หมวดหมู่: สูตรขนม

บลูเบอร์รี่ชีสพาย

มาทำเมนูสุดฟินกับ บลูเบอร์รี่ชีสพาย กันมาทำเมนูสุดฟินกับ บลูเบอร์รี่ชีสพาย กัน

บลูเบอร์รี่ชีสพาย

เมนูขนมหวานอย่าง บลูเบอร์รี่ชีสพาย เชื่อว่าเป็นเมนูโปรดของใครหลาย ๆ คนอย่างแน่นอน ซึ่งถ้าใครอยากลองทำเมนูนี้ด้วยตัวเอง วันนี้เราเตรียมสูตรเด็ดมาฝากกันแล้ว รับรองว่าทั้งทำง่าย และอร่อยอย่างแน่นอน ใครกำลังมองหาเมนูขนมน่าทำมาตามเก็บสูตรไปพร้อมกับเรากันเลย

จุดเด่นที่น่าสนใจของ บลูเบอร์รี่ชีสพาย

บลูเบอร์รี่ชีสพาย

สำหรับเมนูอย่าง บลูเบอร์รี่ ชีสพาย นั้นถือว่าเป็นเมนูเบเกอรี่ที่ได้รับความนิยม และเป็นที่รู้จักอย่างแพร่หลาย จุดเด่นคือ มีทั้งแบบใช้เตาอบและไม่ใช้เตาอบให้คุณได้เลือกทำกัน แถมยังปรับให้เป็นผลไม้อื่น ๆ นอกจากบลูเบอร์รี่ ชีสพายได้อีกด้วย โดยสามารถเพิ่มเติมความอร่อยให้มากขึ้นด้วยการปรับเปลี่ยนรสชาติของฐานเค้ก ถือว่าเป็นเมนูฟรีสไตล์ที่จะทำให้คุณเกิดแรงบันดาลใจในการทำขนมเพิ่มมากขึ้นอย่างแน่นอน

วัตถุดิบในการทำบลูเบอร์รี่ชีสพาย

มาเริ่มเตรียมวัตถุดิบในการทำบลูเบอร์รี่ชีสพาย กันดีกว่า แต่วันนี้เราไม่ได้เลือกบลูเบอรี่ชีสพาย ไม่ใช้ครีมชีส แต่เลือกมาเป็นแบบชีสพายที่พร้อมให้คุณได้ลิ้มรสของชีสและบลูเบอรี่แบบเข้มข้น ต้องเตรียมอะไรบ้าง มาดูกันเลย

บลูเบอร์รี่ชีสพาย
  • แครกเกอร์ 100 – 150 กรัม
  • เนยสดจืด ครึ่งก้อน
  • ครีมชีส 200 – 250 กรัม
  • โยเกิร์ตรสธรรมชาติ 2 ถ้วย
  • นมข้นหวาน 4 – 5 ช้อนชา
  • น้ำมะนาว 1 ช้อนชา
  • บลูเบอร์รี่เชื่อม 1 กระป๋อง
  • บลูเบอร์รี่สด 1 กล่อง
  • ถ้วยฟอยด์ ถาดพิมพ์ หรือภาชนะ ที่เป็นทรงชามก้นแบน

วิธีทำบลูเบอร์รี่ชีสพาย

วันนี้เราเตรียม สูตรบลูเบอร์รี่ชีสพาย แบบบลูเบอรี่ชีสพาย โยเกิร์ตมาให้คุณได้สนุกไปด้วยกัน บอกเลยว่าสูตร บลูเบอร์รี่ชีสพายสูตรนี้อร่อยใครได้กินต้องติดใจกันอย่างแน่นอน ยกให้เป็นเบเกอรี่ยอดนิยมกันไปเลย

บลูเบอร์รี่ชีสพาย
  1. เริ่มจากการบดแครกเกอร์ให้ละเอียด ซึ่งต้องการความละเอียดมากน้อยแค่ไหนสามารถเลือกได้ตามความชอบ คุณสามารถทุบ หรือปั่นก็ได้ตามที่ต้องการ 
  2. เมื่อบดเรียบร้อยนำเนยสดชนิดจืด ไปละลาย โดยการนำเข้าเตาไมโครเวฟ ประมานครึ่งนาที
  3. แล้วจากนั้นนำเนยที่ละลายแล้วไปคลุกเคล้ากับแครกเกอร์ คนให้เข้ากัน ให้ตัวแครกเกอร์มีความชุ่มเนยแลลหมาด ๆ อย่าให้มากจนเกินไปเพราะจะทำให้เยิ้มจนเลี่ยนได้ เน้นทำเพื่อให้เกาะตัวกัน จากนั้นนำใส่ลงภาชนะ ที่เตรียมไว้ แล้วพักในตู้เย็น
  4. เตรียมครีมชีส โดยการใส่ลงไปในชามตามด้วย โยเกิร์ต น้ำมะนาว และ นมข้นหวาน แล้วผสมกัน จนเป็น เนื้อเดียวกัน
  5. ตักครีมชีสใส่ลงไปในถาดของแครกเกอร์ที่ จากนั้นเกลี่ยครีมชีสให้มีความเรียบเนียน แล้วตามด้วยการราดบลูเบอรี่เชื่อมลงไป ตามปริมาณที่คุณชอบกันได้เลย
  6. คุณสามารถเพิ่มการตกแต่งเพื่อให้ได้หน้าเค้กสวยงามตามความต้องการกันได้เลย

ประโยชน์ที่น่าสนใจของครีมชีสใน บลูเบอร์รี่ชีสพาย

มาดูกันดีกว่าว่าวัตถุดิบหลักในเมนูบลูเบอร์รี่ชีสพายนั้นมีประโยชน์อะไรที่น่าสนใจพร้อมมอบให้คุณบ้าง เผื่อว่าใครอยากได้ทั้งความอร่อย ไปพร้อมกับประโยชน์จะได้ไม่ลังเลที่จะเลือกทำและกินเมนูนี้กัน

บลูเบอร์รี่ชีสพาย
  • มาพร้อมความนุ่มเนียนมากกว่าชีสทั่วไป ผ่านการฆ่าเชื้อมาเป็นอย่างดีทำให้มั่นใจเมื่อกินลงไปได้ว่าจะปลอดภัยกับร่างกาย
  • มีกรดอ่อน ๆ อย่างกรดแลคติกที่ช่วยต้านอนุมูลอิสระได้ดี 
  • ครีมชีสธรรมชาติทำจากนมดิบที่ไม่ผ่านการพาสเจอร์ไรส์ และเต็มไปด้วยไขมันที่ดีต่อสุขภาพ มีโปรไบโอติก วิตามินดี วิตามินบี 2 และวิตามินบี 12
  • ใช้ทำได้หลากหลายเมนูทั้งคาวและหวาน สามารถเพิ่มความอร่อยให้จานของคุณได้ง่าย ๆ
บลูเบอร์รี่ชีสพาย

วันนี้ได้สูตรการทำบลูเบอร์รี่ชีสพายกันเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ใครต้องการเข้าครัวทำขนม เพิ่มความสุข หรือหากิจกรรมทำ บอกเลยว่าเมนูนี้น่าสนใจ แถมยังอร่อย นำไปส่งต่อความรู้สึกดี ๆ ให้กับคนอื่น ๆ ได้อีกด้วย หรืออยากปรับให้ทำขายก็สามารถทำได้ และน่าสนใจไม่แพ้กัน

อ่านบทความอื่นๆ:

สนับสนุนโดย: ufaball.bet

READ MOREREAD MORE
โดนัท นมสด

แจกสูตรเด็ดเมนูสุดละมุนกับ โดนัท นมสด ความอร่อยที่คุณต้องลิ้มลองแจกสูตรเด็ดเมนูสุดละมุนกับ โดนัท นมสด ความอร่อยที่คุณต้องลิ้มลอง

โดนัท นมสด

เมนูอย่าง โดนัท นมสด นั้นน่าจะเป็นเมนูที่คุ้นเคยกันดีอยู่แล้ว แต่เชื่อว่าหลายคนยังไม่เคยลองทำเอง ซึ่งบอกเลยว่าเมนูนี้ทำสนุก แถมเมื่อทำเองและได้กินตอนทอดเสร็จใหม่ ๆ แบบกำลังร้อนยิ่งเพิ่มความอร่อยมากขึ้นไปอีก ดังนั้นใครอยากได้ความฟินแบบนี้เรามาเริ่มแกะสูตรไปพร้อมกันดีกว่า

มารู้จักกับ โดนัท นมสด ให้มากขึ้นก่อน

โดนัท นมสด

ก่อนที่จะเริ่มเข้าครัวลงมือทำ โดนัทนมสด เรามาทำความรู้จักกับเมนูขนมตัวนี้ให้มากขึ้นกันก่อน โดยจริง ๆ แล้วโดนัทนั้นยังมีทั้งแบบไม่เจาะรู เป็นก้อนกลม รี และอีกหลายรูปทรง ดังนั้นคุณสามารถออกแบบโดนัทนมสดในแบบที่คุณชอบได้ เพียงแต่การทำให้ตามสูตรโดนัทญี่ปุ่นเพื่อให้มีวงนั้นช่วยทำให้สุกง่ายและทั่วถึงกว่า พร้อมทั้งหยิบกินง่ายอีกด้วย และด้วยความอร่อยแบบเรียบง่ายทำให้เบเกอรี่เมนูนี้เป็นที่นิยมมากขึ้นเรื่อย ๆ นั่นเอง

วัตถุดิบในการทำเมนู โดนัทนมสด

มาเริ่มเตรียมวัตถุดิบสำหรับการทำเมนูโดนัท นมสด กันดีกว่า บอกเลยว่าเป็นการเตรียมเพื่อทำสูตรโดนัทแป้งนุ่มที่ใครกินก็ต้องติดใจกันอย่างแน่นอน พร้อมแล้วเรามาเริ่มเตรียมของตามสูตร โดนัทนมสดกันเลยดีกว่า

โดนัท นมสด
  • แป้งสาลี 500 กรัม
  • ยีสต์สำเร็จรูปสำหรับทำขนมปังหวาน 11 กรัม
  • เกลือป่นเสริมไอโอดีน 5 กรัม
  • นมผง 90 กรัม
  • น้ำตาลทราย 80 กรัม
  • เนยเค็ม 60 กรัม
  • ผงฟู 1 ½ ช้อนชา
  • ไข่ไก่เบอร์ 2 1 ฟอง
  • นมรสจืด 250 กรัม
  • กลิ่นวานิลลา 1 ช้อนชา

วิธีทำเมนูเบเกอรี่ โดนัทนมสด

ใครที่เตรียมวัตถุดิบสำหรับการทำโดนัทนมสดเรียบร้อยแล้ว เรามาเริ่มเข้าสู่วิธีทำโดนัทนมสดกันเลยดีกว่า บอกเลยว่าเป็นเบเกอรี่ทำเองที่ทำไม่ยาก และอร่อยอย่างแน่นอน

