที่ทำไว้ลงไป แล้วใช้พายตะล่อมให้ส่วนผสมเข้ากันอีกครั้งหนึ่ง
  6. พอส่วนผสมเข้ากันให้ค่อย ๆ ใส่น้ำลงไปจนหมด แล้วคนให้ส่วนผสมเข้ากันด้วยตะกร้อมือ
  7. เมื่อผสมจนแป้งมีความเนียนดี ให้ใส่ผงฟูแล้วคนให้ส่วนผสมเข้ากันอีกรอบ
  8. ทำการพักส่วนผสมของแป้งให้แป้งอิ่มน้ำ โดยขั้นตอนนี้จะใช้เวลาประมาณ 3 ชั่วโมง
  9. เตรียมไส้มะพร้าวระหว่างรอ โดยเอามะพร้าวไปนึ่งประมาณ 5 นาที แล้วนำมาคลุกกับเกลือ
  10. เตรียมกระทะให้พร้อม จากนั้นใส่งาขาวและงาดำลงไป แล้วคั่วจนหอม จากนั้นนำไปบดให้พอแตก
  11. นำงามาผสมกับน้ำตาลแล้วคลุกเคล้าให้เข้ากัน
  12. นำเผือก มันม่วง และข้าวโพดมานึ่งให้สุก
  13. เมื่อครบเวลาในการเตรียมแป้งให้ได้ที่ ก็เตรียมทำขนมถัง แตก โบราณต่อกันได้เลย
  14. เริ่มการทำขนม ถัง แตก โบราณด้วยการตั้งกระทะ ใส่น้ำมันพืชเล็กน้อย พอกระทะร้อนให้ใส่แป้งลงไป
  15. ปิดฝาทิ้งไว้ประมาณ 2 นาที
  16. เมื่อครบเวลาและเปิดฝาออก ให้ใส่มะพร้าวตามด้วยน้ำตาลผสมงา จากนั้นใช้พายยางแซะขนมออกจากกระทะ พร้อมเสิร์ฟ กินกันแบบร้อน ๆ ยิ่งอร่อย
ขนม ถัง แตก

วันนี้ได้ทั้งรายการวัตถุดิบและวิธีการทำ ขนม ถังแตก กันไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ใครอยากลองทำเองบอกเลยว่าอย่ารอช้า ขนมชนิดนี้ทำไม่ยาก และทำสนุกมาก และอาจเป็นจุดเริ่มต้นของการทำธุรกิจกันได้เลยทีเดียว ใครอยากเพิ่มเติมไส้อะไรก็สามารถปรับสูตรให้ฟิวชั่นมากขึ้นกันได้เลย

อ่านบทความอื่นๆ:

READ MOREREAD MORE
ขนม เข่ง

ใครอยากกิน ขนม เข่ง นอกรอบมาเก็บสูตรไปทำกันใครอยากกิน ขนม เข่ง นอกรอบมาเก็บสูตรไปทำกัน

ขนม เข่ง

สำหรับเมนูอย่าง ขนม เข่ง คือเมนูที่มาพร้อมความเหนียวนุ่มหวานลงตัว กินแล้วเพลิน แถมยังเอาไปปรับสูตรด้วยการทำเป็นขนม เข่ง ทอดออกมาได้เนื้อสัมผัสที่แสนจะเป็นเอกลักษณ์ได้อีกหนึ่งเมนู แต่จะหากินกันได้ง่าย ๆ เฉพาะช่วงเทศกาลเท่านั้น ถ้าอยากกินนอกรอบมาเก็บสูตรเด็ดจากเราในวันนี้ไปทำกันดีกว่า

ประวัติของ ขนม เข่ง

ขนม เข่ง

เรามาทำความรู้จักกับ ขนมเข่ง กันก่อนดีกว่าว่ามีที่มาอย่างไร โดยมีหลากหลายตำนาน แต่หนึ่งในความเชื่อที่คนนิยมบอกต่อกันมากที่สุดคือ ขนมเข่งนั้นเกิดมาจากการที่ชาวจีนคนไหนที่รู้ตัวว่าไม่ค่อยได้ทำความดี ก่อนถีงตรุษจีนต้องทำขนมชนิดนี้ไปถวาย เพื่อให้ขรนมแป้งที่มีความเหนียวเหล่านี้ช่วยปิดปากเทพ ไม่ให้เอาความไม่ดีของตนเองไปรายงานกับองค์เง็กเซียนฮ่องเต้ จึงเป็นจุดเริ่มต้นของเมนูนี้มานับตั้งแต่จีนโบราณ

วัตถุดิบที่ต้องใช้ในการทำ ขนม เข่ง

มาเริ่มเตรียมวัตถุดิบสำหรับการทำเมนูขนม เข่งกันเลยดีกว่า ต้องใช้อะไรบ้าง เพื่อให้รสชาติและเนื้อสัมผัสนั้นออกมาเป็นไปตามสูตรขนม เข่งโบราณ มาดูกันเลย

ขนม เข่ง
  • วัตถุดิบตามสูตร ทำ ขนมเข่ง
    • แป้งข้าวเหนียว 500 กรัม
    • น้ำตาลทราย 400 กรัม
    • น้ำ 400 มิลลิลิตร
    • สีผสมอาหารสีแดง
    • น้ำมันพืช (สำหรับทากระทง)

ขั้นตอนวิธีทำขนม เข่ง

ด้วยความที่ ขนมเข่ง เป็นขนมที่สืบต่อกันมาจากชาวจีนโบราณ ทำให้เรื่องของการเตรียมวัตถุดิบนั้นไม่ยาก เป็นการใช้วัตถุดิบที่ง่าย แต่เมื่อรวมกันแล้วได้รสชาติที่ลงตัว ส่วนที่ต้องใส่ใจนั้นเป็นขั้นตอนของการทำ เพื่อให้ได้รสชาติแบบต้นตำรับที่สืบต่อกันมายาวนาน จะต้องทำอย่างไรบ้าง มาดูกัน

ขนม เข่ง
  1. นำแป้งข้าวเหนียว และน้ำตาลทราย มาเทลงในชามผสม แล้วใช้มือผสมแป้งกับน้ำตาลให้เข้ากัน
  2. ค่อย ๆ เทน้ำลงในชามผสม ทีละน้อย แล้วใช้มือคลุกเคล้าให้เข้ากัน
  3. ใช้มือผสมแป้ง นวดและคลุกเคล้าไปเรื่อย ๆ จนแป้งและน้ำเข้ากันดี สังเกตว่ามีเนื้อเหนียวเนียน
  4. นำกระทงใบตองแห้งมาทาด้วยน้ำมันพืช แล้วนำกระทงใบตองแห้งที่ทาน้ำมันพืชแล้วมาเรียงบนหม้อนึ่ง
  5. หลังจากเรียงกระทงเรียบร้อยแล้วให้หยอดแป้งขนมเข่งลงในประทง โดยให้เหลือขอบด้านบนไว้ประมาณ 1 เซ็นติเมตร เพราะเวลานึ่งขนมจะฟูขึ้น
  6. ทำการต้มน้ำให้เดือดจัด แล้วนำขนมเข่งขึ้นตั้งนึ่ง ลดไฟลงเหลือไฟกลาง ปิดฝาใช้เวลา 25-30 นาที ห้ามเปิดฝาก่อนเด็ดขาด
  7. เมื่อขนมสุกดี ให้นำขนมออกมาผึ่งบนตะแกรงให้เย็นสนิท
  8. เมื่อขนมเข่งเย็นสนิทแล้ว ให้ใช้ตะเกียบจิ้มสีผสมอาหารสีแดง แล้วจิ้มลงบนหน้าขนมเข่ง เป็นอันเสร็จเรียบร้อย

ขนมเข่ง มีสูตรอื่นที่น่าสนใจหรือไม่

เมื่อขนม เข่ง ผ่านเวลามายาวนานทำให้มีการพัฒนาเพิ่มเติมความน่าสนใจ และลูกเล่นให้กับเมนูนี้เพิ่มมากขึ้น สูตรอื่น ๆ นอกจากขนมแบบธรรมดาตามฉบับของต้นตำรับแล้วมีอะไรอีกบ้าง มาดูกัน

ขนม เข่ง
  • สูตรมะพร้าวอ่อน

เป็นการเพิ่มเติมเนื้อมะพร้าวอ่อนลงไป ทำให้ขนมมีความหอมหวานมากขึ้น แถมยังได้เคี้ยงเนื้อมะพร้าวกรอบ ๆ เพิ่มความอร่อยกันอีกด้วย

  • สูตรข้าวเหนียวดำ

สูตรนี้จะเป็นการเพิ่มข้าวเหนียวดำ มะพร้าว แปะก๊วยเข้ามา ทำให้มีความเหนียวนุ่ม และอร่อยมากขึ้น ใครที่ชอบความหนึบ อยากได้ประโยชน์เพิ่มเติมจากแปะก๊วยห้ามพลาด

  • สูตรไส้เค็มแปะก๊วย

ใครว่าทำเป็นขนมหวานได้อย่างเดียว เมนูนี้ก็มีไส้เค็มกับเขาเหมือนกัน โดยมีสเป็นถั่วที่ปรุงรสด้วยพริกไท พริกป่น รากผักชี หอมแดง กระเทียม เข้าไป เมื่อมาเจอกับแป้งเหนียวนุ่มบอกเลยว่าลงตัว

