หมวดหมู่: สูตรขนม

ขนม ผิง

ใครชอบขนมไทยที่มาพร้อมกลิ่นหอม ห้ามพลาดสูตร ขนม ผิง ที่เรานำมาฝากกันในวันนี้ใครชอบขนมไทยที่มาพร้อมกลิ่นหอม ห้ามพลาดสูตร ขนม ผิง ที่เรานำมาฝากกันในวันนี้

ขนม ผิง

ขนมที่มาพร้อมรูปทรงน่ารัก รสชาติเป็นเอกลักษณ์ และยังมาพร้อมวิธีการทำแสนสนุก ทั้งหมดคือสิ่งที่ ขนม ผิง สามารถมอบให้กับคุณได้ ใครอยากลองเข้าครัวทำขนมชนิดนี้เองบอกเลยว่าห้ามพลาด เราเตรียมสูตรเด็ดมาให้คุณได้ลองนำไปทำตามกันเรียบร้อยแล้ว

ประวัติของ ขนม ผิง

ขนม ผิง

เรามาเริ่มทำความรู้จักกับเมนู ขนมผิง กันก่อนดีกว่า ขนมผิงมาจากอาหารโปรตุเกส ซึ่ง ‘ท้าวทองกีบม้า’ ที่เรากำลังรู้จักกันจากละครชื่อดังเป็นผู้ริเริ่มขนมผิงโบราณขึ้นมา โดยขนมชนิดนี้มีมาตั้งแต่สมัยอยุธยา และนางยังเป็นผู้คิดค้นขนมหลาย ๆ อย่างที่นิยมต่อเนื่องมาจนถึงปัจจุบัน เพราะได้รับตำแหน่งราชการเป็นตำแหน่งหัวหน้าห้องเครื่องต้น จึงทำให้มีโอกาสได้ทำอาหาร ขนม จนเกิดการผสมผสานวัฒนธรรมจากหลายชาติเข้ามารวมกันมากมาย และกลายเป็นขนมยอดฮิตอย่างทุกวันนี้

วัตถุดิบสำหรับการทำขนม ผิง

อยากทำขนม ผิงให้ได้ตาม สูตรขนมผิง ดั้งเดิมจะต้องเตรียมอะไรบ้าง วันนี้คุณสามารถนำรายการที่เราสรุปมาไปตามหาวัตถุดิบเพื่อมาเข้าครัวกันได้เลย

ขนม ผิง
  • วัตถุดิบในการทำขนมผิง
    • แป้งมัน 500 กรัม
    • กะทิ 250 กรัม 
    • น้ำตาลทรายขาว 250 กรัม
    • ไข่แดง 2 ฟอง
    • ใบเตย สำหรับเพิ่มความหอม

วิธีการทำขนมผิง

วัตถุดิบของ ขนมผิง นั้นบอกเลยว่าไม่เยอะ เตรียมง่าย เมื่อรู้แล้วว่าขนมผิง ทำ จากอะไร ดังนั้นเรามาเริ่มเข้าสู่ขั้นตอนวิธี ทำขนมผิงกันเลยดีกว่า

ขนม ผิง
  1. เริ่มการเคี่ยวน้ำตาล โดยการผสมกะทิกับน้ำตาลทราย คนให้ละลาย นำขึ้นตั้งไฟเคี่ยวให้เป็นยางมะตูม ยกลงพักไว้ให้อุ่น เมื่อกะทิอุ่น ใส่ไข่แดงลงไปผสมให้เข้ากัน แล้วค่อย ๆ เติมแป้งลงไป จากนั้นทำการนวดให้เข้ากันจนแป้งเนียน พักไว้ 1 คืน แนะนำว่าควรเอาพลาสติกถนอมอาหารคลุมไว้
  2. เมื่อพักแป้งเอาไว้ตามเวลาที่กำหนดให้คุณเริ่มการปั้น ก่อนปั้นต้องนำมานวดให้เข้ากันอีกครั้ง แล้วค่อย ๆ ปั้นเป็นก้อนกลมแบน ขนาดประมาณเหรียญบาท เรียงใส่ถาดที่ทาน้ำมัน
  3. เมื่อเรียงได้ตามที่ต้องการให้นำเข้าอบที่อุณหภูมิ 175 องศาเซลเซียส ประมาณ 15 นาที โดยใช้ไฟบน-ล่าง เมื่อครบเวลานำออกมาพักให้เย็น จากนั้นสามารถเก็บใส่ภาชนะ ปิดให้มิดชิด และหยิบมากินตามที่ต้องการกันได้เลย

ขนม ผิง มีสูตรไหนน่าสนใจอีกบ้าง

เรามาดูกันว่าความน่าสนใจของขนมผิง ยังมีสูตรไหนที่คุณสามารถนำไปเป็นแรงบันดาลใจในการทำขนมไทย ทำเองกันได้อีกบ้าง เพราะด้วยความที่อยู่กับวงการขนมมานาน ทำให้มีคนพยายามพัฒนาสูตรขนม ไทยเมนูนี้ให้น่าสนใจเพิ่มมากขึ้น มีอะไรบ้างมาดูกัน

ขนม ผิง
  • สูตรกะทิอบควันเทียน

สูตรนี้สามารถที่จะอบควันเทียนด้วยวิธีการแบบดั้งเดิมด้วยตนเอง หรือจะมองหากะทิที่อบควันเทียนมาเรียบร้อยแล้วเพื่อใส่ในส่วนผสมได้ตามต้องการ เสน่ห์ของสูตรนี้คือความหอมที่เพิ่มมากขึ้นอย่างมีเอกลักษณ์ ทำให้การกินนั้นมีความอร่อยถูกปากมากขึ้น แต่ถ้าเก็บเอาไว้นาน ๆ อาจทำให้กลิ่นเลือนหายไปตามกาลเวลาได้

  • สูตรน้ำตาลโตนด

ใครที่ชอบความหวานแนะนำว่าไม่ควรพลาดสูตรนี้ แต่ต้องระวังในเรื่องของความแห้งกันให้ดี ระหว่างที่นวดแป้งถ้ารู้สึกว่าแป้ง แตก มากจนเกินไปคุณสามารถที่จะเพิ่มน้ำลงไปได้เล็กน้อย เพื่อให้ตัวแป้งยังเกาะเป็นเนื้อเดียวกันได้เป็นอย่างดีนั่นเอง

ขนม ผิง

การทำ ขนมผิง นั้นนิยามกันว่าเป็นคุกกี้ของไทย และยังมีขนมอย่างคุกกี้สิงคโปร์ที่มีความคล้ายกัน แต่ไม่ละลายในปากเท่า นอกจากเมนูนี้แล้วท้าวทองกีบม้ายังฝากเมนูขนมที่น่าสนใจเอาไว้ให้คนรุ่นหลังอย่างเรามากมาย ไม่ว่าจะเป็นสังขยา สัมปันนี กะหรี่ปั๊บ ลูกชุบ ฝอยทอง และอีกมากมายที่ประวัติศาสตร์ได้ทำการบันทึกเอาไว้ บอกเลยว่าสามารถนำมาเป็นแรงบันดาลใจ พร้อมทั้งอาจเลือกหยิบมาทำการฟิวชั่นให้คุณได้สนุกไปกับการทำขนมของไทยเราให้มากขึ้น ซึ่งนอกจากอาหารแล้วขนมของบ้านเราก็ถือว่าเป็นที่นิยมไปทั่วโลกไม่แพ้กัน นี่อาจกลายเป็นแหล่งรายได้ใหม่ให้กับคุณได้เลยทีเดียว