โดนัท นมสด
  1. นำส่วนผสมทั้งหมดไม่ว่าจะเป็น แป้งสาลี ยีสต์ เกลือ น้ำตาล ผสมรวมกัน ใช้หัวตีทำการตีส่วนผสมให้พอเข้ากัน
  2. ตีไข่แดง นมสด ไปพร้อมกับกลิ่นวานิลลา ตีต่อจนแป้งจับตัวเป็นก้อน แล้วใส่เนยสดลงไป แล้วนวดจนก้อนโดเนียน จากนั้นค่อยปิดเครื่อง
  3. ตัดก้อนโดน้ำหนัก 40 กรัม ออกมา นำมาคลึงให้เป็นรูปทรงกลม เจาะรูตรงกลางเพื่อขึ้นรูปเป็นโดนัท วางในถาดที่โรยด้วยแป้ง พักไว้ แป้งโดนัทจะฟูขึ้นเป็น 2 เท่า
  4. นำแป้งโดนัทไปทอดไฟอ่อนจนสุกเหลือง จากนั้นตักขึ้น พักให้เย็น แล้วโรยน้ำตาลหรือน้ำตาลไอซิ่ง ได้ตามชอบ

เลือกกิน โดนัท นมสด กับอะไรดี

หลายคนมักมองหาสิ่งที่จะมากินคู่กับเมนูอย่างเค้กและโดนัท นมสด วันนี้เรามีไอเดียมาแนะนำที่จะช่วยเพิ่มความอร่อย และอิ่มท้องให้กับคุณได้มากขึ้น แถมยังเข้ากันดีกับรสชาติของโดนัทอีกด้วย

โดนัท นมสด
  • โดนัทกับกาแฟ

ใครสะดวกจะกินกับกาแฟดำก็จัดไปด้วยกันได้ บอกเลยว่าเข้ากันได้ดี แต่ถ้าต้องการเพิ่มความละมุนมากขึ้นไปอีกการกินคู่กับกาแฟนมรสชาติก็ไปด้วยกันได้ดีไม่แพ้กัน ถือว่าเป็นเมนูที่เข้ากันดี เหมาะเป็นอาหารเช้า หรืออาหารว่างรองท้องของใครหลาย ๆ คน

  • โดนัทกับน้ำส้มคั้น

มองครั้งแรกอาจรู้สึกว่าไม่เข้ากัน แต่ความเปรี้ยวหวานของสองเมนูนี้กลับสามารถทำหน้าที่เติมรสชาติที่อร่อย เข้ากันได้ดีให้กับคุณได้อย่างลงตัว แถมยังเปลี่ยนมากินคู่กับน้ำผักผลไม้ชนิดอื่นก็ได้ตามที่ต้องการ แนะนำว่าเลือกแบบที่คั้นสดจะดีกับสุขภาพของคุณมากที่สุด

โดนัท นมสด

วันนี้ได้สูตร โดนัทนมสด พร้อมทั้งวิธีทำกันไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ใครที่ต้องการหาเมนูกินเล่น หรืออยากหารายได้เสริมจากการทำขนมที่อร่อย และทำได้ไม่ยาก แนะนำเลยว่าเมนูนี้ช่วยให้คุณมีความสุขกับการหาเงินเพิ่มมากขึ้นอย่างแน่นอน ส่วนสำคัญคือการขึ้นฟูของแป้ง และการทอดให้สุกพอดี กรอบนอกนุ่มใน เมื่อทำบ่อย ๆ รับรองว่าคุณจะพัฒนาฝีมือได้อย่างแน่นอน เพราะพื้นฐานของเมนูนี้มีความอร่อยอยู่แล้ว

อ่านบทความอื่นๆ:

สนับสนุนโดย: sa-game.bet

READ MOREREAD MORE
เค้ก ช็อกโกเเลตลาวา

มาทำ เค้ก ช็อกโกเเลตลาวา ฉบับโฮมเมดด้วยตัวเองกันมาทำ เค้ก ช็อกโกเเลตลาวา ฉบับโฮมเมดด้วยตัวเองกัน

เค้ก ช็อกโกเเลตลาวา

ใครชอบกินขนมหวาน อยากลองทำเองให้ได้ทั้งความอร่อยและสนุก แนะนำว่าไม่ควรพลาดสูตร เค้ก ช็อกโกเเลตลาวา ที่เราหยิบมาแนะนำกันในวันนี้ เป็นเมนูที่ทำง่าย อร่อย ใช้วัตถุดิบไม่เยอะ ยกให้เป็นเมนูของหวานประจำบ้านที่ทำแล้วชอบกันทุกคนอย่างแน่นอน

ความน่าสนใจของเมนู เค้ก ช็อกโกเเลตลาวา

เค้ก ช็อกโกเเลตลาวา

เรามาเริ่มทำความรู้จักกับที่มาที่ไปของ เค้กช็อกโกเเลตลาวา กันก่อนที่จะไปลงลึกในการสอนทำเค้ก โดยตัวของช็อกโกแลตนั้นมีการค้นพบมากว่า 2,000 ปี ทำเป็นส่วนผสมที่นิยมและเป็นที่รู้จักกันดี และมีการนำมาดัดแปลงจนกลายเป็นช็อคโกเเลตลาวานั่นเอง โดยเมนูนี้เหล่าเชฟแถวหน้ายอมรับเลยว่าเป็นเมนูที่ทั้งอร่อยและทำง่าย แถมยังกินคู่กับไอศกรีม หรือผลไม้ก็เข้ากัน ใครไม่อยากพลาดขนมที่นิยมกันทั่วโลกเมนูนี้ตามมาเริ่มทำเมนูเบเกอรี่อย่างเค้กชนิดนี้ไปพร้อมกับเราเลยดีกว่า

วัตถุดิบในการทำ เค้กช็อกโกเเลตลาวา

ก่อนจะเริ่มทำเรามาเตรียมวัตถุดิบสำหรับการทำเค้ก ช็อกโกเเลตลาวา กันให้เรียบร้อยก่อนดีกว่า บอกเลยว่าเมนูอย่างช็อกโกเเลตลาวานั้นยิ่งใช้วัตถุดิบคุณภาพเท่าไร ยิ่งช่วยเพิ่มความอร่อยให้กับช็อกโกเเลต ลาวาได้มากเท่านั้น มีอะไรที่ต้องเตรียมบ้าง มาดูกันเลย

เค้ก ช็อกโกเเลตลาวา
  • ดาร์กช็อคโกแลต 70% 60 กรัม
  • เนยสด 20 กรัม
  • แป้งสาลีอเนกประสงค์ 20 กรัม
  • น้ำตาลทราย 60 กรัม
  • ผงโกโก้ 20 กรัม
  • ไข่ไก่ 1 ฟอง
  • ไข่แดง 1 ฟอง
  • กลิ่นวานิลลา 1 ช้อนชา
  • เกลือป่น เล็กน้อย

วิธีการทำเค้กช็อกโกเเลตลาวา ให้ออกมาแสนอร่อย

เตรียมของเรียบร้อยแล้ว เรามาเริ่มเข้าสู่ขั้นตอนของการทำ เค้กช็อกโกเเลตลาวา กันเลยดีกว่า ต้องผ่านขั้นตอนแบบไหนบ้าง มาเริ่มเข้าครัวไปพร้อมกันเลย

เค้ก ช็อกโกเเลตลาวา
  1. นำช็อกโกแลตมาผสมกับเนยสดด้วยการนำไปเข้าไมโครเวฟเพื่อละลายประมาณ 40 วินาที จากนั้นนำมาคนให้เข้ากัน พักรอเอาไว้ให้คลายความร้อน
  2. เตรียมชามสำหรับผสม จากนั้นเริ่มใส่ไข่ไก่ และใส่เฉพาะไข่แดงอีก 1 ฟอง เรียบร้อยแล้วให้ใช้ตะกร้อตีให้ไข่แตกตัว จากนั้นเริ่มใส่น้ำตาลทรายลงไป แล้วคนให้ทุกส่วนผสมละลายเข้ากัน
  3. ใส่ช็อกโกแลตที่เตรียมไว้ในขั้นตอนแรกลงไป คนให้เข้ากัน แล้วตามด้วยแป้ง ผงโกโก้ วนิลลา เกลือ เมื่อใส่ครบก็คนต่อให้ทุกส่วนผสมเข้ากัน
  4. นำถ้วยที่จะใช้อบเค้กช็อกโกแลตลาวามาทาเนย และเริ่มเทแป้งเค้กลงไป
  5. นำเข้าเตาอบที่ความร้อนประมาณ 220 องศาฯ โดยเลือกใช้แค่ไฟล่าง เป็นเวลา 8-10 นาที (แนะนำให้วอร์มเตาอบก่อนประมาณ 10-15 นาที)
  6. เมื่อครบเวลานำเค้กออกมาพักไว้ด้านนอก 1 นาที จากนั้นก็นำออกจากพิมพ์ ตกแต่งจาน พร้อมกินตามสูตร ช็อค โก แล ต ลาวากันได้เลย

ประโยชน์ของเมนู เค้ก ช็อกโกเเลตลาวา

บอกเลยว่าเค้ก ช็อกโกเเลตลาวานั้นถ้ากินแต่พอดีจะกลายเป็นเมนูเบเกอรี่ที่ดีกับสุขภาพของคุณได้ เพราะมีส่วนผสมหลักเป็นดาร์กช็อกโกแลต ซึ่งประโยชน์ของเมนูนี้จะมีอะไรบ้าง เรามาดูกันดีกว่า

เค้ก ช็อกโกเเลตลาวา
  • ลดความดัน

ในดาร์กช็อกโกแลตนั้นมีสารต้านอนุมูลอิสระ การกินสัปดาห์ละ 2-3 ครั้ง มีส่วนช่วยลดความดันได้เป็นอย่างดี และช่วยเสริมระบบการไหลเวียนของเลือด ป้องกันการอุดต้น และป้องกันภาวะหลอดเลือดแข็งตัวได้อีกด้วย

  • บำรุงหัวใจ

เมื่อระบบเลือดดีแน่นอนว่าดีกับหัวใจด้วยเช่นกัน แถมในดาร์กช็อกโกแลตนั้นยังมีไบโอฟลาโววนอยด์ และธีโอโบรมีนที่ช่วยบำรุงหัวใจ และหลอดเลือก กินอย่างพอดีช่วยทำให้ระบบเหล่านี้แข็งแรงอย่างแน่นอน

เค้ก ช็อกโกเเลตลาวา

ใครที่ชอบขนมหวานลองหยิบ สูตรเค้ก ช็อกโกเเลตลาวา ที่เราแนะนำในวันนี้ไปทำกันได้เลย หรือถ้าอยากกินเติมน้ำตาลกันเร็ว ๆ ก็สามารถตามหา, ช็อกโกแลตลาวา ไมโครเวฟมากินกันก่อนได้ เพราะในตอนนี้หาซื้อง่ายมาก เพิ่มไอศกรีมหรือผลไม้เข้าไปก็มีความสุขกันแล้วกับเมนูขนมหวานสุดฟิน ที่เป็นที่นิยมระดับโลกตัวนี้

อ่านบทความอื่นๆ:

สนับสนุนโดย: ufaball.bet

READ MOREREAD MORE
ขนมอินทนิล

ขนมอินทนิล – ความอร่อยและสีสันที่มอบความสุขในทุก ๆ วันขนมอินทนิล – ความอร่อยและสีสันที่มอบความสุขในทุก ๆ วัน

ขนมอินทนิล

ขนมอินทนิล นั้นอาจไม่ค่อยเป็นที่คุ้นเคยเท่าไรนัก แต่บอกเลยว่าถ้าใครได้ลองจะต้องติดใจกับเมนูขนมของไทยเมนูนี้กันอย่างแน่นอน เพราะมาพร้อมรสชาติที่กลมกล่อม แป้งเหนียวนุ่น ทุกอย่างเข้ากันได้ดีและลงตัวเป็นที่สุด ซึ่งเมื่อหาทานยาก แต่สามารถทำทานเองได้ก็ไม่ควรพลาด เพราะวันนี้เราขนเอาทั้งวัตถุดิบและวิธีทำมาฝากคุณกันเป็นที่เรียบร้อยแล้ว คุณสามารถทำความรู้จักเมนูนี้แล้วไปลองทำตามสูตรกันได้เลย ถ้าพร้อมแล้วเรามาเริ่มลุยกับเมนูนี้ไปพร้อมกันเลยดีกว่า

ขนมอินทนิล คืออะไร

ขนมอินทนิล

ถ้าใครยังไม่รู้จักเราลองมาทำความรู้จักกับ ขนม อินทนิล กันก่อนดีกว่า จริง ๆ แล้วขนมไทยชนิดนี้มีอีกชื่อเรียกที่คุ้นเคยมากกว่าคือหยกสด โดยอินทนิล หยกสด วิธีทำคือนำแป้งมาผสมกับน้ำใบเตยสีเขียว กวนจนเหนียวแล้วปั้นเป็นก้อน เติมกะทิหอม ๆ ใส่น้ำแข็งเย็น ๆ แต่เหตุผลที่ของหวานอินทนิลหาทานยากก็เป็นเพราะเมนูนี้ใช้เวลาในการทำนานในขั้นตอนของการกวน แต่บอกเลยว่าถ้าคุณมีเวลาว่างพอและได้ลองทำจะเป็นหนึ่งในเมนูขนมไทยโบราณที่คุณจะประทับใจที่ได้ลองทำด้วยตัวเองอย่างแน่นอน เพราะเมนูนี้คือหนึ่งในขนมที่มีมาตั้งแต่สมัยโบราณของบ้านเรา ขนมที่ปรับเปลี่ยนจากการมีแค่กะทิ น้ำตาล แป้ง มาให้เป็นอีกหนึ่งเมนูที่แสนจะมีเอกลักษณ์

วัตถุดิบที่ต้องเตรียมสำหรับการทำ ขนมอินทนิล

ใครอยากลองทำ ขนมอินทนิล เรามาเข้าสู่ขั้นตอนของการเตรียมวัตถุดิบสำหรับขนมอินทนิลคือของที่ต้องสดใหม่และมีคุณภาพ เพื่อทำตามสูตรขนมอินทนิลแบบดั้งเดิม ดังนั้นเมนูนี้จะต้องใช้อะไรบ้างเรามาเริ่มเตรียมไปพร้อมกันเลยดีกว่า เรียบร้อยแล้วจะได้ไปสู่ขั้นตอนของการใช้วิธี ทํา อินทนิล ง่ายๆ กัน

ขนมอินทนิล
  • ส่วนผสมน้ำกะทิตามหลักสูตรขนมไทย – ​น้ำกะทิ 4 ถ้วย(หัวกะทิ 1 ถ้วยตวง หางกะทิ 3 ถ้วยตวง)
    – น้ำตาลทราย 1 ½ ถ้วยตวง
    – ​เกลือป่น 1 ช้อนชา
    – ​เทียนอบขนม
  • ส่วนผสมแป้งเพื่อทำตามวิธี ทํา อินทนิล มะพร้าวอ่อน – แป้งมันสำปะหลัง 2 ถ้วย
    – น้ำใบเตย 4 ถ้วย

วิธีทำ ขนมอินทนิล ตามสูตรขนมไทยโบราณ

เมื่อเตรียมวัตถุดิบและอุปกรณ์เรียบร้อยแล้วเรามาเริ่มทำขนมอินทนิล กันดีกว่า มาดูกันว่าเมนูขนมไทยเมนูนี้จะมาพร้อมกับวิธีทำที่ทำให้คุณสนุกและได้ประสบการณ์อะไรใหม่ ๆ ในการทำของหวานไทยเพิ่มขึ้นบ้าง

ขนมอินทนิล
  1. เริ่มทำกะทิอบควันเทียนก่อน โดยการเทน้ำกะทิใส่ในอ่าง จุดเทียนอบขนมให้ไฟลามไปถึงตรงขี้ผึ้งแล้วค่อนดับเทียน จากนั้นใส่เทียนเอาไว้ในถ้วยเล็ก ๆ แล้วเอาไปใส่ไว้ในอ่างน้ำกะทิ อบน้ำกะทิทิ้งไว้ 30 นาที จุดเทียนซ้ำอีก 1-2 ครั้ง เมื่อน้ำกะทิได้อบควันเทียนแล้วก็สามารถนำไปตั้งไฟใส่น้ำตาลทรายและเกลือ คนผสมให้ทุกส่วนละลาย รอเดือดแล้วยกลง
  2. หลังจากกะทิเรียบร้อยแล้วเรามาเริ่มขั้นตอนของการทำขนมกันต่อ ผสมแป้งกับน้ำใบเตย คนให้แป้งละลายเข้ากับน้ำใบเตย
  3. จากนั้นเริ่มตั้งไฟอ่อนและต้องใช้พายกวนตลอดเพื่อไม่ให้ไหม้ติดก้นหม้อ กวนไปจนขนมเริ่มสุก ตัวแป้งจะเหนียวพร้อมทั้งใสขึ้นอย่างเห็นได้ชัด เมื่อแป้งสุกทั่วกันแล้วให้นำหม้อลงแช่ในอ่างน้ำแข็ง วิธีนี้จะช่วยลดอุณหภูมิไม่ให้ร้อนไป เพราะไม่อย่างนั้นจะไม่สามารถจับตัวได้ 
  4. มาเริ่มจับตัวขนมกันต่อด้วยการเตรียมถ้วยเอาไว้เพื่อใส่น้ำคอยจุ่มเพื่อป้องกันไม่ให้แป้งขนมติดมือ ใช้นิ้วที่เปียกนั้นหยิบขนมแบบพอดีคำ จากนั้นหย่อนลงไปในน้ำกะทิ ตอนที่หยิบให้ใช้นิ้วปั้นให้กลม ๆ เล็กน้อยไปด้วย ทำไปเรื่อย ๆ จนแป้งหมด
  5. จากนั้นนำขนมมาใส่ถ้วย เทน้ำแข็งบดลงไป ราดน้ำกะทิ เพียงเท่านนี้ก็พร้อมเสิร์ฟให้ได้ทานเมนูที่เหนียมนุ่ม หอม หวาน ชื่นใจ เหมาะที่จะเป็นอาหารว่างเพิ่มมวลความสุขกันแล้ว

หมายเหตุ : ตัวขนมอินทนิลที่ดีจะไม่แข็งเป็นไตตรงกลาง

มารู้จักอีกมุมของขนมอินทนิล

ขนมอินทนิล

ความจริงแล้วเมื่อเริ่มแรก ขนมอินทนิลจะเป็นสีม่วงจากดอกอัญชัน เพราะชื่อของขนมนั้นจริง ๆ แล้วมาจากการเลียนแบบทั้งรูป สี จากต้นไม้ที่ชื่อว่าต้นอินทนิล ซึ่งมีช่อสีม่วง หรือม่วงอมชมพู แต่เหตุผลที่ถูกเปลี่ยนมาเป็นสีเขียวอย่างที่เราพอจะคุ้นเคยกันในตอนนี้ก็เป็นเพราะว่าใบเตยนั้นมีราคาถูกและสามารถหาได้ง่ายกว่านั่นเอง ดังนั้นถ้าใครอยากทำเมนูขนมนี้แบบต้นตำรับจริง ๆ จะต้องทำเป็นสีม่วงจากดอกอัญชันเพื่อคงความเป็นเอกลักษณ์ที่แท้จริง

ขนมอินทนิล

ใครที่สะดวกอยากทำ ขนม อินทนิล สามารถนำวัตถุดิบและสูตรนี้ไปปรับกันได้เลย และถ้าอยากทำให้เป็นสีม่วงก็เพียงแค่เปลี่ยนใบเตยเป็นอัญชัน หรือจะทำให้เมนูนี้น่าสนใจขึ้นด้วยการทำผสมกันทั้งสองสีก็ถือว่าเป็นลูกเล่นใหม่ ๆ ที่เราไม่ค่อยได้เห็นกันเท่าไรนัก ดังนั้นคุณอาจกลายเป็นคนที่ผสมผสานสีสันของธรรมชาติให้ออกมาในรูปแบบของขนมเมนูนี้ได้อย่างลงตัว ถ้าพร้อมแล้วมาเริ่มออกตามล่าวัตถุดิบแล้วเจ้าครัวกวนขนมหยกสดมาให้ทุกคนที่ได้ชิมประทับใจจนต้องให้คุณทำเพิ่มอีกรอบกันดีกว่า

อ่านบทความอื่นๆ:

สนับสนุนโดย: https://sa-game.bet/ 

READ MOREREAD MORE
ขนมต้ม

ขนมต้ม ขนมหวานสุดคลาสสิคทำอย่างไรมาดูกันขนมต้ม ขนมหวานสุดคลาสสิคทำอย่างไรมาดูกัน

ขนมต้ม

ใครชอบความหอมหวานละมุนกำลังดีของ ขนมต้ม บอกเลยว่าคุณเองก็สามารถทำเมนูนี้ทานเองได้ง่าย ๆ ที่บ้าน ส่วนจะต้องเตรียมวัตถุดิบอะไรบ้าง พร้อมทั้งมีวิธีในการทำอย่างไรวันนี้เราเตรียมสูตรเด็ดเคล็ดลับทั้งหมดมาไว้ให้คุณที่นี่เรียบร้อยแล้ว บอกเลยว่าขนมชนิดนี้ทำง่ายกว่าที่คิดเยอะ และเหมาะมากที่จะใช้เป็นกิจกรรมเชื่อมสัมพันธ์กันในครอบครัว

ขนมต้ม คืออะไร

มาทำความรู้จักกับ ขนม ต้ม กันให้ชัดเจนก่อนว่าขนม ต้มจริง ๆ แล้วนั้นคือขนมแบบไหนกันแน่ โดยขนมต้มคือขนมไทยโบราณที่นิยมทำเพื่อทานกันในวันมงคลสมรส พร้อมทั้งพิธีมงคลต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นพิธีไหว้ครู พิธีบวงสรวง พิธีตั้งศาลพระภูมิ หรือพิธีไหว้พระพิฆเนศ