ขนม เข่ง

ใครอยากกิน ขนมเข่ง นอกเทศกาลอย่าลืมหยิบสูตรจากเราในวันนี้ไปใช้กัน บอกเลยว่าทำง่าย แถมยังเป็นวิธี ทำ ขนม เข่งสูตรพื้นฐานเพื่อนำไปปรับใช้กับสูตรอื่น ๆ ที่มีการพัฒนาขึ้นมาเพื่อเพิ่มความน่าสนใจให้กับเมนูนี้อีกด้วย อยากลองเข้าครัวทำรีบลองเลย สนุกแน่นอน

อ่านบทความอื่นๆ:

READ MOREREAD MORE
ขนม เทียน แก้ว

มาทำ ขนม เทียน แก้ว เนื้อนุ่ม ไส้กลมกล่อม เอาไว้กินเพลิน ๆ กันมาทำ ขนม เทียน แก้ว เนื้อนุ่ม ไส้กลมกล่อม เอาไว้กินเพลิน ๆ กัน

ขนม เทียน แก้ว

ขนม เทียน แก้ว หนึ่งในเมนูขนมที่คนนิยมกันมากที่สุด เพราะมาพร้อมกับเนื้อแป้งเหนียวนุ่มที่มีเอกลักษณ์ พร้อมทั้งยังมีไส้ที่รสชาติกลมกล่อมทั้งหวานและเค็มให้คุณได้เลือก ดังนั้นเมนูนี้ใครอยากลองฝึกมือเข้าครัว และทำเอง เราเตรียมสูตรเด็ดที่รับรองว่าใครทำก็อร่อยมาฝากคุณกันที่นี่เรียบร้อยแล้ว

มารู้จักกับ ขนม เทียน แก้ว กันก่อน

ขนม เทียน แก้ว

ขนมเทียนเนื้อสีเหลืองนวลน่าจะเป็นที่คุ้นตา แต่ถ้าพูดถึง ขนมเทียน แก้ว ขนมชนิดนี้ก็จัดอยู่ในประเภทเดียวกัน ต่างกันตรงที่ชนิดแป้งไม่เหมือนกัน และขนมเทียน แก้วมีความใสจนมองเห็นไส้ด้านใน สูตรของแป้งมีทั้งทำจากถั่วเขียว และทำจากแป้งข้าวจ้าว แป้งเท้ายายม่อม และขนมเทียนแก้วในตอนนี้ยังมีการปรับสูตรให้ทำง่ายขึ้นด้วยการใส่ลงในกระทงขนมเข่ง แทนการปั้น ดังนั้นคุณสามารถปรับทำได้ตามความชอบ และสะดวกกันได้เลย

วัตถุดิบที่ใช้ในการทำ ขนม เทียน แก้ว

มาเริ่มเตรียม ขนม เทียนแก้ว กันเลยว่าขนม เทียนประเภทนี้จะต้องเตรียมอะไรให้พร้อมทำบ้าง โดยเราจะมาแนะนำการทำเป็นขนม เทียน ไส้ เค็มให้คุณได้ลองทำ เพราะสามารถทำได้ง่าย นำไปปรับกับการทำขนม เทียน ไส้ หวานต่อได้

ขนม เทียน แก้ว
  • วัตถุดิบที่ต้องใช้ทำแป้ง
    • แป้งถั่วเขียว 1 ถ้วย
    • น้ำตาลทราย 1 ½ ถ้วย
    • น้ำลอยดอกมะลิ 5 ถ้วย
    • ใบตอง
  • วัตถุดิบในการทำไส้ ขนม เทียน
    • ถั่วเขียวซีกเราะเปลือก 1 กิโลกรัม
    • หอมแดง
    • พริกไทย
    • น้ำมันพืช สำหรับผัด
    • เกลือป่น สำหรับปรุงรส
    • น้ำตาลทราย สำหรับปรุงรส

วิธีทำขนม เทียน แก้ว

เตรียมของเรียบร้อยแล้วก็มาเริ่มเข้าครัวเพื่อรังสรรค์เมนู ขนมเทียนแก้ว ไปพร้อมกัน วิธี ทำ ขนม เทียน แก้วต้องทำอย่างไรบ้าง มาดูกัน

ขนม เทียน แก้ว
  1. เริ่มที่การทำแป้งก่อนโดยใส่น้ำตาลทราย และน้ำลอยดอกมะลิลงในหม้อ นำขึ้นตั้งไฟ เคี่ยวจนเป็นน้ำเชื่อม ปิดไฟ ยกลงจากเตา พักทิ้งไว้จนเย็น
  2. ผสมแป้งถั่วเขียว และน้ำลอยดอกมะลิให้เข้ากัน กรองด้วยตะแกรง จากนั้นเทใส่กระทะ ใส่น้ำเชื่อมที่เตรียมไว้ ยกขึ้นตั้งไฟอ่อน กวนจนส่วนผสมแป้งสุกและใส ปิดไฟ ยกลงจากเตา พักไว้จนอุ่น
  3. มาเริ่มทำไส้โดยการล้างถั่วเขียวซีก เราะเปลือกให้สะอาด แช่ทิ้งไว้อย่างน้อย 2 ชั่วโมง หรือข้ามคืน จากนั้นนำไปนึ่งจนสุก พักทิ้งไว้จนเย็นสนิท
  4. โขลกหอมแดงกับพริกไทยเข้าด้วยกันจนละเอียด ใส่ถั่วเขียวนึ่งลงไป และโขลกพอหยาบ
  5. ใส่น้ำมันพืชลงในกระทะ ใส่ส่วนผสมไส้ลงผัดจนหอม ปรุงรสด้วยเกลือป่น และน้ำตาลทราย ชิมรสตามชอบ โดยรสชาติที่เหมาะกับขนมชนิดนี้คือ รสหวาน เค็ม เผ็ด เมื่อได้รสที่ต้องการให้ปิดไฟ ยกลงจากเตา พักทิ้งไว้จนเย็น จากนั้นนำมาปั้นเป็นก้อนกลม เตรียมเอาไว้
  6. ตักส่วนผสมแป้งลงในกรวยใบตอง ตามด้วยไส้ ห่อเป็นทรงสามเหลี่ยมให้สวยงาม หรือวางไส้ขนมลงในกระทงใบตอง ตามด้วยส่วนผสมแป้งขนม สามารถเลือกทำตามวิธีที่คุณสะดวกกันได้เลย
  7. เรียงลงเตรียมนึ่ง จากนั้นนำขนมไปนึ่งด้วยไฟแรงที่มีน้ำเดือดพล่าน (น้ำควรเดือดก่อนนึ่ง) นึ่งนานประมาณ 30 นาที หรือจนขนมสุก จากนั้นปิดไฟ นำออกมาพักไว้ หากต้องการกินก็สามารถกินกันได้เลย

ความหมายที่น่าสนใจของเมนูขนม เทียน แก้ว

หลังจากที่ได้วัตถุดิบ พร้อมทั้งวิธีทำของเมนูอย่างขนม เทียน แก้ว กันไปแล้ว เรามาเก็บข้อมูลของขนมชนิดนี้กันอีกเล็กน้อย เพื่อนำไปเพิ่มอรรถรสในการกินกันดีกว่าว่าจริง ๆ แล้วความหมายของขนมชนิดนี้นั้นมีอะไรที่น่าสนใจบ้าง

ขนม เทียน แก้ว
  • ใช้ในงานมงคลทั้งไทยจีน เพราะมีความหมายเป็นเหมือนแสงสว่าง
  • มักมาพร้อมกลิ่นหอมที่เป็นเอกลักษณ์สร้างบรรยากาศที่ดีให้กับงาน หรือการกิน
  • ขนมมีลักษณะคล้ายเจดีย์ บ่งบอกถึงความมงคล เจริญ ราบรื่น

ใครอยากลองทำ ขนมเทียนแก้ว แนะนำเลยว่าสูตรที่เราเตรียมมาให้คุณได้รู้จักกันในวันนี้ทำออกมาแล้วอร่อยอย่างแน่นอน สามารถทำกินได้ทุกเวลา ไม่ต้องรอเทศกาลถึงจะได้กิน ซึ่งถ้าทำแล้วชอบอาจกลายเป็นแรงบันดาลใจในการทำขายได้เลยทีเดียว

อ่านบทความอื่นๆ:

READ MOREREAD MORE
ข้าวเม่า

เมนู ข้าวเม่า อาจไม่เป็นที่คุ้นเคยของหลายคน ใครอยากลองทำมาเข้าครัวไปด้วยกันเลยเมนู ข้าวเม่า อาจไม่เป็นที่คุ้นเคยของหลายคน ใครอยากลองทำมาเข้าครัวไปด้วยกันเลย