อ่านบทความอื่นๆ:

READ MOREREAD MORE
มะพร้าวแก้ว

มาทำเมนูขนมอย่าง มะพร้าวแก้ว สุดหอมหวานกันมาทำเมนูขนมอย่าง มะพร้าวแก้ว สุดหอมหวานกัน

มะพร้าวแก้ว

รสชาติหวาน มัน สีสันสวยงามน่ากินเป็นที่สุด และนี่คือเมนูดัง มะพร้าวแก้ว นั่นเอง เมนูนี้ทำง่ายกว่าที่คิด ใครที่ชอบเข้าครัวทำทุกเมนูด้วยตัวเองไม่ควรพลาด บอกเลยว่าทั้งสนุก แถมยังเอาไว้กินได้นาน อยากเอาไปแจกเพื่อน หรือปาร์ตี้ รวมทั้งเป็นแนวทางไอเดียสร้างอาชีพก็เหมาะ ใครอยากรู้สูตรแล้วตามมาเก็บไปทำกันได้เลย

ประวัติที่น่าสนใจของ มะพร้าวแก้ว

มะพร้าวแก้ว

ก่อนที่จะไปลงลึกถึงสูตรของ มะพร้าว แก้ว เรามาทำความรู้จักกับที่มาของเมนูนี้กันก่อน เพราะขนมที่มาพร้อมเรื่องราวจะทำให้การทำและการกินอร่อยมากขึ้นได้ โดยมะพร้าว แก้วนั้นทำมาจากมะพร้าวทึนทึก ที่นำมาขูดเป็นเส้น แล้วนำไปผัด ทำให้ได้ความหวานมัน และเป็นการแปรรูปเพื่อใช้ประโยชน์ผลไม้ได้อย่างมีคุณค่ามากขึ้ ประเภทของมะพร้าวที่นิยมใช้ทำเมนูนี้คือ มะพร้าวทึนทึก เลือกจากเปลือก ต้องขูดออกมาแล้วมีสีขาว ถ้าเขย่าต้องมีเสียงน้ำมะพร้าวคลอนไปมา จึงจะเหมาะกับการนำมาทำมะพร้าวแก้ว

วัตถุดิบที่ต้องใช้ในการทำเมนู มะพร้าวแก้ว

เรามาดูกันว่าต้องเตรียมอะไรบ้างเพื่อให้พร้อมสำหรับการเข้าครัวทำเมนูนี้อย่างมะพร้าวแก้ว ซึ่งเราจะขออาสามาแนะนำวิธี ทำ มะพร้าวแก้วแบบ เส้นให้คุณได้นำไปใช้กัน

มะพร้าวแก้ว
  • วัตถุดิบที่ต้องใช้ในการทำมะพร้าวแก้ว
    • มะพร้าวทึนทึก 200 กรัม (ขูดเป็นเส้น)
    • น้ำตาลทราย 1 ถ้วย
    • น้ำใบเตย ½ ถ้วย
    • เกลือ ¼ ช้อนชา

หมายเหตุ : แนะนำว่าให้ค่อย ๆ ทำ เพราะเมนูนี้ไม่เหมาะที่จะทำเอาไว้จำนวนมาก ควรทำแบบพอกิน เพราะไม่อย่างนั้นอาจทำให้เนื้อเหนียวเมื่อเก็บไว้นานจนเกินไป และสามารถเพิ่มสีผสมอาหารเพื่อทำเป็นสีสันตามที่ชอบได้อีกด้วย

วิธีในการทำเมนูมะพร้าวแก้ว

เมื่อวัตถุสำหรับมะพร้าวแก้ว พร้อมแล้วเรามาเริ่มเข้าสู่วิธี ทำ มะพร้าวแก้วกันเลยดีกว่า เมนูนี้จะต้องทำอย่างไรบ้าง เพื่อให้ได้ออกมาอร่อยหวายมันได้ใจเหมือนกับสูตรโบราณ วันนี้เราได้สรุปวิธีทำที่ง่ายที่สุดมาฝากคุณกันที่นี่เรียบร้อยแล้ว

มะพร้าวแก้ว
  1. นำมะพร้าวทึนทึกมาขูดเป็นเส้น ๆ พยายามขูดไม่ต้องถึงกะลา เอาแต่เนื้อสีขาว ๆ เพราะเป็นส่วนที่นำมาใช้แล้วอร่อย หวาน มัน และเนื้อสัมผัสกำลังดีมากที่สุด
  2. เมื่อได้มะพร้าวที่ขูดเรียบร้อยแล้ว เตรียมน้ำใบเตยเข้มข้นต่อ ซึ่งน้ำใบเตยนั้นจะได้มาจากการนำใบเตยไปปั่นกับน้ำเปล่า และกรองเอาแต่ส่วนของน้ำออกมา (ใช้ผ้าขาวบางในการกรองได้)
  3. ใส่มะพร้าวขูด น้ำตาลทราย น้ำใบเตย และเกลือลงในกระทะ เปิดไฟกลาง จากนั้นหมั่นคนไปเรื่อย ๆ จนน้ำงวดแล้วปิดไฟ
  4. จากนั้นใช้ช้อนกับส้อมตักมะพร้าวแก้วมาพอดีคำ วางลงในภาชนะ แล้วนำไปตากแดดให้แห้ง หรืออบที่อุณหภูมิ 50 องศาเซลเซียส จนแห้ง
  5. เมื่ออบเสร็จแล้วจะได้มะพร้าวแก้วใบเตย ที่มาพร้อมเนื้อสัมผัสที่แห้งและหวานกำลังดี

หมายเหตุ : ถ้าลดน้ำตาลลงจะได้แบบไม่หวานและนิ่มมากขึ้น ดังนั้นสามารถเลือกทำได้ตามแบบที่คุณชอบกันได้เลย

ประโยชน์จากเมนูมะพร้าวแก้ว

มะพร้าวแก้ว

เรามาดูกันว่าถึงแม้ มะพร้าวแก้วจะเป็นขนมไทย แต่ก็ยังมาพร้อมกับประโยชน์ให้กับร่างกายของคุณ ประโยชน์เหล่านี้จะมีอะไรบ้าง เราตามมาเก็บเพื่อใช้เป็นหนึ่งในแรงบันดาลใจเพื่อกินและทำเมนูนี้กันดีกว่า

  • เนื้อมะพร้าวมาพร้อมไฟเบอร์ที่สูง มีคาร์โบไฮเดรต โปรตีน โพแทสเซียม ฟอสฟอรัส และเหล็ก เรียกว่ากินเข้าไปคำเดียวได้ประโยชน์จากวิตามิน และแร่ธาตุที่น่าประทับใจ
  • มีส่วนช่วยบำรุงหัวใจ ในเนื้อมะพร้าวและน้ำมะพร้าวนั้นมีส่วนช่วยป้องกันโรคหัวใจ และหลอดเลือด ไขมันในมะพร้าวเป็นไขมันดี ช่วยลดปริมาณไขมันไม่ดีในร่างกายได้