ขนมต้ม

ขนมต้มใบเตยมีชื่อเรียกหลากหลายทั้ง ขนมต้มขาว ขนมต้มแดง มีมาตั้งแต่สมัยสุโขทัย และใช้ในการไหว้สิ่งศักดิ์สิทธิ์มาตั้งแต่ตอนนั้น และเป็นขนมที่มีตำนานเล่าขานว่าพระพิฆเนศโปรดมาก ถ้าใครอยากขอพรแล้วนำขนมชนิดนี้ไปไหว้จะทำกิจการงานต่าง ๆ ได้ประสบความสำเร็จ ไม่มีอุปสรรคอย่างแน่นอน

วัตถุดิบที่ใช้ในการทำขนมต้ม

การจะทำขนมต้มให้อร่อยนั้นส่วนสำคัญไม่แพ้เทคนิควิธีเลยก็คือการเตรียมวัตถุดิบที่สดใหม่และมีคุณภาพมาทำ ซึ่งสูตรขนมไทยสูตรนี้ถือว่ามาพร้อมกับวัตถุดิบที่หาไม่ยาก เพียงแต่ต้องพิถีพิถันเลือกของที่มีคุณภาพมาใช้ เพื่อให้รสชาติกลมกล่อม และเป็นไปตามรสชาติขนมไทยโบราณแบบดั้งเดิม ขนมชนิดนี้ต้องเตรียมอะไรบ้างมาดูกันเลย

ขนมต้ม
  • แป้งข้าวเหนียว 300 กรัม
  • น้ำกระเจี๊ยบ 80 มิลลิลิตร
  • น้ำอัญชัน 80 มิลลิลิตร
  • น้ำใบเตย 80 มิลลิลิตร
  • มะพร้าวขูด 300 กรัม
    (สำหรับทำไส้ขนมต้ม)
  • มะพร้าวขูด 100 กรัม
    (สำหรับคลุก)
  • น้ำตาลปี๊บ 120 กรัม
  • เกลือป่น 1 ช้อนชา

วิธีทำขนมต้มตามแบบฉบับของเมนูขนมไทยโบราณ

ต้องแจ้งเอาไว้ก่อนว่าก่อนที่จะเริ่มทำขนมต้ม นั้นคุณควรมีเวลาว่างที่เพียงพอ เพราะเมนูนี้แม้จะเป็นขนมไทย ง่ายๆ แต่ก็มาพร้อมกับระยะเวลาในการทำที่นานพอสมควร ดังนั้นถ้าคุณมีเวลาจำกัดอาจทำให้ผลลัพธ์ออกมาไม่ดีเท่าที่ควร แต่ถ้าตอนนี้คุณเคลียเวลาแล้วพร้อมที่จะเข้าครัวมาทำตามสูตรขนมต้มก็มาเริ่มไปพร้อมกันเลย

ขนมต้ม
  1. เริ่มจากการทำแป้งและไส้ในขนมไทยกันก่อน โดยให้คุณนำแป้งข้าวเหนียวมาแบ่งเป็น 3 ถ้วยเท่า ๆ กัน จากนั้นเทน้ำกระเจี๊ยบ อัญชัน และใบเตยลงไปในแต่ละถ้วย นวดจนแป้งไม่ติดมือ แล้วใช้พลาสติกคลุมเอาไว้พร้อมทั้งพักแป้งรอเอาไว้ก่อน
  2. นำกระทะขึ้นตั้งไฟกลาง ใส่น้ำตาลปี๊บ คนจนน้ำตาลเริ่มละลาย แล้วค่อย ๆ ใส่มะพร้าวขูดลงไป จากนั้นตามด้วยเกลือคนให้เข้ากัน เคี่ยวจนแห้ง แล้วค่อยยกออกจากเตา
  3. เริ่มขั้นตอนของการห่อและต้มขนม โดยการปั้นไส้ให้เป็นลูกลมขนาดเล็ก เตรียมเอาไว้ แล้วนำแป้งแต่ละสีมาปั้นเป็นลูกกลม ๆ ขนาดประมาณเหรียญสิบ กดแป้งให้แบน แล้วเอาไส้ที่เตรียมไว้มาวางลงบนแป้ง จากนั้นให้แป้งห่อไส้ให้มิด แล้วปั้นจนกลายเป็นลูกกลมเนียน
  4. นำแป้งที่ปั้นพร้อมใส่ไส้เรียบร้อยแล้วลงไปต้มในน้ำเดือดจัด เมื่อขนมลอยขึ้นมาเหนือน้ำก็หมายความว่าสุกเรียบร้อยแล้วนั่นเอง ตักขึ้นมาพักบนถาดที่โรยแป้งบาง ๆ เอาไว้ได้เลย เพื่อเป็นการป้องกันไม่ให้ขนมติดและแตกเมื่อยกขึ้น
  5. เมื่อสุกครบทุกลูกที่ต้มแล้วเราก็สามารถหยิบขึ้นมาเพื่อคลุกกับมะพร้าวขูดอีกส่วนได้เลย เพียงเท่านี้ก็พร้อมเสิร์ฟเมนูของหวานไทยที่เป็นตำนานกันเรียบร้อยแล้ว

มาดูมะพร้าวประเภทต่าง ๆ ที่เหมาะใช้ทำขนมต้ม

วันนี้นอกจาก สูตรขนมต้ม แล้วเราลองมาทำความรู้จักกับมะพร้าวแบบต่าง ๆ ที่มักต้องใช้ในการทำของหวานไทยกันดีกว่าว่าจริง ๆ แล้วมีกี่แบบ และแต่ละแบบนั้นเหมาะกับการใช้งานแบบไหน

ขนมต้ม
  • มะพร้าวอ่อน
    มาพร้อมความหอม หวาน ละมุน เหมะทำบัวลอย สาคู วุ้น เค้ก ครองแครง และบวช
  • มะพร้าวทึนทึก
    เนื้อมาแบบไม่อ่อนไม่แข็ง มัน หอม อร่อย เหมาะที่จะใช้ขูดและคลุกขนม แน่นอนว่า ขนม ต้ม ต้องใช้มะพร้าวประเภทนี้ 
  • มะพร้าวกะทิ
    ตัวนี้น้ำหนักเยอะ หนา นุ่ม สีขาวขุ่น ใช้กับขนมที่ต้องทานน้ำกะทิอย่าง ทับทิมกรอบ ลอดช่อง ซาหริ่ม มะพร้าวกะทิลอยแก้ว
  • มะพร้าวห้าว
    มะพร้าวที่แก่ที่สุด รสชาติหอมมัน ใช้ขูดและคั้นเพื่อปรุงอาหารและขนม แบบที่ใช้แต่เนื้อขาว ๆ นั้นจะใช้ทำขนมที่เนื้อต้องเนียน อย่างพวกขนมถ้วย วุ้นกะทิ แต่แบบที่มีเปลือกอยู่ด้วยจะใช้ทำพวกแกง และขนมอย่างสังขยา
ขนมต้ม

ใครที่อยากหาของว่างทานเล่นเป็นขนมแบบไทย ๆ และอยากลองทำเองเพื่อทดสอบความสามารถในการทำขนม ขอแนะนำเลยว่า ขนม ต้ม เป็นตัวเลือกที่น่าสนใจและมาพร้อมขั้นตอนที่สนุกสนาน แม้จะใช้เวลาในการทำนานไปบ้าง แต่กลับไม่ได้ยุ่งยากอย่างที่คิด รับรองว่าทำแล้วทานเพลิน แจกจ่ายให้เพื่อน ๆ และสมาชิกในครอบครัวประทับใจได้อย่างแน่นอน ดังนั้นใครที่กำลังมองหาเมนูขนมเพื่อทำกันอยู่ควรเก็บสูตรนี้เอาไว้แล้วเริ่มซื้อวัตถุดิบเตรียมทำเลย ระยะเวลาประมาณ 2-3 ชั่วโมงเท่านั้นที่ต้องทำ หลังจากนั้นก็เป็นช่วงเวลาแห่งความอร่อยจากขนมในตำนานตัวนี้กันแล้ว

อ่านบทความอื่นๆ:

สนับสนุนโดย: https://ufaball.bet/ 

READ MOREREAD MORE
ครองแครง

มาลองทำ ครองแครง ของว่างเคี้ยวเพลินกันด้วยตัวเองดีกว่ามาลองทำ ครองแครง ของว่างเคี้ยวเพลินกันด้วยตัวเองดีกว่า

ครองแครง

ใครที่ชื่นชอบรสชาติหวานที่ลงตัวของขนมอย่าง ครองแครง วันนี้เราได้สรุปทั้งวัตถุดิบและวิธีทำของขนมชนิดนี้มาฝากคุณกันเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ใครที่กำลังอยากลองทำด้วยตัวเองบอกเลยว่าการทำขนมชนิดนี้ไม่ได้ยากอย่างที่คิด แถมทำเองแล้วยังมีข้อดีที่สามารถกำหนดปริมาณที่ต้องการ ปรับรสชาติให้ออกมาในแบบที่ชอบได้อย่างอิสระ ดังนั้นใครที่มีเวลาว่างกำลังหากิจกรรมทำ และชอบเข้าครัวกันอยู่แล้วตามมาเก็บสูตรเด็ดสูตรนี้ไปพร้อมกับเราเลยดีกว่า

ครองแครง คืออะไร

ครองแครง

ถ้าจะหมายถึงครองแครง มีให้เลือกกันอยู่ 2 แบบ โดยแบบแรกครองแครงคือแบบที่กรอบมีรสชาติเค็มเผ็ดพริกไทยอ่อน ๆ กับอีกแบบที่จะเรียกกันว่าครองแครงกะทิสดที่มักมาในรูปแบบคล้ายรวมมิตร มาในลักษณะนุ่มหวานเคี้ยวสนุก ซึ่งวันนี้เราจะพาคุณมารู้จักกับครองแครงกะทิ เพราะสามารถนำไปปรับทานได้กับหลากหลายเมนู เผื่อใครชอบทานลอดช่อง รวมมิตร หรือแม้แต่น้ำแข็งใสก็ยังสามารถใช้ขนมครองแครงเข้าไปอยู่ในเมนูเหล่านั้นได้

จุดที่ทำให้เมนูนี้ได้รับความนิยมก็เพราะว่าหาทานได้ยาก เป็นขนมไทยโบราณที่มักทำกันแค่ในโอกาสพิเศษ งานบุญ งานมงคล ดังนั้นใครที่อยากทานแบบไม่ต้องรอโอกาสพิเศษวันนี้ลองมาเก็บสูตรเมนูของหวานไทยเมนูนี้แล้วไปทำกันเองดีกว่า

วัตถุดิบที่ต้องเตรียมเพื่อทำเมนู ครองแครง

เราลองมาดูกันเลยดีกว่าว่าถ้าอยากทำ ครอง แครง ต้องเตรียมอะไรบ้างเพื่อให้ครบพร้อมที่จะเข้าครัวแล้วเรียนรู้เมนูขนมไทยสุดหายากเมนูนี้ แต่บอกเลยว่าวัตถุดิบหาไม่ยากอย่างที่คิด เพราะด้วยความที่พัฒนามาแบบไทย ๆ จึงใช้ส่วนผสมที่หาได้ง่ายตามท้องตลอดนั่นเอง ซึ่งเราจะมาแนะนำส่วนผสมของแป้งครองแครงและกะทิให้คุณได้รู้จักกันก่อน