ข้าวเม่า

ข้าวเม่า คือเมนูที่จัดว่าเป็นขนมขบเคี้ยวของคนโบราณ เป็นการนำข้าวมาแปรรูป เพื่อให้อยู่ได้นานขึ้น อร่อยขึ้น พกพาไปกินรองท้องระหว่างทำงาน เดินทางได้สะดวก มีรูปแบบการทำที่หลากหลาย จัดว่าเป็นเมนูยอดนิยมที่แต่ละภาคก็จะหาสูตรมาทำต่างกันไป ดังนั้นยกให้เป็นอีกหนึ่งเมนูที่เราควรช่วยกันรักษาไว้ไม่ให้หายไปตามกาลเวลา

วัฒนธรรมที่มาคู่กับการทำ ข้าวเม่า

ข้าวเม่า

ข้าว เม่า นั้นนอกจากจะทำเพื่อการเก็บรักษาเอาไว้ได้นาน ยังมีวิธีทำที่เป็นวัฒนธรรมเข้ามาร่วมด้วย ข้าวเม่าทอดนั้นเกิดจากการนำไปคั่ว แล้วนำไปตำ ซึ่งการตำต้องใช้หลายแรงเข้ามาช่วยกัน ตำคนละเล็กละน้อย หรืออาจหมุนเวียนให้แต่ละบ้านช่วยกัน ข้าวเม่า คืออาหารที่ทำให้ผู้คนได้เชื่อมสายสัมพันธ์กัน เป็นเหมือนการเข้าสังคม และการแบ่งปัน พร้อมทั้งยังมีการละเล่น รวมทั้งการหยอกเย้ากันของหนุ่มสาวเข้ามาในการทำขนมประเภทนี้อีกด้วย ถือว่าเป็นเรื่องที่มีเสน่ห์ของข้าวเม่า สดเป็นอย่างมาก

วัตถุดิบสำหรับการทำ ข้าวเม่า

ถึงเวลามาเตรียมของให้พร้อมสำหรับการทำเมนูข้าวเม่า กันแล้ว ข้าวเม่า คลุกจะต้องเตรียมอะไรบ้าง เรารวบรวมเอารายการวัตถุดิบมาให้คุณได้นำไปหาซื้อกันอย่างง่ายดายที่นี่เรียบร้อยแล้ว

ข้าวเม่า
  • วัตถุดิบในการทำข้าวเม่าทอด โบราณ
    • เต้าหู้เหลืองแข็ง ½ ก้อน
    • กุ้งแห้งตัวเล็กเนื้อบาง ¾ ถ้วย
    • ถั่วลิสงดิบเลาะเปลือก 1 ถ้วย
    • ข้าวเม่าดิบ 1 ถ้วย
    • กระเทียมไทยสับละเอียด 2 ช้อนโต๊ะ
    • เกลือสมุทร 1 ¾ ช้อนชา
    • น้ำตาลทราย 6 ช้อนโต๊ะ
    • น้ำมันพืชสำหรับทอดเครื่องข้าวเม่า

วิธีการทำเมนูข้าวเม่า แบบขนมไทย โบราณ

มาเริ่มต้นการทำข้าวเม่าไปพร้อมกันเลยดีกว่า เมื่อรู้แล้วว่าข้าวเม่าทํามาจากอะไรก็ถึงเวลานำวัตถุดิบทั้งหมดมาผสมผสานกันจนเป็นเมนูสุดอร่อย กินง่าย ได้ประโยชน์ไปพร้อมกันแล้ว

ข้าวเม่า
  1. เตรียมเต้าหู้ทอด โดยลวกเต้าหู้เหลืองในน้ำเดือด ซับให้แห้ง หั่นเต้าหู้เป็นชิ้นเท่าก้านไม้ขีด ยาว 0.5 นิ้ว เกลี่ยเต้าหู้ที่หั่นแล้วใส่ถาด จากนั้นนำไปตากแดดจนแห้ง พลิกเต้าหู้กลับไปมาทุก 1-2 ชั่วโมง เต้าหู้จะแข็ง และมีสีเหลือง เมื่อได้ที่แล้วทำการพักเอาไว้
  2. เริ่มล้างกุ้งแห้งในน้ำอุ่นให้สะอาด และการล้างยังเป็นการลดความเค็ม เมื่อล้างเสร็จให้นำไปตากแดดจนแห้งเหมือนกับเต้าหู้
  3. ล้างถั่วลิสงให้สะอาด จากนั้นต้องแช่น้ำค้างคืนให้ถั่วมีความอิ่มน้ำ เมื่อครบเวลาให้สะเด็ดน้ำถั่วออก ผึ่งพอแห้ง นำถั่วลงทอดในน้ำมัน โดยใช้วิธีตั้งน้ำมันบนไฟอ่อน ใส่ถั่วลิสงลงไป หมั่นคนอยู่เสมอให้ถั่วสุกทั่วถึง ลักษณะน้ำมันไม่เดือด จะคล้ายกับการต้ม เป็นการไล่เอาน้ำในถั่วออก และทำให้ถั่วค่อย ๆ สุกกรอบ เมื่อถั่วสุกตักขึ้นใส่ถาด ซับน้ำมันให้แห้ง
  4. เตรียมข้าวเม่าดิบ โดยนำผึ่งแดดให้แห้งเล็กน้อย พยายามนำสิ่งสกปรกออกให้มากที่สุด แล้วเริ่มตั้งกระทะน้ำมันพืชบนไฟกลาง พอน้ำมันร้อน ทดสอบโดยลองหยอดข้าวเม่าลงไป ถ้าข้าวเม่าดีดตัว แปลว่าน้ำมันได้ที่ ไม่ควรให้ร้อนจนควันขึ้น จากนั้นเริ่มโปรยข้าว 1 กำมือลงในกระทะ รอจนข้าวลอยตัวขึ้นบนผิวน้ำมัน ตักขึ้นสะเด็ดน้ำมัน และทอดจนหมด นำกระดาษทิชชูซับข้าวเม่าให้แห้งสนิท
  5. เตรียมทอดเครื่องต่าง ๆ ต่อ ควรใช้น้ำมันใหม่ โดยเริ่มทอดเต้าหู้ก่อน ตามด้วยกุ้งแห้ง ตั้งน้ำมันบนไฟกลาง ใส่เต้าหู้ลงทอดจนเหลืองกรอบ ตักขึ้นสะเด็ดน้ำมัน ทอดจนหมด ซับน้ำมันให้แห้ง หลังจากนั้นนำกุ้งแห้งลงทอดจนกรอบ ตักขึ้นซับน้ำมันให้แห้ง
  6. ตั้งกระทะใบใหม่ ใส่น้ำมันพืชลงไป 2 ช้อนโต๊ะ ใส่กระเทียมลงเจียวจนเหลือง ลดเป็นไฟอ่อนใส่ข้าวเม่าทอดลงในกระทะ ตามด้วยเต้าหู้ทอด ½ ถ้วย กุ้งแห้ง และเกลือ คลุกให้เข้ากันจนเกลือละลาย ใส่ถั่วลิสง และน้ำตาลทราย คลุกเคล้าให้น้ำตาลบางส่วนละลายติดกับเครื่อง ปิดไฟ พักให้ให้หายร้อน จากนั้นก็กินได้เลย โดยสามารถเก็บขนมไทย ทำเองเมนูนี้ในขวดปิดสนิทได้นาน 1 เดือน
ข้าวเม่า

บอกเลยว่า ข้าว เม่า เป็นสูตร ขนม ไทยที่หายาก แต่ทำแล้วอร่อยติดใจกันทุกคน แถมถ้าทำเองแบบนี้ยังสามารถเพิ่มเครื่องของเมนูนี้เข้าไปให้ได้ปริมาณตามความชอบ เพราะกินเข้าไปด้วยกันอร่อย กลมกล่อม เข้ากัน แม้จะเป็นเมนูแห้ง ๆ แต่บอกเลยว่ากินเพลินมาก

อ่านบทความอื่นๆ:

READ MOREREAD MORE
แพน เค้ก

ใครชอบความหอมหวานของ แพน เค้ก มาเก็บสูตรไปพร้อมกันเลยดีกว่าใครชอบความหอมหวานของ แพน เค้ก มาเก็บสูตรไปพร้อมกันเลยดีกว่า

แพน เค้ก

เมื่อพูดถึงเมนูขนมที่จะปรับให้เป็นหวานหรือคาวก็ได้ตามที่ต้องการ แพน เค้ก น่าจะเป็นตัวเลือกที่หลาย ๆ คนคิดถึงอย่างแน่นอน ซึ่งถ้าอยากทำเมนูนี้เอง เพื่อออกแบบได้ตามที่ต้องการต้องใช้สูตรไหน ทำอย่างไร วันนี้เราเตรียมสูตรเด็ดเคล็ดลับของเมนูนี้มาฝากกันแล้ว เก็บไปทำตามรับรองว่าไม่ผิดหวังอย่างแน่นอน

ที่มาของเมนู แพน เค้ก

แพน เค้ก

เรามารู้จักกับที่มาของเมนูขนมดังระดับโลกอย่าง แพนเค้ก กันก่อน โดยเมนูนี้มีมานานตั้งแต่ยุคหินกันเลยทีเดียว เพราะมีหลักฐานการค้นพบเก่าแก่ที่สุดกว่า 5,300 ปีมาแล้ว ทำให้มั่นใจได้เลยว่าแพนเค้กนั้นมีประวัติมายาวนานเป็นอันดับต้น ๆ ของโลก ซึ่งในยุคกรีกโบราณนิยมทำจาก แป้งสาลี แพนเค้ก น้ำมันมะกอก น้ำผึ้ง และนมเปรี้ยว และเมื่อเวลาผ่านไปก็ยิ่มีการปรับเมนูนี้ให้มีสูตรหลากหลาย เพื่อตอบโจทย์ความชอบของคนในแต่ละพื้นที่มากขึ้น จึงนับได้ว่าขนมปังแพนเค้ก เป็นเมนูที่มีสูตรมากมายให้คุณได้สนุกกัน