ใครที่ชอบเมนูขนมแบบไทย ๆ แนะนำเลยว่า มะพร้าว แก้ว เป็นหนึ่งในเมนูที่คุณไม่ควรพลาดจะเข้าครัวไปลองทำกันด้วยตัวเอง เพราะเป็นเมนูที่ทำง่าย เกิดมาจากแนวคิดของการแปรรูปเพื่อยืดอายุวัตถุดิบ และที่สำคัญคือเป็นเมนูที่อร่อย เคี้ยวเพลิน ถ้าได้ลองกินอาจไม่สามารถหยุดได้ง่าย ๆ ดังนั้นอย่ารอช้ารีบไปเพิ่มเสน่ห์ปลายจวักกันด้วยเมนูนี้กันเลยดีกว่า

อ่านบทความอื่นๆ:

READ MOREREAD MORE
ชู โรส

อยากกินปาท่องโก๋ สเปนอย่าง ชู โรส ทำเองได้ง่าย ๆ ไม่ต้องเดินทางให้เสียเวลาอยากกินปาท่องโก๋ สเปนอย่าง ชู โรส ทำเองได้ง่าย ๆ ไม่ต้องเดินทางให้เสียเวลา

ชู โรส

ชู โรส ถือว่าเป็นขนมที่มีชื่อเสียงของประเทศสเปน หลายคนเคยได้กินก็ติดใจ แต่ถ้าอยากกินแบบจุใจ ปรับแต่งสูตรได้ตามที่ชอบ แนะนำว่าให้มาใช้สูตรจากเราในวันนี้ไปทำกันเองจะฟินกว่า และวันนี้เราเตรียมข้อมูลที่น่าสนใจของขนมชนิดนี้มาฝากกันอีกด้วย

ประวัติของ ชู โรส

ชู โรส

ถ้าจะตามหาประวัติที่แน่ชัดของ ชูโรส อาจจะยังไม่มีการระบุชัดเจน เพราะบางแหล่งก็บอกว่าเกิดที่จีน แล้วนักสำรวชาวโปรตุเกสนำมาพัฒนาต่อ ส่วนอีกแหล่งบอกว่าชูโรสถูกคิดค้นมาจากคนเลี้ยงแกะ โดยเขาทำขึ้นแทนขนมปัง เพราะเข้าไม่สามารถซื้ออาหารสดได้ เลยเอาแป้ง น้ำ และน้ำมันมาผสมกัน และชื่อของขนมชูโรสก็ได้แรงบันดาลใจมาจากเขาของแกะที่เรียกว่า ชูร์ร่า ซึ่งประวัติจากแหล่งที่สองคนเชื่อถือกันมากกว่าว่าชู โรสคือขนมที่เกิดมาจากคนเลี้ยงแกะ

วัตถุดิบที่ต้องเตรียมสำหรับการทำชู โรส

บอกเลยว่าวัตถุดิบที่ต้องใช้ในการทำชู โรส นั้นไม่ได้มาก และสามารถทำได้อย่างง่ายดาย ทำให้กลายเป็นเบเกอรี่ยอดนิยมนั่นเอง มีอะไรที่ต้องเตรียมให้พร้อมเพื่อทำเมนูนี้บ้าง มาดูกัน

ชู โรส
  • วัตถุดิบในการทำชูโรส
    • แป้งสาลีอเนกประสงค์ 200 กรัม
    • น้ำ 250 กรัม
    • เนยเค็ม 50 กรัม
    • น้ำตาลทราย 30 กรัม
    • ไข่ไก่ 3 ฟอง
    • น้ำตาล ใช้คลุก

มาแกะสูตรวิธีการทำ ชู โรส กัน

เมื่อเตรียมของเรียบร้อยมาเริ่มทำ ชูโรส กันดีกว่า วิธี ทำ ชู โรสนั้นไม่ยาก แต่ต้องอาศัยความพิถีพิถัน รับรองว่าเป็นเบเกอรี่ทำเองที่ทำให้คุณต้องติดใจอย่างแน่นอน

ชู โรส
  1. เริ่มจากการร่อนแป้งสาลีอเนกประสงค์ จากนั้นทำการแล้วพักไว้ก่อน
  2. ผสมน้ำ เนยเค็ม และน้ำตาลทรายเข้าด้วยกัน นำขึ้นตั้งไฟแรง รอจนส่วนผสมเดือด แล้วเติมแป้งที่ร่อนพักไว้ลงไป คนให้ทุกส่วนผสมเข้ากัน
  3. จากนั้นเปลี่ยนส่วนผสมเอาไปใส่ในอ่างผสม ใช้ตะกร้อตีเพื่อให้ส่วนผสมได้คลายความร้อน พออุ่น ๆ แล้วค่อย ๆ เติมไข่ไก่ลงไป คนผสมให้เข้ากัน ตักใส่ถุงบีบที่เตรียมไว้
  4. ตั้งน้ำมันโดยใช้ไฟปานกลาง พอน้ำมันร้อน บีบขนมเป็นรูปทรงตามชอบ ทอดให้เหลืองสวยงามจนสุก แล้วนำออกมาพักไว้ให้สะเด็ดน้ำมัน จากนั้นนำมาคลุกน้ำตาลได้มากน้อยตามชอบกันได้เลย เพียงเท่านี้ก็ครบขั้นตอนวิธี ทํา ชู โรสง่ายๆ กันแล้ว

เพิ่มลูกเล่นอะไรกันได้อีกบ้าง

สูตรชูโรส ที่เราแนะนำไปนั้นจะเป็นเพียงแป้งคลุกน้ำตาล แต่ในตอนนี้ขนมชนิดนี้เพิ่มความหลากหลายให้ได้ความอร่อย และน่าสนใจมากขึ้นกว่านั้น ใครมาสายเบเกอรี่โฮมเมดสามารถเก็บแรงบันดาลใจเหล่านี้ไปเพิ่มเติมให้ขนมของคุณกันได้เลย

ชู โรส
  • รสช็อกโกแลต อัลมอนด์

บอกเลยว่าเมนูเบเกอรี่ง่าย ๆ เมนูนี้มาพร้อมกับความเข้ากันได้ดีกับรสชาตินี้มาก เพราะคุณจะได้ทั้งความเข้มข้นของช็อกโกแลต มีความกรุบกรอบของอัลมอนด์ และยังได้ความกรอบนุ่ม หวาน หอมของตัวแป้ง ทุกอย่างผสมกันได้อย่างลงตัว ลองทีไรก็ต้องหลับตาพริ้มเพราะติดใจอย่างแน่นอน

  • รสนัตตี้คาราเมล

เมื่อเลือกจะมาสายหวานแล้วก็บอกเลยว่าต้องไปให้สุด มาเพิ่มความกรุบกรอบจากถั่ว และราดคาราเมลลงไปเพิ่มให้หวานละมุน ยิ่งถ้าเป็นสายชอบทำเบเกอรี่ และยังทำคาราเมลเองด้วยแล้วบอกเลยว่าทุกอย่างจะลงตัวพร้อมทั้งมีเอกลักษณ์เพิ่มมากขึ้นอย่างแน่นอน