ครองแครง
  • ส่วนผสมส่วนของแป้งครองแครงมะพร้าวอ่อน
    – แป้งมันสำหรับครองแครงสีขาว 150 กรัม
    – แป้งมันสำหรับครองแครงสีม่วง 150 กรัม
    – แป้งมันสำหรับครองแครงสีเขียว 150 กรัม
    – น้ำใบเตยเข้มข้น 2 ช้อนโต๊ะ
    – น้ำดอกอัญชันเข้มข้น 2 ช้อนโต๊ะ
  • ส่วนผสมน้ำกะทิ – หัวกะทิ 500 กรัม
    – น้ำตาลทรายขาว 150 กรัม
    – น้ำมะพร้าวอ่อน 300 กรัม
    – เกลือป่น 1 ช้อนชา
    – เนื้อมะพร้าวอ่อนหั่นเส้น 2 ลูก
    – ใบเตยมัด
    – งาขาว

วิธีทำ ขนมครองแครง ให้อร่อยแบบดั้งเดิม

หลังจากที่เตรียมวัตถุดิบทั้งส่วนแป้งและน้ำกะทิของครองแครงเรียบร้อยแล้วเรามาเข้าสู่ขั้นตอนของการทำของหวานไทยเมนูนี้ไปพร้อมกันเลยดีกว่า บอกเลยว่าทั้งสนุกและอร่อยกันอย่างแน่นอน

ครองแครง
  1. เริ่มจากการทำแป้งสีต่าง ๆ ให้กับขนมไทย ง่ายๆ เมนูนี้กันก่อน โดยอาจมีทั้งครองแครงอัญชันและสีอื่น ๆ ให้คุณเตรียมชามผสมให้ครบสีแล้วเทแป้งมันลงไปในชามผสม ตามด้วยน้ำเดือด คนให้น้ำกับแป้งเข้ากันแล้วพักไว้
  2. เมื่อแป้งที่ผสมเริ่มอุ่นให้นวดแป้งไปเรื่อย ๆ จนมีลักษณะคล้ายดับดินน้ำมัน จากนั้นห่อแป้งไว้ด้วยแร็ป ทำการพักรอเอาไว้
  3. จากนั้นทำแป้งสีเขียว สีม่วง ด้วยการเติมแป้งมันผสมน้ำเดือดเหมือนเดิม เพิ่มเติมคือการใส่น้ำใบเตยและอัญชันเข้มข้นลงไป แล้วคนให้ทุกส่วนผสมเข้ากันอีกครั้ง จากนั้นรอแป้งอุ่น นวดแป้งให้ได้ที่ แล้วพอด้วยแร็ปพักไว้เช่นกัน
  4. มาเริ่มขึ้นรูปแป้งด้วยการเริ่มแบ่งให้เป็นก้อนเล็ก ๆ แล้วคลึงให้เป็นเส้นยาว กดลงบนพิมพ์ครอง แครง แต่ถ้ามีพิมพ์สามารถใช้ส้อมกดลงไปบนแป้งแล้ววางพักเอาไว้ได้
  5. ต้มน้ำให้เดือด ใส่แป้งลงไปต้ม คนไปเรื่อย ๆ ระหว่างต้มเพื่อป้องกันไม่ให้แป้งไปติดที่ห้นหม้อ
  6. คนจนแป้งสุกและลอยขึ้นมา จากนั้นต้มต่ออีกประมาณ 5 นาที แล้วตักแป้งที่ร้อน ๆ ไปน็อกในน้ำเย็นจัด แล้วพักเอาไว้รอ
  7. มาทำน้ำกะทิกันต่อด้วยการเทส่วนผสมทั้งหมดของน้ำกะทิลงไปในหม้อต้ม ตั้งด้วยไฟกลาง คนผสมไปเรื่อย ๆ จนทุกส่วนละลายเข้ากันทั้งหมด
  8. เมื่อสังเกตเห็นว่ากะทิเริ่มร้อนแล้วให้นำแป้งที่เตรียมไว้ใส่ลงไป ตามด้วยการใส่เนื้อมะพร้าวอ่อน จากนั้นก็ทำการคนอีกรอบเพื่อให้ทุกส่วนผสมเข้ากัน
  9. ตั้งหม้อรอจนกว่าทุกอย่างจะเริ่มเดือด จากนั้นให้ปิดไฟ ตักใส่ถ้วย ก่อนเสิร์ฟโรยด้วยงาขาว จากนั้นก็สามารถอร่อยไปกับรสชาติหวาน ละมุน เข้มข้นแบบดั้งเดิมกันได้เลย บอกเลยว่ายิ่งได้ทานตอนร้อน ๆ ยิ่งรู้สึกได้ถึงความนุ่ม หอม หวาน มัน ของความสดใหม่อย่างน่าประทับใจ
ครองแครง

แม้จะต้องยอมรับ เมนูครองแครง นั้นมาพร้อมขั้นตอนในการทำที่ยาวเหยียด แต่ผลลัพธ์ของเมนูนี้คุ้มค่า แถมยังอร่อยมาก ๆ อีกด้วย ยิ่งถ้าคุณเจอกับกะทิคุณภาพดี และสามารถต้มจนเนื้อแป้งได้ความสุกที่กำลังนุ่มเด้งด้วยแล้วล่ะก็บอกเลยว่าจะกลายเป็นเมนูขนมหวานแบบไทย ๆ ที่คุณชื่นชอบเป็นอันดับต้น ๆ อย่างแน่นอน แถมเมนูนี้ยังเหมาะที่จะทำครั้งละเยอะ ๆ เพื่อแบ่งปันกันทานในครอบครัว ดังนั้นใครกำลังมองหาเมนูเพื่อปาร์ตี้กันอยู่ห้ามพลาดที่จะลองทำเมนูสุดหายากเมนูนี้ให้สมาชิกในครอบครัว พร้อมทั้งเพื่อน ๆ ได้ลองทานกัน

อ่านบทความอื่นๆ:

READ MOREREAD MORE
ลอดช่องไทย

มาทำขนมหวานแก้ร้อนกับ ลอดช่องไทย กันมาทำขนมหวานแก้ร้อนกับ ลอดช่องไทย กัน

ลอดช่องไทย

สำหรับเมนูขนมอย่าง ลอดช่องไทย น่าจะเป็นเมนูโปรด และเป็นที่คุ้นเคยของใครหลาย ๆ คนอย่างแน่นอน ซึ่งคุณรู้หรือไม่ว่าเมนูนี้สามารถทำเองได้ง่าย ๆ ที่บ้าน แถมยังไม่ได้ยุ่งยากอย่างที่คิด ถ้าอยากลองคุณจะต้องเตรียมอะไร และมีวิธีในการทำเมนูนี้อย่างไรบ้าง วันนี้เราจะพาคุณมารู้จักกับเมนูขนมเมนูนี้ให้มากขึ้นไปพร้อมกัน แต่ขอบอกไว้ก่อนเลยว่าเมนูนี้เหมาะกับทำทานครั้งละหลาย ๆ คน เพราะสูตรที่เราหยิบมาฝากในวันนี้จะได้ลอดช่องปริมาณครึ่งกิโลกรัม แต่ถ้าอยากปรับลดก็สามารถทำได้ โดยอ้างอิงจากสูตรด้วยการเทียบอัตราส่วนกันได้เลย

ลอดช่องไทย ต่างกับ ลอดช่องสิงคโปร์ อย่างไร

เชื่อว่านอกจากจะเคยได้ยินชื่อของ ลอดช่อง ไทย แล้วคุณยังต้องเคยได้ยินชื่อลอดช่องสิงคโปร์ด้วยเช่นเดียวกัน โดยจุดแตกต่างที่ชัดเจนที่สุดคือ ลอดช่องไทยโบราณใช้วัตถุดิบหลักคือแป้งข้าวเจ้า แต่ลอดช่องสิงคโปร์ใช้แป้งมันสำปะหลัง ส่วนวิธีการทำนั้นแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง

ลอดช่องไทย

โดยจุดเด่นที่สุดของไทยต้องยกให้ลอดช่องไทย น้ำกะทินั่นเอง และถ้าใครเป็นคนที่ชอบลอดช่องเหนียวนุ่มขอแนะนำว่าประวัติ ลอดช่องไทยโบราณที่ส่งต่อกันมาจนเป็นสูตรดั้งเดิมนั้นจะทำให้คุณติดใจได้กว่าการปันใจไปทานของสิงคโปร์กันอย่างแน่นอน ใครอยากลองทำลอดช่อง สูตรโบราณด้วยตัวเองตามเก็บสูตรจากเรากันได้เลย

วัตถุดิบหลักที่ต้องมีเมื่อทำลอดช่องไทย

ลอดช่องไทย

สำหรับลอดช่องไทยซึ่งเป็นขนมไทยโบราณนั้นจำเป็นที่จะต้องเตรียมวัตถุดิบอย่างพิถีพิถัน เน้นความสดใหม่ แต่วัตถุดิบเหล่านี้สามารถหาได้ง่าย ๆ ตามท้องตลอด เพราะด้วยความที่เป็นขนมไทย จึงทำให้คุณสามารถหาวัตถุดิบคุณภาพเจอได้ทุกมุมของประเทศ ส่วนต้องใช้อะไรบ้างเพื่อให้ได้ลอดช่องแสนอร่อยมาดูกันเลย แนะนำว่าซื้อในตลาดท้องถิ่นจะทำให้คุณได้ทั้งของดี ราคาถูก และสดใหม่ แถมยังเป็นการสนับสนุนเศรษฐกิจท้องถิ่นให้เติบโต เรียกได้ว่าได้ทั้งของดี ราคาดี แล้วได้ช่วยสังคมไปในเวลาเดียวกัน รับรองว่าเมนูนี้ทำแล้วอร่อยเพิ่มมากขึ้นง่าย ๆ อย่างแน่นอน

ลอดช่องไทย
  • น้ำใบเตย
  • แป้งข้าวเจ้า
  • แป้งมัน
  • น้ำแข็งสำหรับแช่ให้น้ำเย็น
  • หัวกะทิ
  • น้ำเชื่อม
  • เกลือป่น
  • ขนุนสุก

วิธีทำลอดช่องไทย

หลังจากที่คุณได้เตรียมวัตถุดิบสำหรับการทำ ลอดช่อง ไทย เรียบร้อยแล้ว ก็เดินทางมาถึงขั้นตอนของการเข้าครัวทำเมนูลอดช่อง ไทยเย็นชื่นใจเพื่อรับหน้าร้อนกันแล้ว ซึ่งบอกเลยว่าคุณสามารถจัดหมวดหมู่ให้เป็นขนมไทย ง่ายๆ กันได้เลย