วัตถุดิบที่ต้องเตรียมเพื่อทำแพนเค้ก

แพน เค้ก

เรามาเริ่มเตรียมวัตถุดิบให้พร้อมสำหรับการทำแพน เค้ก แบบขั้นพื้นฐานกันดีกว่า โดยเมนูหลักในวันนี้เราจะเลือกเป็นส่วนผสมแพน เค้กน้ำผึ้ง บอกเลยว่าวัตถุดิบในสูตรนี้สามารถเพิ่มเติมปรับใช้ให้เป็นแพนเค้กในเมนูต่าง ๆ ได้อย่างง่ายดายแน่นอน มีอะไรที่ต้องใช้บ้าง มาดูกันเลย

วัตถุดิบที่ต้องใช้ทำแพนเค้ก ง่ายๆ

แพน เค้ก
  • แป้งสาลีอเนกประสงค์ 10 ช้อนโต๊ะ
  • ผงฟู 1½ ช้อนชา
  • น้ำตาลทรายละเอียด 1 ช้อนชา
  • เกลือป่น ⅛ ช้อนชา
  • ไข่ไก่ 1 ฟอง เบอร์ 2
  • ไข่แดง ½ ถ้วยตวง
  • น้ำมันมะกอก 1 ช้อนโต๊ะ
  • วานิลลา ½ ช้อนชา
  • น้ำผึ้ง สำหรับราดแพนเค้ก

วิธีทำ แพน เค้ก เบเกอรี่ยอดนิยม

เมื่อเตรียมวัตถุดิบสำหรับการทำ แพนเค้ก ได้เรียบร้อยแล้ว ก็ถึงขั้นตอนของการเริ่มเข้าครัวทำกันแล้ว ซึ่งในส่วนของวัตถุดิบถ้าคุณต้องการเพิ่มปริมาณเพื่อกินกันได้มากขึ้นก็สามารถทำได้เช่นเดียวกัน เมื่อพร้อมแล้วเรามาเริ่มทำเบเกอรี่โฮมเมดเมนูนี้ไปพร้อมกันเลย

แพน เค้ก
  1. เตรียมชามแห้งโดยใส่แป้งสาลีอเนกประสงค์ ผงฟู น้ำตาลทรายละเอียด และเกลือป่นในชาม จากนั้นใช้ตะกร้อมือคนให้เข้ากัน วางพักไว้
  2. ตอกไข่ไก่ แยกไข่ขาวใส่ชาม ส่วนไข่แดงใส่ในถ้วย แล้วใส่น้ำมันมะกอก วานิลลาลงไป ตามด้วยนมสดในปริมาณที่พอดีขอบถ้วยตวง จากนั้นเทถ้วยตวงนี้ลงในชามแห้ง ใช้ตะกร้อมือคนให้ส่วนผสมเนียนเป็นเนื้อเดียวกัน แล้วทำการวางพักไว้
  3. จากนั้นใช้ตะกร้อมือตีไข่ขาว ต้องระวังไม่ให้ชาม และตะกร้อมือเปื้อนน้ำมัน เพราะถ้าเปื้อนจะทำให้ไข่ขาวไม่ขึ้นฟู เมื่อตีจนไข่ขาวขึ้นฟูแล้วก็เทลงชามแป้ง ใช้พายซิลิโคนคนให้เข้ากันอีกครั้ง
  4. ใช้กระทะเทฟลอนใบเล็กขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง 7 นิ้ว มาทำการตั้งไฟอ่อน พอกระทะร้อนให้ใช้ทัพพีตักแป้งหยอดลงไปในขนาดที่พอดีคำ แผ่นแรกอาจไม่สวยงามถือเป็นการลองกระทะก่อน
  5. เมื่อเห็นว่าผิวหน้าเริ่มมีฟองอากาศกระจายห่าง ๆ กันไปทั่วแผ่น ใช้ตะหลิวพลิกกลับด้าน รอแผ่นแป้งก็ฟูขึ้น ให้สุกเป็นสีน้ำตาลทองเหมือนกันทั้ง 2 ด้าน เป็นอันว่าสุกเรียบร้อยพร้อมกินกันแล้ว
  6. ตักออกมาใส่จาน เสิร์ฟพร้อมกับน้ำผึ้งราดลงไปบนเมนูเบเกอรี่ได้เลย ใครอยากเพิ่มผลไม้ หรือกินคู่กับอย่างอื่นที่ชอบสามารถเลือกได้ตามใจชอบ
แพน เค้ก

วันนี้เราได้สูตรแพน เค้ก ไปทำเบเกอรี่ง่าย ๆ กันแล้ว ใครที่อยากทำเมนูนี้ให้ง่ายมากขึ้นแนะนำว่าให้เลือกเป็นแป้งแพน เค้ก สำเร็จรูปมาใช้ และถ้าต้องการเพิ่มความหอมสามารถเพิ่มเนยสดลงไปในขั้นตอนการทอด และการกินได้ บอกเลยว่าเป็นส่วนผสมเล็ก ๆ ที่จะช่วยให้เบเกอรี่ทำเองมีความอร่อยมากขึ้นอย่างแน่นอน ดังนั้นใครชอบกินแบบจัดเต็มแนะนำว่าอย่าลืมเนย และอาจมีไอศกรีมรสโปรดกินคู่กันอีกสักลูก เติมหวานจนอารมณ์ดีได้อย่างแน่นอน

อ่านบทความอื่นๆ:

READ MOREREAD MORE
ข้าวเหนียวปิ้ง

ใครชอบเข้าครัวบอกเลยห้ามพลาด ข้าวเหนียวปิ้ง เมนูขนมไทย ทำเองที่ใครได้กินก็ติดใจใครชอบเข้าครัวบอกเลยห้ามพลาด ข้าวเหนียวปิ้ง เมนูขนมไทย ทำเองที่ใครได้กินก็ติดใจ

ข้าวเหนียวปิ้ง

ขนมไทยนั้นบอกเลยว่าเป็นขนมที่มีเสน่ห์ และความเป็นมาที่น่าสนใจ วันนี้เราจะเอาสูตรของขนมอย่าง ข้าวเหนียวปิ้ง มาแนะนำให้คุณได้รู้จัก ใครอยากลองทำเมนูขนมที่แตกต่างไม่ซ้ำใคร แนะนำเลยว่าไม่ควรพลาดเมนูนี้ ถ้าพร้อมแล้วเรามาเริ่มทำความรู้จักเมนูนี้ให้มากขึ้นไปพร้อมกันเลยดีกว่า

มารู้จักกับ ข้าวเหนียวปิ้ง ให้มากขึ้นกันก่อน

ข้าวเหนียวปิ้ง

สำหรับเมนูอย่าง ข้าวเหนียว ปิ้ง นั้น เป็นหนึ่งในขนม ไทย ทำ ง่ายที่ได้รับความนิยมต่อเนื่องมายาวนาน มาพร้อมไส้หลากหลายให้เลือกได้ตามชอบ ทำให้สูตร ข้าวเหนียวปิ้ง โบราณนั้นไม่ได้ระบุตายตัวว่าต้องเป็นไส้ไหน แต่ไส้ที่นิยมจะเป็นข้าวเหนียวปิ้งไส้กล้วย ข้าวเหนียวปิ้งไส้เผือก กุ้งผัดมะพร้าว เป็นต้น โดยเมนูนี้มาพร้อมความหอมหวานที่ลงตัว จนทำให้ข้าวเหนียว ปิ้งนิยมมาจนถึงปัจจุบันนั่นเอง

วัตถุดิบในการทำ ข้าวเหนียวปิ้ง

เมื่อเมนูอย่างข้าวเหนียวปิ้ง มาพร้อมไส้ที่หลากหลาย วันนี้เราทำทีเดียวพร้อมกัน 3 ไส้ไปเลยดีกว่า จะได้คุ้มค่ากับการเตรียมของเพื่อทำขนมไทย โบราณเมนูนี้กัน พร้อมแล้วมาเริ่มเตรียมวัตถุดิบกันเลย

ข้าวเหนียวปิ้ง
  • อัตราส่วนข้าวเหนียวมูน

– ข้าวเหนียวใหม่ 1 กิโลกรัม

– หัวกะทิ 600 กรัม

– น้ำตาลทรายขาว 350 กรัม

– เกลือสมุทร 2 ช้อนชา

  • อัตราส่วนไส้เผือกกวน

– เผือกหั่นเต๋า 500 กรัม(น้ำหนักก่อนนึ่ง)

– หัวกะทิ 300 กรัม

– น้ำตาลมะพร้าว 160 กรัม

– เกลือป่น 1/2 ช้อนชา (เกลือปรุงทิพย์)

ข้าวเหนียวปิ้ง
  • อัตราส่วนไส้กุ้ง

– หัวกะทิ 90 กรัม(ใช้น้ำมันพืชแทนได้ 2-3 ชต.)