ชู โรส

ใครได้สูตร ชูโรส ในวันนี้กันไปแล้วอยากลองทำด้วยตัวเองบอกเลยว่าเมนูนี้ทำไม่ยาก และยังปรับแต่งขนาดของตัวขนมให้เล็กใหญ่ได้ตามความชอบอีกด้วย ขอแค่ทอดในอุณหภูมิที่เหมาะ ได้สีเหลืองสวย เอามากินคู่กับท็อปปิ้งไหนก็ลงตัว หรือจะกินเปล่า ๆ ก็ได้ความคลาสสิคไม่แพ้กัน ยกให้เป็นเมนูขนมนานาชาติที่สายโฮมเมดไม่ควรพลาดที่จะลองทำด้วยตัวเองกันดูสักครั้ง เพราะใครได้กินติดใจแน่นอน

อ่านบทความอื่นๆ:

READ MOREREAD MORE
วาฟเฟิล ฮ่องกง

วาฟเฟิล ฮ่องกง ไอเดียจากฮ่องกง บินลัดฟ้ามาไทยให้คุณได้แกะสูตร วา ฟ เฟิ ลไปใช้กันวาฟเฟิล ฮ่องกง ไอเดียจากฮ่องกง บินลัดฟ้ามาไทยให้คุณได้แกะสูตร วา ฟ เฟิ ลไปใช้กัน

วาฟเฟิล ฮ่องกง

ถ้าพูดถึงวาฟเฟิลหลายคนน่าจะคุ้นเคยกันดีอยู่แล้ว แต่ถ้าเป็น วาฟเฟิล ฮ่องกง และบอกว่าวันนี้เรามีสูตรมาให้น่าจะทำให้สายขนมหลายคนตื่นเต้นมากขึ้น เมนูนี้ต้องทำอย่างไร เตรียมอะไรบ้าง มีความน่าสนใจอย่างไร วันนี้เรามาทำความรู้จักกับเมนูนี้ให้มากขึ้นไปพร้อมกันดีกว่า

ที่มาของเมนู วาฟเฟิล ฮ่องกง

วาฟเฟิล ฮ่องกง

สำหรับ วาฟเฟิลฮ่องกง นั้นจะเรียกกันอีกอย่างว่าวาฟเฟิลไข่ เกิดขึ้นมาในช่วงหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 ช่วงปี 1950 เพราะด้วยช่วงนั้นเศรษฐกิจค่อนข้างตกต่ำ ทำให้คนพยายามเร่งหาไอเดีย เพิ่มเอกลักษณ์ จนร้านชำแห่งหนึ่งของฮ่องกงได้คิดวิธีใช้ไข่ไก่ที่ขายไม่ออกให้เกิดประโยชน์มากที่สุด วาฟเฟิลฮ่องกงจึงถือกำเนิดขึ้น โดยมีการออกแบบแม่พิมพ์ใหม่ มีความแปลกตา มีเอกลักษณ์ กลายเป็นเมนูยอดฮิตไปทั่วโลกมาจนถึงทุกวันนี้

วัตถุดิบในการทำ วาฟเฟิล ฮ่องกง

เมื่อได้รู้จักกับวาฟเฟิล ฮ่องกง กันไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว เรามาเข้าสู่ขั้นตอนของการเตรียมวัตถุดิบเพื่อทำวาฟ เฟิล ฮ่องกงกันดีกว่า มีอะไรที่ต้องใช้บ้าง เพื่อให้ได้วา ฟ เฟิ ล กรอบมาดูกัน

วาฟเฟิล ฮ่องกง
  • วัตถุดิบที่ต้องใช้ทำขนม วา ฟ เฟิ ล
    • แป้งสาลีอเนกประสงค์ 230 กรัม
    • แป้งท้าวยายม่อม 55 กรัม
    • ผงฟู 20 กรัม 
    • น้ำตาลทราย 130 กรัม
    • ไข่ไก่ 2 ฟอง 
    • น้ำมันรำข้าว 50 กรัม
    • นมสด 1 ถ้วย
    • น้ำเปล่า 1 ถ้วย (หรือน้ำปูนใส)
    • วานิลลา 1 ช้อนโต๊ะ
    • เนยละลาย 90 กรัม
    • น้ำมันพืช (สำหรับทาพิมพ์)

วิธีทำวาฟเฟิลฮ่องกง ให้อร่อยเหมือนต้นตำรับ

เมื่อเตรียมทุกวัตถุดิบของ วาฟเฟิลฮ่องกง เรียบร้อยแล้วก็ต้องเริ่มทำกันเลย แต่ถ้าใครต้องการเพิ่มไส้อะไรเข้าไปให้เป็นวา ฟ เฟิ ล ไส้ ทะลักก็สามารถทำได้เช่นกัน ส่วนใหญ่จะนิยมใส่ ผลไม้ ถั่ว ช็อกโกแลตชิพ เป็นต้น หลังวัตถุดิบครบ ก็ถึงเวลามาเริ่มลงมือกันแล้ว

วาฟเฟิล ฮ่องกง
  1. ตวงแป้งสาลีอเนกประสงค์ 230 กรัม ตวงแป้งท้าวยายม่อม 55 กรัม เข้ามาไว้รวมกัน จากนั้นใส่ผงฟู น้ำตาลทรายรวมเข้าไปเพิ่ม คนให้เข้ากันด้วยตะกร้อมือ จากนั้นพักเตรียมเอาไว้
  2. เตรียมชามผสมอีกชามแล้วใส่ไข่ไก่กับน้ำมันรำข้าวลงไป จากนั้นเทนมสดลงไปตีผสมให้เข้ากัน เติมน้ำเปล่าลงไป ถ้าขั้นตอนนี้ได้เป็นน้ำปูนใสจะดียิ่งขึ้น เพราะจะทำให้แป้ง วา ฟ เฟิ ลกรอบนานขึ้น ขั้นตอนนี้ยังต้องใส่กลิ่นวานิลลาลงไป คนให้เข้ากันเล็กน้อย
  3. ค่อย ๆ ใส่ส่วนผสมแป้งลงไป ผสมให้เข้ากันดีจนได้เนื้อเนียน สุดท้ายใส่เนยละลายลงไปตีผสมให้เข้ากัน จะทำให้ได้แป้งวาฟเฟิลที่พร้อมหยอด ลักษณะเนื้อแป้งจะค่อนข้างเหลว
  4. เริ่มขั้นตอนการทำโดยใช้แปรงจุ่มน้ำมันทาให้ทั่วเตา อุ่นเครื่องให้ร้อน เมื่อเริ่มร้อนให้หยอดแป้งลงไป ทำการเกลี่ยหน้าแป้งให้บาง ๆ ทั่วพิมพ์ จากนั้นให้พลิกเครื่องกลับด้านทันที อบด้านละประมาณ 2 นาที เมื่อสุกแล้ว ให้รีบเอาออกจากเครื่อง
  5. ม้วนให้กลม ๆ เพื่อความสวยงาม แต่ถ้าไม่ต้องการม้วนก็สามารถทำได้เช่นกัน แนะนำให้กินตอนกำลังร้อน ๆ พึ่งออกจากเตา เพราะจะได้ความกรอบ อร่อย