ลอดช่องไทย
  • ทำนำปูนใสโดยการนำน้ำสะอาด 2 ลิตร ปูนแดง 1 ทัพพี คนผสมกันแล้วว่าทิ้งไว้ 1 คืน เมื่อต้องใช้ให้ตักแค่ส่วนที่เป็นน้ำใส ๆ มาใช้เท่านั้น
  • นำใบเตยมาปั่นกับน้ำปูนใส แล้วทำการกรอง แยกกากพักเอาไว้
  • นำแป้งทั้งสามอย่างที่เตรียมไว้มาใส่รวมกันในภาชนะจากนั้นเริ่มทำการกวนให้ทุกอย่างผสมเป็นเนื้อเดียวกัน
  • เติมน้ำปูนใสที่ผสมกับใบเตยลงไปในแป้ง จากนั้นคนผสมให้แป้งละลายเป็นเนื้อเดียวกับน้ำปูนใส คนไปจนกว่าจะหมดเม็ดแป้ง
ลอดช่องไทย
  • นำแป้งขึ้นมาตั้งไฟอ่อน กวนจนแป้งเริ่มมีความเนียน สุและสังเกตเห็นได้ว่าใสขึ้น
  • นำน้ำแข็งที่เตรียมเอาไว้ใส่ในกะละมังใส่น้ำลงไป แล้วรอจนน้ำเย็นจัด เมื่อน้ำได้ที่ให้รีบตักแป้งที่สุกใส่ในกระบอกบีบเส้น แล้วบีบแบบเว้นจังหวะให้เส้นมีความสั้นยาวตามความชอบ ต้องบีบตอนที่แป้งกำลังร้อนจัดเท่านั้น เพราะถ้าปล่อยให้เย็นจะเป็นก้อนและไม่สามารถบีบได้
  • ทำการแช่เส้นลอดช่องเอาไว้ในน้ำเย็นอย่างน้อย 5-7 นาที เมื่อครบเวลาให้ตักขึ้นมาพักไว้ให้สะเด็ดน้ำ
  • สามารถจัดเสิร์ฟได้เลยด้วยการเติมน้ำกะทิเคี่ยวกับน้ำตาล เติมน้ำแข็ง หรือผลไม้ที่นิยมทานคู่กันอย่างแตงไท ข้าวโพด เผือกลงไป

วิธีการทำน้ำกะทิเพื่อทานคู่กับ ลอดช่องไทย

สำหรับขั้นตอนของการทำกะทิเพื่อใส่ลอดช่องไทย สามารถได้ง่าย ๆ และสามารถทำแยกกับขนมลอดช่องได้ โดยคุณสามารถทำได้ตามวิธีนี้กันเลย

ลอดช่องไทย
  • นำหัวกะทิ น้ำตาลมะพร้าว เกลือ มาละลายให้เข้ากัน 
  • เคี่ยวด้วยไฟอ่อน 
  • พอกะทิเริ่มเดือดที่ขอบสามารถปิดไฟแล้วยกลง พร้อมทานคู่กับของหวานไทยเมนูนี้กันได้ทันที

หมายเหตุ : หากใช้ไม่หมดสามารถเก็บเอาไว้ในตู้เย็นได้ ก่อนนำมาทานอีกครั้งให้คนจนกะทิไม่เป็นตะกอน แต่ถ้าอยู่ท่ามกลางอากาศร้อนนาน ๆ แนะนำว่าต้องตรวจสอบให้ดีก่อนทานว่าบูดหรือไม่ เพราะกะทินั้นจะบูดค่อนข้างง่าย และอาจเป็นอันตรายกับคนที่ทานได้

ลอดช่องไทย

สำหรับใครที่กำลังมองหาเมนูของหวานไทยเพื่อคลายร้อนขอแนะนำเลยว่าลอดช่องไทย เป็นหนึ่งในเมนูที่คุณไม่ควรพลาด เพราะทั้งทำง่าย อร่อย และยังสามารถพัฒนาเป็นอาชีพกันได้เลยทีเดียว หรือถ้าอยากลองเทียบความต่างและรสชาติกับลอดช่องสิงคโปร์ก็สามารถลองหาสูตรเพิ่มเติมเพื่อทำกันได้เลย ขึ้นชื่อว่าขนมหวานไม่ว่าอย่างไรก็มาพร้อมความอร่อย ทำให้คนทานมีความสุขเพิ่มขึ้นกันได้ง่าย ๆ อยู่แล้ว

อ่านบทความอื่นๆ:

READ MOREREAD MORE
ลอดช่องสิงคโปร์

อยู่ไทยก็ทำ ลอดช่องสิงคโปร์ ได้ ทำอย่างไรมาดูกันอยู่ไทยก็ทำ ลอดช่องสิงคโปร์ ได้ ทำอย่างไรมาดูกัน

ลอดช่องสิงคโปร์

สำหรับเมนูขนมอย่าง ลอดช่องสิงคโปร์ น่าจะเป็นชื่อที่คุ้นหูหลายคนดี วันนี้เราจะพาคุณมาตามล่าวัตถุดิบ แล้วแกะสูตรทำออกมาให้อร่อยแสนหวาน รับรองว่าใครได้ชิมก็ต้องติดใจเมนูนี้กันทุกคนอย่างแน่นอน ถ้าพร้อมและอยากเริ่มเข้าครัวแล้วเรามาเริ่มทำเมนูนี้ไปพร้อมกันเลยดีกว่า ข้อดีของการทำเองคือกำหนดความหวาน เติมปริมาณขนมได้เต็มที่ ใครอยากได้แบบนี้บอกเลยว่าห้ามพลาด แล้วรีบมาทำกัน

ประวัติของเมนู ลอดช่องสิงคโปร์

ลอดช่อง สิงคโปร์ เป็นเมนูขนมหวานที่มีต้นกำเนิดมาจากสิงคโปร์ เมนูลอดช่องสิงคโปร์รวมมิตรได้รับความนิยมมากในชุมชนชาวสิงคโปร์ตั้งแต่ยุค 1950 โดยในตอนแรกนั้นของหวานชนิดนี้เป็นอาหารพื้นเมืองของชาวจีนที่อาศัยอยู่ในสิงคโปร์ แต่เมื่อเวลาผ่านไปสูตร ลอดช่องสิงคโปร์กลับกลายเป็นของหวานที่เป็นที่รู้จักกันมากที่สุดของชาวสิงคโปร์

ลอดช่องสิงคโปร์

ลอดช่องไทย กับ ลอดช่องสิงคโปร์ ต่างกันอย่างไร คำตอบคือของไทยใช้แป้งข้าวเจ้า ส่วนถ้าถามว่าแป้งสดลอดช่องสิงคโปร์ใช้แป้งอะไร ทางสิงคโปร์จะใช้เป็นแป้งมันสำปะหลังแทน และวิธีการทำก็แตกต่างกันอีกด้วย ดังนั้นจึงเป็นเพียงชื่อคล้าย แต่มาพร้อมเอกลักษณ์ที่แตกต่างกันอย่างชัดเจน

วัตถุดิบที่ใช้ในการทำลอดช่องสิงคโปร์

เราลองมาดูกันดีกว่าว่าถ้าอยากทำ ลอดช่องสิงคโปร์ นั้นจะต้องเตรียมวัตถุดิบอะไรให้พร้อมสำหรับเมนูยอดนิยมอย่างลอดช่องสิงคโปร์กันบ้าง

ลอดช่องสิงคโปร์
  • วัตถุดิบสำหรับทำตัวลอดช่อง

– แป้งมัน 1 ถ้วย

– แป้งข้าวเจ้า 5 ช้อนโต๊ะ

– น้ำใบเตยคั้น 2/3 ถ้วย

  • วัตถุดิบสำหรับจัดเสิร์ฟ

– ตัวลอดช่องสิงคโปร์ที่ทำไว้

– ขนุนสุกหั่นเป็นชิ้นยาว

– น้ำเชื่อม 1 ถ้วย ทำจากน้ำตาลทรายขาว 2 ถ้วย ผสมกับ น้ำลอยดอกมะลิ 1 ถ้วย

– กะทิสด 1 ถ้วย

– น้ำแข็งบดละเอียด

วิธีทำลอดช่องสิงคโปร์

หลังจากที่อุปกรณ์ในการทำลอดช่องสิงคโปร์ พร้อมเรียบร้อยแล้ว เรามาเริ่มลงมือทำลอดช่องสิงคโปร์โบราณไปพร้อมกันดีกว่า บอกเลยว่าสูตรนี้เอาไว้ทานกันตอนอากาศร้อน ๆ ช่วยเพิ่มความสดชื่นได้เป็นอย่างดี แต่จริง ๆ แล้วไม่ว่าจะเลือกทานตอนไหนเมนูนี้ก็สามารถมอบความสุขให้กับคุณได้เสมอ

ลอดช่องสิงคโปร์
  1. เริ่มทำตัวแป้งตามสูตร ลอดช่องสิงคโปร์กันก่อน โดยการอุ่นใบเตยในไมโครเวฟให้เดือดจัด เพื่อที่จะสามารถนำแป้งเทลงไปผสมได้
  2. เมื่อใบเตยได้ที่ให้นำแป้งข้าวเจ้าและแป้งมันเทลงในชามผสม จากนั้นเทน้ำใบเตยที่ร้อนจัด ๆ ลงไปในแป้งอย่างรวดเร็ว เพราะอุณหภูมิที่ร้อนจัดเป็นเรื่องสำคัญที่จะช่วยเพิ่มความละเอียดให้กับแป้งได้ โดยควรเทให้หมดในทีเดียว 
  3. รอให้แป้งอุ่นแล้วใช้มือนวดแป้งให้เข้ากันจนเป็นก้อนเดียว จากนั้นคลุมเอาไว้ด้วยแร็ปเพื่อที่จะสามารถนำไปรีดและตัดเป็นเส้นได้ ก่อนที่จะนวดอย่าลืมทาแป้งที่มือเพื่อป้องกันไม่ให้มีแป้งติดมือมากจนเกินไป
  4. เริ่มการรีดและนวดแป้งจากการนำลอดช่องมารีดให้เป็นแผ่นที่หนาประมาณครึ่งเซนติเมตร แล้วนำไปตัดให้เป็นเส้นขนาดความยาวประมาณ 3 นิ้ว สามารถทาแป้งมันที่พื้นที่ใช้รีดลอดช่องได้ เพื่อป้องกันไม่ให้แป้งติด
  5. ต้มน้ำให้เดือดจัดจากนั้นใส่เส้นลอดช่องลงไปในหม้อ ต้มจนแป้งสุกและลอยตัวขึ้นมา จากนั้นทำการตักแป้งไปแช่เอาไว้ในน้ำเย็น วิธีการนี้จะช่วยเพิ่มความเหนียวนุ่มให้กับเส้นได้มากขึ้น
  6. มาถึงขั้นตอนของการจัดเสิร์ฟกันแล้ว คุณสามารถตัดลอดช่องลงในแก้ว ตามด้วยการวางขนุน น้ำแข็ง ราดด้วยน้ำเชื่อมและกะทิ เพียงเท่านี้ก็เป็นอันเสร็จครบองค์ประกอบลอดช่องอินเตอร์กันแล้ว