– รากผักชี 3 ราก

– กระเทียมไทย 1 ช้อนตวง

– พริกไทยขาวเม็ด 1 ช้อนชา

– เนื้อกุ้งสับละเอียด 180 กรัม

– น้ำตาลทรายขาว 50 กรัม

– เกลือสมุทร 6 กรัม

– มะพร้าวขูดขาว 120 กรัม

– ใบมะกรูดหั่นฝอย 5 ใบ

– สีผสมอาหารสีส้ม 1 ช้อนชา

มาเริ่มทำ ข้าวเหนียวปิ้ง ตามฉบับสูตร ขนม ไทยแท้กัน

ใครที่เตรียมวัตถุดิบของข้าวเหนียวปิ้งพร้อมแล้ว อย่าเสียเวลาเรามาเริ่มทำขนม หวาน ไทยเมนูนี้ไปพร้อมกันเลยดีกว่า บอกเลยว่าเป็นขนม ไทย ง่ายๆ อย่างแน่นอน

ข้าวเหนียวปิ้ง
  1. ล้างข้าวเหนียวให้สะอาด จากนั้นต้องทำการแช่ทิ้งไว้อย่างน้อย 5 ชั่วโมง 
  2. หั่นเผือกหอมให้ได้ชิ้นเล็ก ๆ จากนั้นนำไปนิ่งด้วยไฟแรง 20 นาที ใช้ส้อมยีให้ละเอียดขณะที่กำลังร้อน พักไว้ เมื่อเริ่มเย็นแล้วให้นำเผือกหอม หัวกะทิ น้ำตาลมะพร้าว เกลือป่น เทลงไปในกระทะใช้ไฟกลางในช่วงแรก คนให้เข้ากัน อย่าหยุดมือ พอละลายดีแล้ว ลดเหลือไฟอ่อน กวนต่อจนเนื้อแห้งได้ที่ เริ่มจับตัวเป็นก้อน ปิดแก๊ส ยกลง พักให้เย็นสนิท
  3. ทำส่วนผสมไส้กุ้ง นำสามเกลือไปโขลกให้ละเอียด ตั้งกระทะ ใช้ไฟกลางค่อนอ่อน เทหัวกะทิลงไป ผัดให้กะทิแตกมัน จากนั้นใส่สามเกลอลงไป ผัดจนหอม แล้วใส่กุ้งสับลงไป ผัดจนกุ้งสุกดี ตามด้วยเกลือป่น น้ำตาลทราย ผัดให้เข้ากัน ตามด้วยมะพร้าวขูดขาว หยดสีผสมอาหารสีส้มลงไปตามชอบ ผัดให้เข้ากันอีกครั้งจนแห้ง ปิดท้ายด้วยใบมะกรูดซอย ปิดแก๊ส พักให้เย็นสนิท
  4. นำข้าวเหนียวไปนึ่ง ด้วยไฟแรง 30 นาที ตั้งกระทะ ใส่หัวกะทิลงไป ตามด้วยน้ำตาลทรายขาว และเกลือสมุทร เปิดไฟกลาง คนให้ส่วนผสมเข้ากันดี ไม่ต้องรอให้เดือด ก็สามารถปิดแก๊สได้
  5. นำข้าวเหนียวที่นึ่งสุกแล้ว เทใส่ คนให้เข้ากันไปในทางเดียวกัน ปิดฝาพักไว้ 20 นาที จากนั้นคนให้เข้ากันอีกรอบ ปิดฝาพักไว้อีก 10 นาที
  6. เริ่มนำมาห่อ ด้วยการตักข้าวเหนียวมูนลงไป 1 ช้อน ตามด้วยไส้ และปิดด้วยข้าวเหนียวอีกครั้ง กดให้แน่น พับปิดเหมือนขนมเทียน จากนั้นนำไปปิ้งด้วยไฟกลางบนเตาถ่าน ก็ถือว่าเสร็จเรียบร้อย
ข้าวเหนียวปิ้ง

เมนูอย่างข้าวเหนียวปิ้งเป็นได้ทั้งอาหารเช้า ขนมว่าง และยังดัดแปลงไส้ได้ตามความชอบของแต่ละคนอีกด้วย ใครชอบความเป็นไทย และอยากหากิจกรรมทำ แนะนำเลยว่าเมนูนี้เป็นหนึ่งในขนมที่น่าลองทำ ระหว่างทางคุณอาจจะค้นพบไอเดียใหม่ ๆ เพื่อทำให้อร่อยในแบบของคุณก็ได้เช่นเดียวกัน

อ่านบทความอื่นๆ:

สนับสนุนโดย: hilo-88.net

READ MOREREAD MORE
เค้กใบเตย

ใครชอบความหอมนุ่มของ เค้กใบเตย วันนี้เราจะมาสอนทำเค้กให้อร่อยเหมือนร้านกันใครชอบความหอมนุ่มของ เค้กใบเตย วันนี้เราจะมาสอนทำเค้กให้อร่อยเหมือนร้านกัน

เค้กใบเตย

สำหรับใบเตยถือว่าเป็นวัตถุดิบที่นำมาทำทั้งขนมและอาหารได้หลากหลาย หนึ่งในเมนูที่ได้รับความนิยมมากที่สุดต้องยกให้กับ เค้กใบเตย ใครที่ชื่นชอบเมนูนี้ และอยากลองทำด้วยตัวเองบอกเลยว่าห้ามพลาด เพราะเราได้สรุปสูตรเด็ดเคล็ดลับมาฝากคุณที่นี่เรียบร้อยแล้ว

จุดเด่นที่น่าสนใจของ เค้กใบเตย

เค้กใบเตย

สำหรับ เค้ก ใบเตย นั้นสามารถดัดแปลงทำได้หลายแบบ ทำให้สร้างสรรค์เป็นเมนูเบเกอรี่ทำเองที่หลากหลาย ทำให้คุณได้ออกแบบตามสไตล์ความชอบของคุณ ไม่ว่าจะเป็นเค้กใบเตยมะพร้าวอ่อน เค้กใบเตยหน้านิ่ม เค้กใบเตยครีมสดหรือจะกินแบบนุ่ม ๆ อย่างชิฟฟ่อนใบเตย ดังนั้นถ้าคุณรู้สูตรการทำพื้นฐานของเค้กประเภทนี้จะช่วยทำให้คุณทำเค้กได้หลากหลายแบบมากขึ้นอย่างแน่นอน

วัตถุดิบสำหรับทำเค้กใบเตย

วันนี้เรามาเตรียมวัตถุดิบของเค้กใบเตย กันตามสูตรของวิธีทำเค้กใบเตย มะพร้าวอ่อน ต้องเตรียมอะไรให้พร้อมสำหรับเมนูนี้บ้าง พร้อมแล้วเรามาเริ่มกันเลยดีกว่า

เค้กใบเตย
  • ส่วนผสมเนื้อเค้กส่วนที่ 1
    • แป้งเค้ก 60 กรัม
    • ผงฟู 1/2 ช้อนชา
    • น้ำตาลทราย 39 กรัม
    • กะทิ 22 กรัม
    • ไข่แดง 2 ฟอง
  • ส่วนผสมที่ 2
    • น้ำมันพืช 22 กรัม
    • น้ำใบเตย 18 กรัม
    • กลิ่นใบเตย ½ ฝา
  • ส่วนผสมที่ 3
    • ไข่ขาว 2 ใบ
    • ครีมออฟทาร์ทาร์ ¼ ช้อนชา
    • น้ำตาลทรายป่น 39 กรัม
เค้กใบเตย
  • ส่วนผสมครีม
    • วิปครีม 324 กรัม
    • น้ำตาลไอซิ่ง 30 กรัม
    • กลิ่นวนิลา ½ ฝา
  • ส่วนผสมไส้มะพร้าว
    • แป้งกวนไส้ 11 กรัม
    • น้ำตาลทราย 18 กรัม
    • เกลือ
    • กะทิ 112 กรัม
    • น้ำมะพร้าว 67 กรัม
    • เนยจืดแช่เย็น 13 กรัม
    • มะพร้าวหั่นเป็นเส้น 1 ผล

วิธีการทำเค้กใบเตย

มาถึงขั้นตอนของการทำเค้กใบเตยกันแล้ว สูตรเค้กใบเตยสูตรนี้จะมาพร้อมขั้นตอนแบบไหนบ้างก่อนที่จะเริ่มเสิร์ฟความอร่อยได้ เรามาเริ่มทำเมนูเบเกอรี่เมนูนี้ไปพร้อมกันดีกว่า