ไส้ยอดนิยมที่มักกินคู่กับวาฟเฟิล ฮ่องกง

วาฟเฟิล ฮ่องกง

เรามาหาไอเดียในการทำ วาฟเฟิลฮ่องกง เพิ่มดีกว่าว่าเมื่อเลือกเมนูนี้มาทำแล้วจะสามารถเพิ่มเติมไส้อะไรเข้าไปให้น่าสนใจได้บ้าง

  • มิกซ์กับผลไม้

เมนูขนมที่มีแป้งเป็นหลักแบบนี้เข้ากันได้ดีกับผลไม้ชนิดต่าง ๆ อย่างแน่นอน ไม่ว่าจะเป็นกล้วย สตรอเบอร์รี่ หรือผลไม้อื่น ๆ ถ้าชอบก็เอามาราดหน้าแล้วกินคู่กันได้เลย และถ้าเป็นกล้วยสามารถลองใส่เข้าไปในตัวแป้งตอนอบได้ด้วย

  • ผสมกับช็อกโกเลตและถั่ว

ใครอยากได้ความเข้มข้นเพิ่ม แนะนำเลยว่าใส่ท็อปปิ้งเป็นช็อกโกเลตและถั่วเข้าไปอร่อยเข้ากันดีอย่างแน่นอน สามารถใส่ลงไปในตัวแป้งตอนอบได้เลย เมื่อสุกแล้วช้อกโกแลตจะเยิ้มมากขึ้น ถั่วจะกรอบ หอม กลายเป็นเมนูที่น่าประทับใจ

วาฟเฟิล ฮ่องกง

วันนี้ได้ สูตรวาฟเฟิลฮ่องกง กันไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ใครสนใจอยากลองทำเมนูนี้กันเองที่บ้านบอกเลยว่าเตาที่ใช้ทำเมนูนี้ในตอนนี้หาไม่ยากแล้ว เพราะเป็นที่นิยมมากขึ้นเรื่อย ๆ นั่นเอง และจะสนุกขึ้นด้วยการที่คุณหาไอเดียของมากินคู่กับเมนูนี้

อ่านบทความอื่นๆ:

READ MOREREAD MORE
ขนม สาลี่

ใครชอบ ขนม สาลี่ แต่ไม่อยากไปหาซื้อ มาตามสูตร ขนม สาลี่ในวันนี้ไปทำกันใครชอบ ขนม สาลี่ แต่ไม่อยากไปหาซื้อ มาตามสูตร ขนม สาลี่ในวันนี้ไปทำกัน

ขนม สาลี่

ขนมที่มาพร้อมความนุ่ม ฟู หอม อร่อย แถมยังมีสีสันน่ารักโดนใจ เรากำลังพูดถึง ขนม สาลี่ อยู่นั่นเอง ขนมชนิดนี้ช่วงเทศกาลต่าง ๆ แต่ถ้าอยากลองทำเอง เพื่อให้ได้สีสัน รูปทรง และปริมารตามใจชอบจะต้องทำอย่างไรบ้าง วันนี้เราเตรียมสูตรเด็ดมาฝากกันแล้ว

ประวัติของ ขนม สาลี่

ขนม สาลี่

ก่อนจะเริ่มเข้าเรื่องสูตรการทำ ขนมสาลี่ เรามารู้จักกับขนมสาลี่ให้มากขึ้นกันก่อน ขนมชนิดนี้นั้นมีมาตั้งแต่ช่วงหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 แล้ว ซึ่งในช่วงแรกขนมชนิดนี้นั้นเป็นขนมหวานที่เลือกมากินคู่กับน้ำแข็งใส หรือพวกไอศกรีมกะทิสด แต่เมื่อลองมากินกันแบบเดี่ยว ๆ ขนม สาลีก็อร่อยแบบมีเอกลักษณ์ ทำให้คนนิยมกินกันมากขึ้น และยังคงนิยมต่อเนื่องมาจนถึงปัจจุบัน ซึ่งถือว่าเป้นขนมชื่อดังของจังหวัดสุพรรณบุรีอีกด้วย

วัตถุดิบในการทำ ขนม สาลี่

เรามาเริ่มขั้นตอนการเตรียมวัตถุดิบให้พร้อมสำหรับการทำขนม สาลี่ กันดีกว่า อยากทำถ้วย ฟู ปุยฝ้าย สาลี่ในตำนานต้องมีอะไรพร้อมบ้างมาดูกัน

ขนม สาลี่
  • วัตถุดิบสำหรับการทำขนม
    • แป้งเค้ก 120 กรัม 
    • ผงฟู 1 ช้อนชา 
    • เกลือ ¼ ช้อนชา
    • ไข่ไก่เบอร์ 2 3 ฟอง 
    • น้ำตาลทราย 130 กรัม 
    • น้ำเปล่า 70 กรัม 
    • สารเสริมเอสพี 10 กรัม
    • กลิ่นมะลิ ½ ช้อนชา 
    • สีผสมอาหารสีแดง 
    • ลูกเกด

หมายเหตุ : สำหรับสารเสริมเอสพีนั้นสามารถเลือกได้ว่าจะใส่หรือไม่ใส่ ถ้าใส่ก็จะเพิ่มปริมาตรของขนมให้สูงขึ้น และรอนึ่งได้

วิธีในการทำขนมสาลี่

เมื่อเตรียมวัตถุดิบเรียบร้อยแล้ว เรามาเริ่มเข้าสู่การเข้าครัวทำ ขนมสาลี่ กันดีกว่า วิธี ทำ ขนม สาลี่นั้นต้องทำอย่างไร เพื่อให้ออกมานุ่มฟูหอมอร่อย เราเตรียมเทคนิคเคล็ดลับที่อร่อยไม่แพ้เจ้าดังมาฝากกันแล้ว