เมนูลอดช่องสิงคโปร์ สามารถเพิ่มคุณค่าทางโภชนาการได้ย่างไรบ้าง

แม้ว่า ลอดช่อง สิงคโปร์ จะเป็นเมนูขนมหวาน แต่ก็ไม่ใช่ว่าจะส่งผลเสียกับร่างกายไปเสียทั้งหมด อย่างน้อยก็ทำให้อารมณ์ดีเมื่อได้ทาน และคุณยังสามารถเพิ่มเติมประโยชน์จากการทำเมนูนี้ด้วยตัวเองกันได้ง่าย ๆ อีกด้วย ซึ่งสามารถทำได้โดยการใช้ดอกอัญชันเพิ่มเข้าไปในขั้นตอนของการผสมแป้งลอดช่อง แล้วประโยชน์จากสมุนไพรไทยตัวนี้มีอะไรบ้างมาดูกัน

ลอดช่องสิงคโปร์
  • มีส่วนช่วยบำรุงสายตา และป้องกันอาการตาฝ้าฟาง ลดอาการตาแฉะ และสามารถช่วยป้องกันโรคต้อกระจกได้อีกด้วย
  • ช่วยลดน้ำตาลในเลือด เหมาะกับผู้ป่วยโรคเบาหวาน และเมื่อมาใส่ในขนมหวานจึงเป็นเรื่องที่ดี
  • มีส่วนช่วยเพิ่มภูมิคุ้มกันให้กับระบบภายในร่างกาย
  • มีส่วนช่วยในการขับปัสสาวะ และยังมีฤทธิ์เป็นยาระบายอ่อน ๆ ได้อีกด้วย
  • ภายในอัญชันมีสารต้านอนุมูลอิสระ ซึ่งมีส่วนช่วยต่อต้านโรคมะเร็งได้ดี
  • การชะลอริ้วรอย ดูแลผิวพรรณให้มีความกระชับอัญชันสามารถช่วยได้
  • ลดความเสี่ยงในการเป็นโรคไขมันอุดตันเส้นเลือด
  • ช่วยให้ระบบโลหิตไหลเวียนได้ดียิ่งขึ้น ส่งผลให้ร่างกายในส่วนอื่น ๆ มีความแข็งแรงเพิ่มขึ้นตาม
ลอดช่องสิงคโปร์

การเลือกทานของหวานไม่ว่าจะเป็นลอดช่องสิงคโปร์หรือเมนูอื่น ๆ อย่างพอดีบอกเลยว่าไม่ส่งผลเสียกับสุขภาพอย่างแน่นอน แต่กลับเป็นการช่วยเพิ่มความสุขในการทานให้กับคุณได้ ซึ่งถ้าคุณยึดหลักของความพอดีและเหมาะสมเสมอไม่ว่าจะทานอะไรก็จะส่งผลดีกับคุณอย่างแน่นอน เพราะทุกอย่างมีประโยชน์ซ่อนเอาไว้เสมอ ดังนั้นได้สูตรนี้ไปปรับความหวานให้พอเหมาะ พร้อมทั้งทานในปริมาณที่เน้นความอร่อย เพียงเท่านี้เมนูนี้ก็พร้อมจะมอบความสุขให้กับคุณกันแล้ว

อ่านบทความอื่นๆ:

READ MOREREAD MORE
ไข่นกกระทา ทอด

สูตร ไข่นกกระทา ทอด ทำแบบไหนให้กรอบนอกนุ่มในสูตร ไข่นกกระทา ทอด ทำแบบไหนให้กรอบนอกนุ่มใน

ไข่นกกระทา ทอด

แป้งกลม ๆ ทอดแล้วได้สัมผัสกรอบนอกนุ่มในน่าจะเนเสน่ห์ของ ไข่นกกระทา ทอด ที่ทำให้หลายคนติดใจ ซึ่งรู้กหรือไม่ว่าคุณสามารถทำเมนูนี้ด้วยตัวเองกันได้ และง่ายกว่าที่คิด ใครที่เป็นสาวกเมนูนี้อยากลองมาศึกษาดูว่าวัตถุดิบและวิธีการทำเป็นอย่างไร วันนี้เราได้รวบรวมทุกเรื่องที่น่ารู้เกี่ยวกับขนมชนิดนี้มาฝากคุณกันเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ถ้าพร้อมแล้วเรามาเริ่มทำขนมชนิดนี้ไปด้วยกันเลยดีกว่า

ไข่นกกระทา ทอด คืออะไร

ไข่นกกระทา ทอด

หลายคนยังสับสนว่า ไข่นกกระทาทอด หรือไข่เต่ากันแน่ ความจริงแล้วชื่อที่คนรู้จักเยอะกว่าจะเป็นไข่นกกระทา แต่จะเรียกไข่เต่าก็ไม่ผิดเช่นกัน โดยไข่นกกระทาทอดครกเป็นขนมที่ได้รับควานิยมมาตั้งแต่สมัยสุโขทัย กรุงศรีอยุธยา มาจนถึงรัตนโกสินทร์ และแน่นอนว่าในปัจจุบันขนมไข่นกกระทาก็ยังพบเห็นได้ทั่วไป แถมยังมีการพัฒนาสูตรให้ทันสมัยมากขึ้นอีกด้วย เมนูนี้ทำง่าย ใช้งบประมาณไม่เยอะ อร่อย ทานได้เพลิน ๆ เป็นของว่างระหว่างวัน สูตรดั้งเดิมทำด้วยแป้งมัน แต่ในตอนนี้มีการเพิ่มเติมสีสันที่น่าสนใจเข้ามามากมาย ถ้าอยากรู้วิธีทำกันแล้วเราไปต่อกันเลยดีกว่า

วัตถุดิบที่ใช้ทำ ไข่นกกระทา

ก่อนที่จำไปเริ่มเข้าครัวเรามาดูก่อนว่าไข่นกกระทา ทอด นั้นต้องใช้วัตถุดิบอะไรบ้างในการทำ ไข่นกกระทาใช้แป้งอะไร และต้องผสมอะไรเพิ่มเติมเพื่อให้ได้ความกรอบนอกนุ่มในที่น่าประทับใจบ้าง วันนี้เราจะพาคุณมาเจาะลึกสูตรในแบบที่ทานแล้วได้สัมผัสรสชาติดั้งเดิมกันอย่างแน่นอน

ไข่นกกระทา ทอด
  • แป้งมัน 500 กรัม
  • แป้งสาลี 2 ช้อนโต๊ะ
  • มันเทศต้มจนสุก 800 กรัม
  • น้ำตาลทราย 5 ช้อนโต๊ะ
  • เกลือป่น 1 ½  ช้อนชา
  • งาขาว
  • น้ำปูนใส
  • น้ำมันพืช

วิธีทำไข่นกกระทาทอด

หลังจากที่คุณได้เตรียมวัตถุดิบสำหรับ ไข่นกกระทาทอด กันเป็นที่เรียบร้อยแล้ว เราลองมาเก็บสูตรไข่นกกระทา โบราณ ไปใช้กันดีกว่าเผื่อว่าใครอยากทอดไข่นกกระทาขายหรือทำทานกันเป็นหมู่คณะจะได้ทำได้แบบง่าย ๆ อร่อยเหมือนร้านชั้นนำมาทอดให้ทานกันเลย

ไข่นกกระทา ทอด
  1. นำแป้งมัน แป้งสาลี น้ำตาลทราย พร้อมทั้งเกลือมาผสมทุกอย่างเข้าด้วยกัน ถ้ามีตะกร้อมือก็สามารถใช้เพื่อคนเบา ๆ ให้ส่วนผสมเข้ากันและไม่จับเป็นก้อนได้ แต่ถ้าไม่มีการใช้มือก็ไม่ได้ทำให้ส่วนผสมเปลี่ยนไปเช่นเดียวกัน
  2. เมื่อผสมเข้ากันเรียบร้อยแล้วนำไปผสมกับมันเทศที่นึ่งเรียบร้อยแล้ว จากนั้นใส่น้ำปูนใสเข้าไป ขยำส่วนผสมทุกส่วนให้เข้ากันดี จากนั้นเริ่มปั้นเป็นลูกกลม ๆ แนะนำว่าให้ปั้นเป็นขนาดพอดีคำจะได้สุกง่าย ทานง่าย
  3. ตั้งกระทะในไฟร้อนแบบปานกลาง เมื่อสังเกตว่าน้ำมันเริ่มร้อนแล้วนั้นให้เริ่มนำแป้งที่ปั้นไว้ลงไปทอด และคอยกลับเสมอเพื่อป้องกันไม่ให้ไหม้ เพราะตัวขนมชอบจะหมุนกลับไปด้านเดิม คุณจึงต้องคอยคนเสมอ
  4. เมื่อไข่นกกระทาทอดสุกดีแล้วก็สามารถตักขึ้นมาเพื่อสะเด็ดน้ำมันกันได้เลย หากต้องการเพิ่มงาขาวก็สามารถเพิ่มได้ในขั้นตอนนี้ ยกให้เป็นอีกหนึ่งขนมไทย ง่ายๆ ที่ใครก็ทำได้กันไปเลย

ไข่นกกระทา ทอด สามารถปรับสูตรเป็นแบบไหนได้บ้าง

ถือว่าวิวัฒนาการของไข่นกกระทาทอดในตอนนี้นั้นน่าสนใจมาก เพราะมีการดึงเอาสีสันเข้ามาใส่ในขนมชนิดนี้มากขึ้น ปรับให้ขนมไทยโบราณกลายเป็นขนมไทยยุคใหม่ได้อย่างน่าประทับใจ เราลองมาดูกันดีกว่าว่าตอนนี้ขนมตัวนี้สามารถปรับสูตรให้ออกมาเป็นแบบไหนได้บ้าง

ไข่นกกระทา ทอด
  • ไข่นกกระทาทอด มันม่วง
    สูตรนี้เลือกที่จะใช้มันม่วงแทนมันเทศตามแบบของสูตรดั้งเดิม ทำให้ได้ขนมที่มีสีม่วงน่าทาน ดูแปลกตา แถมรสชาติยังอร่อยไม่แพ้กันอีกด้วย โดยมาพร้อมวิธีทำเหมือนกัน แต่มีวัตถุดิบที่เปลี่ยนไปดังนี้
    – มันเทศม่วงญี่ปุ่น 1 – 2 หัว
    – แป้งมัน 200 กรัม
    – แป้งสาลีอเนกประสงค์ 50 กรัม
    – น้ำตาลทราย 100 กรัม
    – เกลือ 1 ช้อนชา
    – ผงฟู 1 ช้อนชา
    – หัวกะทิ 90 กรัม
    – น้ำปูนใส 2 ช้อน
  • ไข่นกกระทาทอด ชาเขียว
    สูตรนี้เรียกได้ว่าอินเทรนด์สุด ๆ เพราะมาพร้อมสีสันสะดุดตา ไม่เหมือนใคร แต่ทำง่าย ๆ แค่เพียงเพิ่มผงชาเขียวเข้าไประหว่างที่นวดแป้ง โดยใช้วิธีการทำเหมือนกับสูตรดั้งเดิมเช่นเดียวกัน ซึ่งมีส่วนผสมเพิ่มเติมดังนี้
    – มันเทศสีเหลือง 500 กรัม
    – แป้งมัน 250 กรัม
    – น้ำตาล 3 ช้อนโต๊ะ
    – เกลือ ¼ ช้อนชา
    – หัวกะทิ 150 กรัม
    – ผงชาเขียว 1 ช้อนโต๊ะพูน
ไข่นกกระทา ทอด