เค้กใบเตย
  1. วอร์มเตาอบไว้ที่ 180 องศาฯ และใช้ไฟบนล่าง
  2. จากนั้นมาร่อนส่วนผสมที่ 1 เข้าด้วยกัน
  3. เอาส่วนผสมที่ 2 ผสมเข้าด้วยกัน แล้วเอาส่วนที่ 1 และ 2 รวมกัน คนให้เข้ากันด้วยตะกร้อมือ
  4. เริ่มตีไข่ขาว และครีมออฟทาร์ทาร์ ให้ตั้งยอด 90%
  5. แบ่งไข่ขาวเป็น 3 ส่วน ค่อย ๆ ตะล่อมกับส่วนที่ 2 จนหมด คนให้เข้ากันด้วยพายยาง
  6. เทใส่พิมพ์ที่ทาน้ำมันไว้ แล้วนำเข้าเตาอบ 180 องศาฯ ประมาณ 20-30 นาที
  7. ตีส่วนผสมครีมทั้งหมดจนตั้งยอด แบ่งใส่ถุงไว้บีบแต่งหน้า ครีมที่เหลือให้นำมาปาดที่เค้ก
  8. นำเค้กไปแช่ตู้เย็นให้ครีมเซ็ตตัว ระหว่างรอให้เริ่มทำไส้มะพร้าว
  9. นำส่วนผสมของใส้มะพร้าวใส่หม้อ คนผสมให้เข้ากัน โดยที่ยังไม่ต้องใส่มะพร้าว และคนโดยใช้ไฟปานกลาง
  10. คนจนแป้งละลาย และมีสีข้นขึ้น ปิดเตา แล้วใส่เนยจืดลงไป
  11. เมื่อหายร้อนแล้วผสมมะพร้าวลงไป พักให้เย็น ซึ่งสามารถแช่ตู้เย็นได้ แล้วนำไปใส่ในไส้เค้ก ตกแต่งหน้าเค้กให้สวยงาม พร้อมกินกันได้เลย

ประโยชน์ของเมนู เค้กใบเตย

เค้กใบเตย

เมื่อเราได้ความอร่อยจากเมนูอย่าง เค้ก ใบเตย แน่นอนอยู่แล้ว แต่คุณจะได้ประโยชน์อะไรจากเค้ก ใบเตยบ้าง เรามาดูกันดีกว่าว่ากินเมนูเค้กนี้แล้วดีอย่างไร

  • มีส่วนช่วยบำรุงหัวใจ ใครที่ความดันสูงกินน้ำใบเตย หรือสิ่งที่มีส่วนผสมของใบเตยอย่างพอเหมาะ ช่วยดูแลสุขภาพได้เป็นอย่างดี
  • ช่วยบำรุงกำลัง และระบบประสาท เพิ่มความสดชื่น เพราะช่วยรักษาระดับน้ำตาลในเลือดได้ดี เพียงเลือกกินเมนูเบเกอรี่นี้ให้เหมาะสม
เค้กใบเตย

เค้กใบเตยเมนูนี้เหมาะทั้งเป็นมื้อรองท้อง หรือมื้อจิบน้ำชายามบ่าย สามารถปรับให้เป็นได้หลายรูปแบบตามที่ต้องการ ใครกำลังมองหาเมนูที่ทำง่าย อร่อย และคนนิยมต้องไม่พลาดการหยิบสูตรจากเราในวันนี้ไปใช้กัน โดยคุณสามารถเพิ่มลดความหวาน หรือไส้มะพร้าวได้ตามความชอบกันเลย หรืออยากจะกินเฉพาะเนื้อเค้กเปล่า ๆ ก็สามารถทำได้ และอร่อยแบบมินิมอลไม่แพ้ใครอย่างแน่นอน

อ่านบทความอื่นๆ:

สนับสนุนโดย: hilo-88.net

READ MOREREAD MORE
หมี่กรอบ สามรส

เมนูของว่างอย่าง หมี่กรอบ สามรส ทำเองได้ง่ายกว่าที่คิด มาเก็บสูตรไปเข้าครัวกันเลยเมนูของว่างอย่าง หมี่กรอบ สามรส ทำเองได้ง่ายกว่าที่คิด มาเก็บสูตรไปเข้าครัวกันเลย

หมี่กรอบ สามรส

ใครที่ชอบ หมี่กรอบ สามรส แล้วอยากทำเองเพื่อกินให้จุใจ ใส่เครื่องให้เต็มปากเต็มคำ เรามาเก็บสูตรเด็ดแล้วไปเข้าครัวทำเองกันดีกว่า บอกเลยว่าเมนูนี้ทำง่ายกว่าที่คิด แต่ต้องรู้อะไร เตรียมอะไร และทำอย่างไรบ้าง เรามาเริ่มรู้จักกับเมนูนี้ให้มากขึ้นไปพร้อมกันเลยดีกว่า

ประวัติความเป็นมาของ หมี่กรอบ สามรส

หมี่กรอบ สามรส

สำหรับ หมี่กรอบสามรส บอกเลยว่าเป็นเมนูที่จัดเป็นขนมไทยโบราณที่คนไทยเรานิยมกินและทำมาอย่างยาวนาน ได้รับไอเดียมาจากจีน และผสมผสานความเป็นอาหารลายเชื้อชาติเข้ามา จนทำให้หมี่กรอบโบราณเริ่มเป็นที่นิยมมากขึ้นเรื่อย ๆ และคุ้นเคยกับไทยเรามาตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 5 ดังนั้นใครอยากลองทำหมี่ กรอบด้วยตัวเองมาเก็บสูตรจากเราไปใช้กันเลย

วัตถุดิบสำหรับเมนู หมี่กรอบ สามรส

ก่อนจะเริ่มทำหมี่กรอบ สามรส ต้องเตรียมวัตถุดิบอะไรให้พร้อมบ้าง เรามาดูของที่ต้องใช้ทำหมี่กรอบทรงเครื่องโบราณไปพร้อมกันดีกว่า บอกเลยว่าเป็นขนมไทย ง่ายๆ ที่คุณจะต้องหลงรักเมื่อได้สัมผัสอย่างแน่นอน

หมี่กรอบ สามรส
  • ส่วนผสม ซอสหมี่กรอบ
    • น้ำมันพืช 2-3 ช้อนโต๊ะ
    • หอมแขกสับหยาบ 50 กรัม
    • ไข่ไก่ 2 ฟอง
    • น้ำตาลมะพร้าว 350 กรัม
    • น้ำตาลทราย 150 กรัม
    • น้ำกระเทียมดอง 60 กรัม
    • น้ำปลา 70 กรัม
    • ซอสพริก 100 กรัม
    • น้ำมะนาว 2 ช้อนโต๊ะ
    • สีผสมอาหารสีส้มแดงชนิดผง ตามชอบ
    • น้ำมะขามเปียก 100 กรัม (น้ำร้อน 200 ml.+มะขามเปียก 60 กรัม)
  • ส่วนผสมหมี่กรอบ สามรส
    • เส้นหมี่แห้ง
    • ซอสหมี่กรอบ
    • ใบมะกรูดทอด
    • พริกแห้งทอด
    • เม็ดมะม่วงหิมพานต์ทอด

วิธีทำ หมี่กรอบ สามรส

เมื่อเตรียมวัตถุดิบเรียบร้อยแล้วเรามาเริ่มทำ หมี่กรอบสามรส กันดีกว่า บอกเลยว่าสูตรนี้เป็นวิธีทำหมี่กรอบ ให้กรอบนาน และเป็นสูตรหมี่กรอบ ทำขายกันเลยทีเดียว

หมี่กรอบ สามรส
  1. เริ่มต้นด้วยการทำซอสก่อน โดยตั้งกระทะ เปิดแก๊สใช้ไฟกลางค่อนอ่อน จากนั้นใส่น้ำมันพืชลงไป
  2. พอน้ำมันร้อน ให้ใส่หอมแขก ผัดจนสุกใส แล้วใส่ไข่ไก่ลงไปแล้วคนให้เข้ากัน
  3. พอไข่แห้ง ก็ใส่ส่วนผสมที่เหลือลงไปให้หมด
  4. คนส่วนผสมทุกอย่างให้เข้ากันดี แล้วเคี่ยวต่อไปเรื่อย ๆ จนส่วนผสมข้นขึ้น
  5. พอซอสได้ที่ โดยสังเกตว่าเริ่มเดือดเป็นฟองละเอียด ให้คุณใส่สีผสมอาหารลงไป คนให้เข้ากัน ปิดเตา นำซอสมาพักไว้ให้เย็นสนิท
  6. ทอดเส้นหมี่ โดยใช้เส้นหมี่แห้ง ไม่ต้องแช่น้ำ
  7. ตั้งกระทะ ใส่น้ำมันปาล์ม ใช้ไฟกลางค่อยอ่อน รอจนน้ำมันร้อนจัด คลี่เส้นหมี่ออกจากกัน เพื่อให้เส้นหมี่ฟูทั่วถึงพอน้ำมันร้อนให้นำเส้นหมี่ลงทอด
  8. น้ำมันที่เหลือ นำมาทอดใบมะกรูด และพริกแห้งต่อ
  9. ตั้งกระทะ ใส่น้ำมันพืชเล็กน้อย เปิดแก๊สใช้ไฟอ่อน ใส่ซอสลงไปผัดให้ละลาย
  10. พอน้ำซอสเดือด ให้นำเส้นหมี่ลงไปผัดทีละน้อย คลุกเคล้าให้ซอสเข้ากับเส้น
  11. พอเส้นกับซอสเข้ากันดี ให้นำขึ้นมาพัก หากต้องการกินเลยก็สามารถตกแต่งหน้าได้ตามชอบ แต่ถ้าต้องการบรรจุใส่กล่องควรรอขนมไทยหมี่กรอบมะขามเปียกให้อุ่นลงก่อน