ขนม สาลี่
  1. ร่อนแป้งเค้ก และผงฟู ให้แป้งฟูเบาขึ้น และเอาสิ่งสกปรกออก หลังจากนั้นใส่เกลือลงในแป้ง คนให้เข้ากัน พักไว้ และนำไข่ไก่ น้ำตาลทราย ตามด้วยน้ำเปล่า ใส่ลงในโถตี และปาดสารเสริมเอสพีที่หัวตะกร้อ
  2. ตีด้วยความเร็วสูงประมาณ 6 นาที จนขึ้นฟู ระหว่างตีให้ใส่กลิ่นมะลิลงไป เมื่อครบเวลาให้เปลี่ยนเป็นความเร็วต่ำสุด แล้วทยอยใช้ช้อนตักแป้งใส่ลงในโถตี โดยทยอยใส่จนหมด ในระหว่างใส่แป้งให้ตีด้วยความเร็วต่ำสุด
  3. หลังจากใส่แป้งหมดให้ใส่สีผสมอาหารสีแดง สามารถหยอดลงไปจนได้สีที่ชอบ จากนั้นตีต่อจนแป้งและส่วนผสมอื่น ๆ เข้ากันดี แล้วปิดเครื่องตี
  4. ใช้พายซิลิโคนตะล่อมส่วนผสมทุกอย่างให้เข้ากันอีกครั้ง หลังจากนั้นเทใส่ถาดสี่เหลี่ยมขนาด 8×8 หรือ 9×9 นิ้ว เกลี่ยให้หน้าขนมเรียบ แล้วแต่งหน้าด้วยลูกเกด เพื่อเป็นการแข่งชิ้นได้ง่ายมากขึ้น
  5. นำลงนึ่งด้วยไฟกลาง ประมาณ 12-15 นาที ก่อนที่จะนึ่งน้ำในซึ้งต้องเดือดก่อนนำขนมลงนึ่งเท่านั้น
  6. เมื่อนึ่งสุก ลูกเกดอาจจะจมบ้าง ดังนั้นเพื่อเพิ่มความสวยงาม สามารถนำมาแต่งเพิ่มได้ เมื่อนึ่งสุก พักให้เย็น แกะกระดาษไขออก ตัดเป็นชิ้นตามที่ต้องการ สามารถกินได้เลย ยิ่งนึ่งเสร็จใหม่ ๆ บอกเลยว่ายิ่งอร่อย นุ่ม

ทำไมต้องใช้ ขนม สาลี่ ในการไว้เจ้า

เมื่อได้สัมผัสกับความอร่อยกันไปแล้ว หลายคนอาจยังมีข้อสงสัยอยู่ว่าทำไม ขนมสาลี่ถึงเป็นขนม สาลี่ไหว้เจ้าที่นิยม วันนี้เราเตรียมคำตอบเพื่อให้คุณได้คลายข้อสงสัย พร้อมทั้งได้ทำความรู้จักกับขนมชนิดนี้ให้มากขึ้นกันแล้ว

ขนม สาลี่
  • เป็นสัญลักษณ์ที่บ่งบอกความรุ่งเรือง เฟื่องฟู เหมือนกับขนมที่ฟูออกมาสวยงาม
  • มีความมงคลและมักใช้ในเทศกาลของชาวจีนหลากหลายเทศกาล ทั้งงานแต่ง งานตรุษจีน วันขึ้นปีใหม่
  • มีความหมายที่มงคล ทำไม่ยาก และยังสามารถแจกจ่ายเพื่อกินกันได้เยอะ เพราะคนจีนมักมีครอบครัวใหญ่ จึงต้องหาขนมที่ทำครั้งละเยอะ ๆ ได้

วันนี้ได้รู้จักกับทั้งที่มา สูตร และโอกาสในการใช้งาน ขนมสาลี่ กันไปแล้ว ที่เหลือก็คือการลงมือทำเมนูนี้ให้ออกมาอร่อยสมใจนั่นเอง ใครที่ต้องการทำขนมเอาไว้กินเล่นเพลิน ๆ แถมยังได้ความสวยงามด้วยก็สามารถนำสูตรในวันนี้ไปทำได้ โดยยังสามารถเปลี่ยนสีของขนมให้เป็นไปตามที่ต้องการกันได้อีกด้วย

อ่านบทความอื่นๆ:

READ MOREREAD MORE
ขนม โตเกียว

ขนม โตเกียว กับสูตรที่ทำให้คุณได้ฟินแบบจุใจในสไตล์ที่ชอบ ใครชอบกินห้ามพลาดขนม โตเกียว กับสูตรที่ทำให้คุณได้ฟินแบบจุใจในสไตล์ที่ชอบ ใครชอบกินห้ามพลาด

ขนม โตเกียว

เชื่อว่า ขนม โตเกียว เป็นหนึ่งในเมนูขนมกินเล่นที่หลาย ๆ คนชื่นชอบ และเคยกินกันอย่างแน่นอน ตอนนี้มีทั้งแบบขนาดเล็กกินง่าย และขนาดใหญ่ไส้จุใจมาให้เลือก แต่จะกินได้เพลินกว่าแน่นอนถ้าคุณสามารถทำเมนูนี้ได้ด้วยตัวเอง วันนี้เราเตรียมสูตรเด็ดของขนมชนิดนี้มาแนะนำให้คุณได้รู้จัก และสามารถเอาไปปรับให้เป็นสไตล์ที่ใช่สำหรับคุณกันได้เลย

ที่มาของเมนู ขนม โตเกียว

ขนม โตเกียว

ถึงจะชื่อ ขนมโตเกียว แต่เป็นขนมไทยที่มีความคล้ายกับโดรายากิของญี่ปุ่น แต่ทำเป็นแป้งบาง แล้วใส่ไส้ต่าง ๆ ตามความชอบทั้งคาวหวาน พวกเราคุ้นเคยกันดีตรงที่ขนมโตเกียวเป็นขนมที่มีขายแทบทุกหน้าโรงเรียน จุดเริ่มต้นที่เด่นชัดที่สุดของโตเกียวคือ ช่วงปี 2510 ที่ห้างสรรพสินค้าไดมารู เชื่อกันว่าจุดเริ่มต้นของเมนูยอดฮิตมาจากตรงนั้น และดูเหมือนในอนาคตก็ยังสามารถนำไปฟิวชั่นได้หลากหลาย แป้ง โตเกียวเป็นสารตั้งต้นของอีกหลายเมนูที่น่าสนใจอย่างแน่นอน

วัตถุดิบสำหรับการทำ ขนม โตเกียว

เรามาเตรียมพร้อมวัตถุดิบสำหรับการทำขนม โตเกียว กันดีกว่า สูตร แป้ง โตเกียวและไส้ควรเตรียมอะไรบ้าง เราสรุปมาให้คุณสามารถลิสต์รายการไปซื้อกันอย่างง่ายดายที่นี่เรียบร้อยแล้ว

ขนม โตเกียว
  • วัตถุดิบสำหรับการทำ
    • ไข่ไก่ 2 ฟอง 
    • น้ำตาลป่น 80 กรัม 
    • นมสด 100 กรัม 
    • น้ำสะอาด 80 กรัม
    • กลิ่นวานิลลา 1 ช้อนชา 
    • แป้งเอนกประสงค์ 140 กรัม
    • แป้งข้าวเจ้า 30 กรัม 
    • ผงฟู 1 ช้อนชา
    • เกลือ ½ ช้อนชา
    • เนยละลาย 15 กรัม
    • ไข่นกกระทา ตามชอบ
    • ไส้กรอก ตามชอบ
    • หมูสับลวก ตามชอบ
    • ต้นหอมซอย ตามชอบ 
    • ซอสปรุงรสฝาเหลือง ตามชอบ
    • ซอสมะเขือเทศ ตามชอบ 
    • ซอสพริก ตามชอบ
    • ปูอัด ตามชอบ 
    • ซอสพิซซ่า ตามชอบ
    • ชีสขูด ตามชอบ
    • เนยละลายสำหรับย่างแผ่นแป้ง

หมายเหตุ : ถ้าคุณต้องการโตเกียว ไส้ หวาน หรือโตเกียว ไส้ เค็มก็สามารถเพิ่มเติมวัตถุดิบได้ตามความชอบ เพราะแป้งของขนมชนิดนี้ถือว่าเข้ากันได้ดีกับหลากหลายวัตถุดิบทั้งคาวและหวาน