หลังจากที่วันนี้ได้สูตรไข่นกกระทา ทอดสูตรเด็ดไปมากถึง 3 แบบก็ถึงเวลาที่คุณจะตัดสินใจแล้วว่าจะเลือกลองทำสูตรไหน แต่ด้วยพื้นฐานของวัตถุดิบที่คล้าย ๆ กัน การทดลองทำในครั้งแรกคุณก็สามารถลองทำทั้งสามแบบพร้อมกันได้เลย เพราะสุดท้ายแล้วก็ใช้วิธีทำและวิธีทอดคล้ายกัน เพื่อเป็นการทดลองว่าคุณถนัดหรือชื่นชอบผลลัพธ์แบบไหนมากกว่ากันจะได้ไปพัฒนาสูตรของตัวเองกันต่อได้แบบง่าย ๆ โดยใครอยากสร้างอาชีพหรือหากิจกรรมทำเมนูขนมตัวนี้เป็นอีกหนึ่งเมนูที่คุณไม่ควรพลาด

อ่านบทความอื่นๆ:

READ MOREREAD MORE
ปลากริมไข่เต่า

มาลองทำเมนู ปลากริมไข่เต่า เองกันดีกว่ามาลองทำเมนู ปลากริมไข่เต่า เองกันดีกว่า

ปลากริมไข่เต่า

ใครเคยได้ยินชื่อ หรือชื่นชอบเมนูอย่าง ปลากริมไข่เต่า กันบ้าง รู้หรือไม่ว่าเมนูนี้สามารถทำได้เองง่ายกว่าที่คิด แล้วจะต้องใช้อะไรบ้าง มีวิธีการทำอย่างไร บอกเลยว่าวันนี้เราได้รวบรวมข้อมูลทุกอย่างที่คุณควรรู้เกี่ยวกับเมนูขนมเมนูนี้มาฝากกันเป็นที่เรียบร้อยแล้ว อ่านจบเข้าครัวทำออกมาทานกันได้อร่อยแบบไทยแท้กันได้ง่าย ๆ อย่างแน่นอน

ปลากริมไข่เต่า คืออะไร

ก่อนที่จะไปลงลึกถึงวัตถุดิบและสูตรวิธีทำปลากริมไข่เต่า เราลองมาทำความรู้จักกันก่อนว่า ปลากริมไข่เต่า คืออะไร สำหรับปลากิมไข่เต่านั้น เป็นขนมไทยที่ใช้น้ำกะทิมาเป็นส่วนผสมหลัก โดดเด่นด้วยตัวแป้งที่ปั้นมาให้ยาวรี หัวท้ายแหลม เหนียวนุ่ม ทานคู่กับน้ำกะทิที่จะมีสองรสชาติในหนึ่งเดียว

ปลากริมไข่เต่า

ปรากริม คือตัวแป้งยาวคล้ายปรากริมอยู่ในน้ำกะทิแบบหวาน ส่วนไข่เต่าจะกลมรีอยู่ในกะทิเค็ม เมื่อทานพร้อมกันจะกลายเป็นรสชาติหวานเค็มที่แสนลงตัว จนกลายเป็นเสน่ห์ของเมนูนี้เลยก็ว่าได้

แต่ในปัจจุบันต้องยอมรับว่าปลา กริมไข่เต่า ประวัติขนมที่มีมายาวนานนี้เริ่มหาทานยากขึ้นทุกวัน ดังนั้นถ้าคุณอยากทานปลา กริมไข่เต่า แต่ไม่รู้ว่าจะหาที่ไหนดี ลองทำเองไปพร้อมกับเราแล้วคุณจะได้อร่อยกับเมนูนี้ได้ทุกเวลาที่ต้องการ

วัตถุดิบที่ต้องใช้สำหรับ ปลากริมไข่เต่า

ถึงขั้นตอนของการเตรียมของกันแล้ว มาดูดีกว่าว่าเมนูอย่าง ปลากริม ไข่เต่า นั้นต้องเตรียมอะไรในส่วนไหนบ้าง เพื่อให้ออกมาเป็นปลากริม ไข่เต่า สูตรโบราณที่อร่อยกลมกล่อม จนกลายมาเป็นขนมไทยโบราณในตำนานอย่างให้ปัจจุบัน

ปลากริมไข่เต่า
  • ส่วนผสมแป้ง
    • แป้งข้าวเจ้า 250 กรัม
    • แป้งมันสำปะหลัง 65 กรัม
    • กะทิ 80 กรัม
    • น้ำเปล่า 500 ml.
  • ส่วนผสม ปลากริม (ตัวหวาน)
    • หัวกะทิ 250 กรัม
    • น้ำเปล่า 250 กรัม
    • น้ำตาลมะพร้าว 150 กรัม
    • ใบเตย
  • ส่วนผสม ไข่เต่า (ตัวเค็ม)
    • หัวกะทิ 500 กรัม
    • เกลือ 10 กรัม
    • ใบเตย

วิธีทำ ปลากริมไข่เต่า ในแบบขนมไทย ง่ายๆ

มาถึงวิธีการทำปลากริมไข่เต่ากันแล้ว เมนูของหวานไทยจะมาพร้อมเทคนิคเคล็ดลับในการสร้างรสชาติที่กลมกล่อมได้อย่างไรบ้าง เราลองมาศึกษาวิธีทำและเก็บสูตรไปใช้กันดีกว่า

ปลากริมไข่เต่า
  1. เริ่มจากการทำแป้งข้าวเจ้าลงในอ่างผสมก่อน จากนั้นตามด้วยแป้งมัน
  2. เติมกะทิลงไป ตามด้วยน้ำเปล่า แล้วคนจะแป้งละลาย จากนั้นกรองแป้งด้วยกระชอนอย่างน้อย 1 รอบ
  3. เทส่วนผสมลงในกระทะ แล้วเปิดไฟกลางไปทางอ่อน กวนแป้งไปเรื่อย ๆ อย่าหยุด เมื่อแป้งเริ่มจับตัวเป็นก้อนแล้วให้ลดไฟเป็นไฟอ่อน กวนจนแป้งสุกจับเป็นก้อนแล้วนำไปเทใส่ถาด
  4. ใชแป้งมันและแป้งข้าวเจ้าโรยบนตัวแป้งให้ทั่ว เพื่อป้องกันแป้งติดมือ จากนั้นนวดจนแป้งเนียน แล้วแบ่งเป็น 2 ก้อนเท่า ๆ กัน
  5. ก้อนหนึ่งแบ่งปั้นเป็นตัวยาวหรือปลากริม ส่วนอีกตัวปั้นเป็นลูกกลม ๆ เป็นไข่เต่า
  6. หลังจากปั้นทั้งสองแบบเสร็จให้นำแป้งตัวปลากริมมาร่อนด้วยกระชอนเอาเศษแป้งออก
  7. ตั้งหม้อแล้วต้มน้ำให้เดือด ใส่แป้งลงไปต้ม เมื่อสุกแป้งจะลอยขึ้นมา ให้ต้มต่ออีก 2 นาที แล้วตักขึ้นใส่น้ำเย็นเพื่อหยุดการสุก
  8. นำแป้งไข่เต่ามาร่อนเพื่อเอาเศษแป้งออก จากนั้นต้มในวิธีการเดียวกับปลากริม
  9. มาเริ่มทำปลากริมกันก่อนด้วยการตั้งไฟกลาง ใส่น้ำเปล่า ตามด้วยน้ำตาลมะพร้าว จากนั้นใส่ใบเตยให้หอม แล้วต้มจนกว่าน้ำตาลจะละลาย
  10. เมื่อเริ่มเดือดให้ใส่กะทิลงไป พอเดือดอีกรอบใส่ปลากริมลงไป และรอจนเดือดจากนั้นปิดไฟได้เลย
  11. ทำไข่เต่าต่อด้วยการตั้งหม้อกะทิใส่เกลือ ใส่ใบเตยลงไป คนจนกะทิเดือดแต่ต้องระวังไม่ให้แตกมัน จากนั้นใส่ไข่เต่าลงไป ต้มจนเดือดแล้วปิดไฟ
  12. สามารถตักเสิร์ฟทานกันได้เลย โดยส่วนใหญ่แล้วจะตักปลากริมก่อน แล้วค่อยตักส่วนของไข่เต่า

ทำไมถึงกลายมาเป็นปลากริมไข่เต่า

ปลากริมไข่เต่า

ถ้าเรื่องการรวมตัวกันของ ปลากริม ไข่เต่า นั้นยังเป็นส่วนที่ทำให้คุณสงสัย เราขอมาเท้าความถึงจุดเริ่มต้นของ สูตร ปลากริมไข่เต่ากันดีกว่าว่าทำไมถึงเกิดของหวานไทยชนิดนี้ขึ้น ซึ่งจุดเริ่มต้นของเมนูนี้จริง ๆ แล้วทานแยกกัน แต่เมื่อช่วงของรัชกาลที่ 5 ผู้เชี่ยวชาญด้านอาหารได้หาคำตอบเจอว่าต้องทานสองอย่างนี้ด้วยกัน เพราะตัวหนึ่งหวาน ตัวหนึ่งเค็ม มารวมกันแล้วจะได้รสชาติที่ลงตัว โบราณเมื่อรวมตัวกันจะเรียกว่าขนมแฉ่งม้า แต่ถ้าแยกกันก็จะเรียกปลากริมและไข่เต่านั่นเอง ตึงเป็นจุดเริ่มต้นของการเริ่มทานสองเมนูนี้ร่วมกันภายในถ้วยเดียว ซึ่งก็ยังนิยมมาจนถึงปัจจุบัน

ปลากริมไข่เต่า

สำหรับใครที่อยากลองทำขนมแบบไทย ๆ สูตรดั้งเดิมเพื่อทานกันเองที่บ้านง่าย ๆ แนะนำเลยว่าไม่ควรพลาดปลากริมไข่เต่า เพราะเป็นเมนูที่มีเอกลักษณ์ ผสมผสานกันได้อย่างลงตัวระหว่างความหวานเค็ม แถมยังมาพร้อมแป้งที่เหนียวนุ่มละมุน ทำเองได้ง่าย ๆ ใครที่กำลังจะมีปาร์ตี้แนะนำเมนูนี้เลยรับรองว่าทานเพลินกันทุกคนที่ได้แวะเวียนมาหากันอย่างแน่นอน ส่วนความหวานเค็มนั้นถ้าต้องการปรับลดก็สามารถที่จะปรับได้ตามความชอบของคุณกันเลย

อ่านบทตวามอื่นๆ:

READ MOREREAD MORE