ประโยชน์ที่คุณจะได้จากเมนูหมี่กรอบ สามรส

เมื่อเลือกจะทำและกินหมี่กรอบ สามรส คุณจะได้ประโยชน์อะไรจากเมนูนี้บ้าง เรามาหาประโยชน์ไปเพิ่มเติมความอร่อยไปพร้อมกันเลยดีกว่า

หมี่กรอบ สามรส
  • ประโยชน์จากไข่ไก่

สำหรับเมนูนี้มีไข่ไก่เป็นส่วนผสม โดยมีประโยชน์ในการช่วยลดน้ำหนัก เพิ่มความแข็งแรงให้ร่างกาย โดยเฉพาะกล้ามเนื้อ บำรุงสมองและระบบประสาท บำรุงสายตาช่วยในการมองเห็น และยังมีส่วนช่วยเสริมภูมิคุ้มกันให้กับคุณอีกด้วย

  • ประโยชน์จากเม็ดมะม่วงหิมพานต์

ถั่วชนิดนี้มาพร้อมสรรพคุณช่วยป้องกันโรคมะเร็ง ลดความเสี่ยงของการเกิดโรคมะเร็งลำไส้ใหญ่ มีธาตุแมกนีเซียมในปริมาณมาก ช่วยบำรุงสุขภาพเหงือก สุขภาพฟัน และกระดูกให้แข็งแรง การรับประทานเม็ดมะม่วงหิมพานต์เป็นประจำ จะช่วยป้องกันโรคจอประสาทตาเสื่อมได้

หมี่กรอบ สามรส

ใครที่อยากอร่อยแบบทำเองต้องไม่พลาดที่จะหยิบสูตร หมี่กรอบสามรส จากเราในวันนี้ไปทำกันเอง บอกเลยว่าทำไม่ยาก ใช้เวลาไม่นาน แต่ได้ของอร่อย มีประโยชน์มากิน ในแบบที่สามารถแบ่งปันให้กับคนอื่นได้อีกด้วย อย่ารอช้ารีบไปหาวัตถุดิบมาเข้าครัวกันเลย

อ่านบทความอื่นๆ:

สนับสนุนโดย: sa-game.bet

READ MOREREAD MORE
ข้าวแต๋น

มาทำเมนูขนมกินเล่นสุดฟิน ข้าวแต๋น ด้วยตัวเองกันมาทำเมนูขนมกินเล่นสุดฟิน ข้าวแต๋น ด้วยตัวเองกัน

ข้าวแต๋น

เมนูขนมอย่าง ข้าวแต๋น ถือว่าเป็นที่นิยมทั่วประเทศไทย ด้วยความกรอบ หวาน ลงตัว เคี้ยวเพลิน กลายเป็นขนมกินเล่นที่อยู่ได้ในทุกช่วงเวลา ใครอยากลองทำเมนูนี้ด้วยตัวเอง เพราะอยากได้ความสดใหม่ ลองมาเก็บสูตรจากเราไปทำกันเองดีกว่า บอกเลยว่าทำง่าย และอร่อยอย่างแน่นอน

มารู้จักกับ ข้าวแต๋น ให้มากขึ้นกัน

ข้าวแต๋น

ก่อนที่จะไปลงลึกถึงสูตร เรามาทำความรู้จักกับที่มาของเมนูอย่างข้าวแต๋น กันก่อนดีกว่า ซึ่งจุดเริ่มต้นของข้าวแต๋น ประวัตินั้นคือ เป็นไอเดียในการถนอมอาหารของชาวเหนือ นำข้าวเหนียวนึ่งที่เหลือมาทำการแปรรูป และนิยมพกข้าว แต๋นไปกินเมื่อเดินทางไกล โดยจะทำกันบ่อยมากที่สุดช่วงมีเทศกาลสำคัญต่าง ๆ ซึ่งตอนนี้รูปแบบที่นิยมมากที่สุดคือ ข้าวแต๋น น้ำแตงโมนั่นเอง แต่สิ่งที่น่าสนใจคือ ขนมไทยโบราณเมนูนี้ยังสามารถทำเป็นหน้าอื่น ๆ ได้หลากหลายอีกด้วย

วัตถุดิบที่ต้องใช้ทำข้าวแต๋น

วันนี้เราจะพาคุณมาเตรียมวัตถุดิบให้พร้อมทำเมนูอย่าง ข้าว แต๋น น้ำแตงโม ซึ่งไม่ว่าคุณจะเรียกว่า ข้าวแต๋น นางเล็ดหรือชื่อไหน ๆ ก็ถือว่าเป็นเมนูเดียวกัน และยังสามารถปรับให้เป็นข้าวแต๋นจิ๋วได้อีกด้วย เมนูนี้ต้องเตรียมอะไรบ้าง มาดูกันเลย

  • ส่วนผสมของข้าวแต๋น

ข้าวเหนียว 1 กิโลกรัม

น้ำแตงโมคั้น 250 มิลลิลิตร

น้ำตาลทราย 40 กรัม

เกลือป่น ¾ ช้อนชา

งาดำคั่ว ตามชอบ

ข้าวแต๋น
  • ส่วนผสมน้ำเชื่อมราดข้าวแต๋น

– น้ำตาลมะพร้าว 400 กรัม

– น้ำตาลทรายแดง 100 กรัม

– เกลือป่น ½ ช้อนชา

– น้ำเปล่า 3 ช้อนโต๊ะ

วิธีทำ ข้าวแต๋น

เมื่อเตรียมวัตถุดิบสำหรับทำข้าวแต๋นเรียบร้อยแล้ว เรามาเริ่มเข้าครัวเพื่อทำตามวิธีทํา ข้าวแต๋นในแบบฉบับของการเป็นขนมไทยกันดีกว่า บอกเลยว่าเป็นหนึ่งในเมนูที่ทำสนุกอย่างแน่นอน

ข้าวแต๋น
  • วิธีทำข้าวแต๋น
  1. นำข้าวเหนียวไปซาวน้ำให้สะอาด จากนั้นนำไปแช่น้ำให้ข้าวเหนียวนิ่มประมาณ 5 – 6 ชั่วโมง เมื่อครบเวลาให้ทำการกรองน้ำออก พักให้สะเด็ดน้ำ
  2. เตรียมซึ้งนึ่ง ด้วยการต้มน้ำให้เดือด ห่อข้าวเหนียวด้วยผ้าขาวบาง ใส่ลงในซึ้ง แล้วนึ่งข้าวเหนียวให้สุกด้วยไฟแรง ใช้เวลาประมาณ 30 นาที เมื่อเสร็จแล้ว ตักขึ้นพักให้เย็น
  3. นำแตงโมหั่นชิ้น ใส่เครื่องปั่นตามด้วยน้ำเปล่า ปั่นให้ละเอียด เสร็จแล้ว กรองเอากากออก จะทำให้คุณได้น้ำแตงโมเข้มข้น
  4. ใส่น้ำตาลทราย เกลือป่น ลงในน้ำแตงโม คนให้ละลายเข้ากัน
  5. เตรียมชามผสม แล้วใส่ข้าวเหนียวลงไป ตามด้วยน้ำแตงโม คลุกเคล้าทุกอย่างให้เข้ากัน พักทิ้งไว้ให้ข้าวเหนียวดูดน้ำประมาณ 2 – 3 นาที
  6. ใส่งาดำคั่ว คลุกเคล้าให้เข้ากัน จากนั้นเตรียมถาดแล้วตักข้าวเหนียวใส่พิมพ์รูปวงกลม นำไปตากแดด 1 วัน
  7. เมื่อตากไว้ครบเวลา นำมาทอดได้ โดยตั้งกระทะใส่น้ำมันลงไป เมื่อน้ำมันร้อนได้ที่ให้ใส่ข้าวแต๋น ลงไป ทอดให้มีสีเหลือง กรอบ เสร็จแล้วตักขึ้นพักให้สะเด็ดน้ำมัน
  • วิธีทำน้ำเชื่อมราด
  1. ตั้งหม้อ ใส่น้ำตาลมะพร้าว น้ำตาลทรายแดง เกลือป่น น้ำเปล่า 3 ช้อนโต๊ะ จากนั้น เปิดไฟอ่อน คนให้น้ำตาลละลายเข้ากัน แล้วเคี่ยวให้มีความข้นหนืดตามที่ต้องการ
  2. พอน้ำเชื่อมข้นได้ที่ และเดือดให้ปิดไฟ ตักน้ำเชื่อมราดข้าวแต๋นให้สวยงามตามที่คุณต้องการ

ข้าวแต๋นมีแบบไหนให้เลือกกินและทำอีกบ้าง

อย่างที่บอกกันไปแล้วว่าข้าวแต๋นนั้นมีหลายหน้า หลายรส ให้คุณได้เลือก แม้วันนี้เราจะหยิบสูตรมาให้เพียงแบบเดียว แต่เราเตรียมหน้าอื่น ๆ มาแนะนำให้คุณได้รู้จักกันเพิ่มเติมด้วย มีอะไรน่าสนใจบ้าง มาดูกัน