วิธีทำ โตเกียว ให้อร่อยฟินถึงใจ

มาเข้าสู่ขั้นตอนของการสนุกไปกับ ขนมโตเกียว ด้วยวิธี ทำ ขนม โตเกียวในแบบที่ง่ายและสนุกกันแล้ว แนะนำว่าอยากทำเมนูนี้ต้องมีเวลา เพราะแม้ว่าจะไม่ยาก แต่ต้องทำหลายชิ้น ตกแต่งเพิ่มเติมไส้หลายครั้ง ดังนั้นทำในวันว่าง ๆ รับรองว่าหายเบื่อแน่นอน

ขนม โตเกียว
  1. ผสมแป้ง โดยการนำไข่ตีกับน้ำตาลให้ละลายเข้ากัน จากนั้นร่อนแป้ง ผงฟู เกลือ ลงไปแล้วผสมให้เข้ากันจนเหนียวข้น ขั้นตอนนี้สำคัญเพราะจะทำให้แป้งเหนียวนุ่ม จากนั้นจึงใส่น้ำน้ำเปล่าลงไปผสมต่อจนเข้ากัน ใส่นมแล้วคนให้เข้ากัน หรือกรองด้วยกระชอนเพื่อความเนียนของแป้ง
  2. เมื่อเตรียมแป้งเรียบร้อย หันมาเตรียมกระทะ ด้วยการทาเนยบาง ๆ ที่กระทะ ให้ร้อนจนพอดีแล้วจึงใส่แป้งลงไป เกลี่ยให้หนาหรือบางก็ได้ตามชอบ เพิ่มลูกเล่นในแบบที่คุ้นเคยด้วยการบีบแป้งให้เป็นเส้น ๆ เพิ่มความสวยงาม3. พอแป้งใกล้สุก ใส่ไส้ตามชอบ อยากผสมไส้ไหนกับอะไรก็สามารถทำได้ตามความชอบกันเลย บอกเลยว่าเมนูนี้ให้คุณได้ฟรีสไตล์กันมากที่สุด
  3. เมื่อแป้งสุกดี และไส้ทุกอย่างจัดลงตัวแล้วค่อย ๆ ม้วนให้เป็นทรงกระบอก จากนั้นพักไว้บนตะแกรงพอให้เย็นลงเล็กน้อย และเริ่มกินกันได้เลย

รวมสูตร ไส้โตเกียว ที่น่าสนใจ

สูตรขนม โตเกียว ที่เราแนะนำในวันนี้เน้นเป็นไส้เค็ม แต่มาดูกันดีกว่าว่ายังมีไส้อะไรที่น่าสนใจ และเป็นแรงบันดาลใจให้กับคุณในการทำเมนูนี้ได้อีกบ้าง

ขนม โตเกียว
  • ไส้ครีมคัสตาร์ดวนิลลา เหมาะกับคนชอบความหอมหวานละมุน
  • ไส้ช้อกโกแลต ซึ่งส่วนใหญ่นิยมใช้เป็นนิวเทลล่ามาทำ เพราะมีความหอมถั่ว
  • ไส้สังขยาใบเตย เป็นการมิกซ์ความเป็นไทยเข้าไปอย่างลงตัว

ขนมโตเกียว เมนูนี้จะทำกินกันเองเพื่อความสนุกสนานก็ไม่ยุ่งยาก แถมยังสนุกอีกด้วย เหมาะจะเป็นกิจกรรมครอบครัว หรือถ้าอยากเริ่มต้นธุรกิจที่ไม่น่าเบื่อ เมนูนี้ก็น่าสนใจเดียวกัน ลองเริ่มจากการนำสูตรที่เราแนะนำในวันนี้ไปทำ รับรองว่าสร้างแรงบันดาลใจได้แน่นอน

อ่านบทความอื่นๆ:

READ MOREREAD MORE
กล้วย ฉาบ

หนึ่งในเมนูกินเล่นที่หลายคนชอบต้องยกให้ กล้วย ฉาบ ต้องทำอย่างไรมาดูกันหนึ่งในเมนูกินเล่นที่หลายคนชอบต้องยกให้ กล้วย ฉาบ ต้องทำอย่างไรมาดูกัน

กล้วย ฉาบ

กล้วย ฉาบ นั้นเป็นหนึ่งในขนมกินเล่นที่เอาเรื่องของการแปรรูปเข้ามาช่วยให้ผลไม้สดไม่ต้องเน่าเสีย เพราะกล้วยถือว่าเป็นผลผลิตที่บ้านเรามีเยอะ แต่ก็มีอายุไม่นานเช่นกัน ดังนั้นถ้านำมาแปรรูปเพื่อยืดอายุได้ย่อมดีกว่าอย่างแน่นอน ใครอยากลองทำเมนูนี้ด้วยตัวเอง เรามาเก็บสูตรและวิธีทำไปใช้กันเลยดีกว่า

จุดเริ่มต้นของเมนู กล้วย ฉาบ

กล้วย ฉาบ

เรามาทำความรู้จักกับแรงบันดาลใจที่ทำให้เกิด กล้วยฉาบ กันดีกว่า โดยเมนูนี้เป็นการนำเอากล้วยน้ำว้ามาแปรรูป เป็นเมนูที่ทั่วประเทศสามารถทำได้ ทำให้ชาวบ้านมีรายได้มากขึ้น และกล้วยฉาบยังเป็นจุดเริ่มต้นการทำธุรกิจของหลาย ๆ กิจการ โดยในปัจจุบันยังมีการพัฒนาสูตร และรูปแบบการทอดหลากหลาย ใครชอบแบบไหนก็สามารถตามหาสไตล์ของกล้วย แปรรูปที่ใช่มากินกันได้เลย

วัตถุดิบที่ต้องใช้สำหรับกล้วยฉาบ

เรามาดูกันว่า กล้วยฉาบ นั้นถ้าอยากทำขนมไทยเมนูนี้จะต้องเตรียมอะไรบ้าง เพื่อให้คุณได้เข้าสู่ขั้นตอนวิธี ทํา กล้วยฉาบให้กรอบนานกันต่อไป ซึ่งวันนี้เราจะเลือกเป็นสูตรอบเนยมาให้คุณได้ลองไปทำตามกัน

กล้วย ฉาบ
  • วัตถุดิบสำหรับ กล้วยฉาบ ขนม โบราณ
    • กล้วยน้ำว้าดิบ 1 หวี
    • น้ำปูนใส (สำหรับแช่กล้วย)
    • น้ำมันพืช (สำหรับทอด)
    • น้ำเปล่า 5 ช้อนโต๊ะ
    • น้ำตาลทราย 1 ถ้วย
    • เนยสดเค็ม 1 ช้อนโต๊ะ

หมายเหตุ : คุณสามารถเพิ่มปริมาณของวัตถุดิบได้ตามต้องการเพื่อให้ได้ปริมาณ และความกลมกล่อมในแบบที่คุณชอบมากที่สุด