ข้าวแต๋น
  • น้ำใบเตย

ใครที่ชอบสีสันแปลกตาเปลี่ยนจากน้ำแตงโมมาเป็นน้ำใบเตยกันได้เลย มาพร้อมความหวานใกล้เคียงกัน แต่กลิ่นหอมจะเป็นใบเตยนั่นเอง

  • ข้าวเหนียวดำ

ตัวนี้ทำน้ำราดและทุกอย่างเหมือนกันได้ทั้งหมด แต่เปลี่ยนจากข้าวเหนียวขาว มาใช้ข้าวเหนียวดำ

  • หน้าหมูหยอง

ตัวนี้ปรับให้เป็นของกินเล่นแบบรสคาวกันหน่อย ทำคล้ายกัน เพียงแต่ไม่ต้องราดน้ำเชื่อม

ข้าวแต๋น

ใครเป็นสาวกข้าวแต๋นอยากแนะนำว่าไม่ควรพลาดที่จะลองทำเมนูนี้ด้วยตัวเอง เพราะอร่อย ทำไม่ยาก เพียงแต่มีกระบวนการเรื่องเวลามากกว่าหลาย ๆ เมนูเท่านั้นเอง แต่ถ้าทำแล้วเก็บได้นาน และอาจพัฒนาไปจนถึงการทำขาย สร้างรายได้เพิ่มกันได้อีกด้วย

อ่านบทความอื่นๆ: 

สนับสนุนโดย: ufaball.bet

READ MOREREAD MORE
ขนมเปี๊ยะ ถั่วไข่เค็ม

ชวนมาแกะสูตร ขนมเปี๊ยะ ถั่วไข่เค็ม แล้วทำไปพร้อมกันชวนมาแกะสูตร ขนมเปี๊ยะ ถั่วไข่เค็ม แล้วทำไปพร้อมกัน

ขนมเปี๊ยะ ถั่วไข่เค็ม

ใครที่ชอบความนุ่มแน่นละมุนของรสชาติในเมนูขนมอย่าง ขนมเปี๊ยะ ถั่วไข่เค็ม วันนี้ต้องห้ามพลาด เพราะเราหยิบเอาสูตรเด็ดที่ทำตามได้ไม่ยาก แต่ได้รสชาติที่ประทับใจมาฝากคุณกันเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ใครอยากลองทำเมนูนี้กินเองแบบจุใจเรามาเริ่มทำความรู้จักเมนูนี้ให้มากขึ้นกันดีกว่า

ที่มาของ ขนมเปี๊ยะ ถั่วไข่เค็ม

ขนมเปี๊ยะ ถั่วไข่เค็ม

มาเริ่มทำความรู้จักกับ ขนมเปี๊ยะถั่วไข่เค็ม กันดีกว่า โดยขนมเปี๊ยะถั่วไข่เค็มนั้นมีต้นกำเนิดมาจากประเทศจีน แต่ก็ได้รับการปรับปรุงสูตร และอยู่ในไทยมานานจนร้านขนมไทยก็มีเมนูให้บริการเช่นกัน โดยนอกจากรสชาติที่อร่อยกลมกล่อมแล้วเปี๊ยะถั่วไข่เค็มรวมทั้งไส้อื่น ๆ นั้นยังเป็นขนมที่ส่งต่อให้กับด้วยความปรารถนาที่ดีอีกด้วย กลายเป็นหนึ่งในขนมมงคลที่พวกเราสามารถเจอกันได้ตามเทศกาลต่าง ๆ แต่ถ้าอยากกินนอกเทศกาลลองมาเก็บสูตรเปี๊ยะโบราณจากเราไปทำเองกันดีกว่า

วัตถุดิบที่ต้องใช้สำหรับ ขนมเปี๊ยะ ถั่วไข่เค็ม

ก่อนที่จะเริ่มทำเราต้องมาเตรียมวัตถุดิบของขนมเปี๊ยะ ถั่วไข่เค็ม กันให้พร้อมก่อน โดยบอกเลยว่ายิ่งวัตถุดิบสดใหม่เท่าไรยิ่งทำให้คุณได้ความอร่อยจากเปี๊ยะ ถั่วไข่เค็มมากขึ้นเท่านั้น พร้อมแล้วมาเริ่มเตรียมกันเลย

ขนมเปี๊ยะ ถั่วไข่เค็ม
  • วัตถุดิบสูตรเปี๊ยะไส้ถั่วเค็ม

– ถั่วเขียวซีกดิบ 500 กรัม

– น้ำตาลทราย 430 กรัม

– หัวกะทิ 1 ถ้วย

– น้ำใบเตยหรือน้ำเปล่า 1 ถ้วย

– น้ำมันพืช 1 ถ้วย

– เกลือ ½ ช้อนชา

  • ส่วนผสมแป้งชั้นนอก

แป้งตราพัดโบก 400 กรัม

น้ำตาลทราย 100 กรัม

น้ำเปล่า 100 กรัม

น้ำมันพืช 125 กรัม

ไข่ไก่ 1 ฟอง

แบะแซ 20 กรัม (ไม่ใส่ก็ได้)

ขนมเปี๊ยะ ถั่วไข่เค็ม
  • ส่วนผสมแป้งชั้นใน

แป้งบัวแดง 200 กรัม

น้ำมันพืช 80 กรัม

สูตรการทำ ขนมเปี๊ยะ ถั่วไข่เค็ม ให้อร่อยแบบขนมไทยโบราณ

เมื่อเตรียมวัตถุดิบกันเป็นที่เรียบร้อยแล้ว เรามาเริ่มทำไปทีละขั้นตอนกันดีกว่า ใครอยากทำเมนูนี้แนะนำว่าเผื่อเวลาเอาไว้เล็กน้อย ควรทำในวันว่าง เพราะใช้เวลาพอประมาณ แต่เป็นของหวานไทยที่ทำสนุกอย่างแน่นอน

ขนมเปี๊ยะ ถั่วไข่เค็ม
  1. นำถั่วเขียวแช่น้ำประมาณ 30 นาที จากนั้นนำไปล้าง และนำไปนึ่งต่อประมาณ 30 นาที ให้สุกดี จากนั้นนำมาตำให้ละเอียด
  2. นำถั่วเขียวใส่ชาม ตามด้วยน้ำตาล น้ำเปล่า น้ำมันพืช และเกลือ คนผสมให้ทุกส่วนผสมเข้ากัน 
  3. นำไปตั้งไฟกลาง กวนไปเรื่อย ๆ จนเดือด จากนั้นปรับเป็นไฟอ่อน กวนไปเรื่อย ๆ จนได้ความเนียน ตักมาพักไว้ให้เย็น
  4. เริ่มเตรียมแป้งชั้นนอก ใส่แป้งตราพัดโบก ตามด้วยน้ำเปล่า น้ำมันพืช น้ำตาลทราย ไข่ไก่ ตีผสมให้เข้ากัน นำมานวดให้เนียน แล้วพักแป้งไว้ 1 ชั่วโมง
  5. เตรียมแป้งชั้นใน ใส่แป้งเค้กบัวแดง ตามด้วยน้ำมันพืช ผสมให้เข้ากัน พักไว้ 1 ชั่วโมง
  6. นำไข่แดงเค็มไปอบด้วยไฟ 150 องศา เป็นเวลา 10 นาที เพื่อไล่ความชื้น
  7. ปั้นไส้ ซึ่งแนะนหำตัวไส้ถั่วที่ปริมาณ 20 กรัมต่อ 1 ลูก และนำไข่แดงใส่ด้านใน
  8. มาทำแป้งชั้นนอกต่อ ปั้นให้ได้ 38 กรัมต่อ 1 ลูก ส่วนแป้งชั้นใน 14 กรัมต่อ 1 ลูก 
  9. นำแป้งมารีด ขึ้นบนลงล่าง ม้วนลงจนสุด วางแนวขวางและรีดอีกครั้ง ม้วนลงตามเดิม นำมาตัดแบ่งเป็น 4 ชิ้น 
  10. นำแป้งมาคลึงออกด้านข้าง ให้ลายอยู่ตรงกลาง นำมาห่อไส้ถั่วที่ทำไว้ ปิดให้สนิททาด้วยไข่แดงผสมน้ำมัน
  11. นำเข้าเตาอบด้วยอุณหภูมิ 175-180 องศา เป็นเวลา 15-20 นาที 
  12. นำไปอบควันเทียนทิ้งไว้ 1 คืน จากนั้นก็สามารถกินได้ตามที่ต้องการ
ขนมเปี๊ยะ ถั่วไข่เค็ม

วันนี้ได้สูตรขนมเปี๊ยะ ถั่วไข่เค็มกันไปเรียบร้อยแล้ว ซึ่งสูตรนี้ถือว่าเป็นสูตรเปี๊ยะแป้งสด โดยที่ใครอยากได้สูตรเปี๊ยะแป้งบางนุ่มกว่านี้ แนะนำว่าปรับได้ตามชอบ แต่อย่าบางจนเกินไปเพราะอาจทำให้แตกตัวง่าย ใครอยากลองทำขนมไทย ง่ายๆ เมนูนี้สามารถนำสูตรนี้ไปใช้กันได้เลย

อ่านบทความอื่นๆ:

สนับสนุนโดย: sa-game.bet

READ MOREREAD MORE