วิธีทำกล้วยฉาบ

เมื่อเตรียมวัตถุดิบสำหรับกล้วยฉาบ เรียบร้อยแล้ว เรามาเริ่มเข้าสู่วิธี ทํา กล้วยฉาบ ให้ กรอบ อร่อยกันดีกว่า เมนูนี้ต้องทำอย่างไรบ้าง เรามาเริ่มเข้าครัวและสนุกไปพร้อมกันได้เลย

กล้วย ฉาบ
  1. ปอกเปลือกกล้วยแล้วฝานตามความยาว นำไปแช่น้ำปูนใส ประมาณ 15 นาที เพื่อให้ยางกล้วยหลุดออกมา
  2. เริ่มตั้งกระทะ โดยเลือกใช้ไฟปานกลาง ใส่น้ำมันพืชลงไปกะพอให้ท่วมกล้วยที่จะนำลงไปทอด ใส่กล้วยลงไปทอดจนสุกเหลืองกรอบ ตักขึ้นสะเด็ดน้ำมัน และพักบนตะแกรง
  3. ใส่น้ำกับน้ำตาลทรายลงในกระทะ เคี่ยวจนน้ำตาลละลายและเหนียวข้น ใส่เนยเค็มลงไป คนให้เข้ากัน จากนั้นปรับไฟให้อ่อนสุด เทกล้วยทอดกรอบลงไป คลุกจนเข้ากัน ปิดไฟ พักไว้จนเย็น นำใส่ภาชนะปิดอย่าให้อากาศเข้าเพื่อให้ความหอมหวานซึมเข้าเนื้อ และทำให้ยังคงกรอบอยู่

เมนู กล้วย ฉาบ สูตรอื่น ๆ ที่น่าสนใจ

ในตอนนี้กล้วยฉาบได้พัฒนาให้มีสูตรหลากหลาย และเพิ่มลูกเล่นให้กับเมนูนี้ได้มากขึ้น ขนมไทย โบราณเมนูนี้จะนำมาประยุกต์ให้เป็นเมนูไหนได้บ้าง เรามาติดตามเก็บแรงบันดาลใจไปพร้อมกันดีกว่า

กล้วย ฉาบ
  • สูตรเคลือบคาราเมล

ขนม ไทย ทำ ง่ายเมนูนี้สามารถนำมาปรับคลุกกับคาราเมล หรือน้ำตาลไหม้ได้ คุณจะได้รสหวานขมที่ลงตัว เพิ่มถั่วอย่างเม็ดมะม่วงหิมพานต์ลงไป เคี้ยวแล้วอร่อยจนหยุดไม่ได้อย่างแน่นอน

  • สูตรเคลือบน้ำตาล

สูตรขนม ไทย ง่ายๆ นี้เหมาะกับการกินแบบสด ๆ ร้อน ๆ เพราะเมื่อทอดกล้วยสุกดีแล้ว ให้นำมาคลุกน้ำตาล ความร้อน หอม หวาน จะเข้ากันอย่างลงตัว แต่ถ้าเคลือบทิ้งเอาไว้อาจทำให้น้ำตาลละลายได้

  • สูตรคลุกงา

สูตรนี้เหมาะจะเป็นขนมไทย ทำเองสำหรับคนที่ไม่ชอบรสหวานมาก เพราะคุณจะได้รับความหวานจากธรรมชาติที่มาจากกล้วย และมีความหอมมันจากงา แม้จะมีน้ำตาลเล็กน้อยแต่ก็ไม่มากเท่ากับสูตรอื่น ๆดังนั้นจึงถือว่าเหมาะกับคนคุมน้ำหนักอีกด้วย

กล้วย ฉาบ

บอกเลยว่าเมนูกล้วย ฉาบ นั้นสามารถทำแล้วเก็บเอาไว้กินได้นาน ทำไปฝากเพื่อน ๆ ได้อีกด้วย เป็นเมนูที่ต้นทุนไม่สูง แต่อร่อยถูกปากหลายคนอย่างแน่นอน เพราะเป็นเมนูที่คนไทยคุ้นเคยกันดี ไม่ว่าจะกินเท่าไรก็ไม่มีเบื่อ เป็นหนึ่งในเอกลักษณ์ขนมไทยเลยก็ว่าได้ ดังนั้นใครต้องการเมนูที่ทำสนุก หรือเมนูเสริมรายได้ขอแนะนำว่าให้เลือกเมนูนี้ไปทำกันเลย

อ่านบทความอื่นๆ:

READ MOREREAD MORE
ข้าวเหนียว ทุเรียน

มาเพิ่มความอร่อยแบบง่าย ๆ ด้วยการทำ ข้าวเหนียว ทุเรียน เมนูโปรดของใครหลาย ๆ คนมาเพิ่มความอร่อยแบบง่าย ๆ ด้วยการทำ ข้าวเหนียว ทุเรียน เมนูโปรดของใครหลาย ๆ คน

ข้าวเหนียว ทุเรียน

ราชาแห่งผลไม้อย่างทุเรียนน่าจะเป็นผลไม้ชนิดโปรดของใครหลาย ๆ คน ซึ่งหนึ่งในเมนูที่นำผลไม้ชนิดนี้มาทำ และได้รับความนิยมเป็นอย่างมากคือ ข้าวเหนียว ทุเรียน ซึ่งเมนูนี้สามารถทำเองได้ง่าย ๆ ที่บ้าน ใครมีครอบครัวใหญ่ หรืออยากปาร์ตี้ทุเรียนให้จุใจมาเก็บสูตรไปใช้กัน

ทำไม ข้าวเหนียว ทุเรียน ต้องใช้ทุเรียนชะนี

ข้าวเหนียว ทุเรียน

ทุเรียนนั้นมีหลายสายพันธุ์มาก แต่ถ้าจะทำ ข้าวเหนียวทุเรียน แนะนำว่าให้เลือกทุเรียนชะนีมาทำ เหตุผลเป็นเพราะว่า มาพร้อมเนื้อเรียน เหนียว นุ่ม สีสวย มีความหวานมันในตัว และราคาถูกกว่าทุเรียนหมอนทอง ดังนั้นเมื่อนำมาทำข้าวเหนียวทุเรียนจะได้รสชาติที่ลงตัวมากขึ้น ใครที่อยากลองทำแนะนำว่าให้เลือกพันธุ์นี้มาใช้ รับรองว่าอร่อยติดใจ เหมือนไปกินที่ร้านอาหารไทยกันอย่างแน่นอน

วัตถุดิบในการทำ ข้าวเหนียว ทุเรียน

ถึงเวลามาเตรียมวัตถุดิบในการทำข้าวเหนียว ทุเรียน กันแล้ว เมนูนี้เด็ดยอดนิยมของไทยที่ทำให้คนทั่วโลกหลงรักต้องใช้อะไรบ้าง มาเตรียมวัตถุดิบข้าวเหนียว ทุเรียน โบราณไปพร้อมกันเลย

ข้าวเหนียว ทุเรียน
  • วัตถุดิบของข้าวเหนียว มูน ทุเรียน
    • ข้าวเหนียวเขี้ยวงู 500 กรัม
    • สารส้มก่อน 1 ก้อน
    • หัวกะทิ 300 กรัม
    • น้ำตาลทราย 120 กรัม
    • เกลือ 2 ช้อนชา
    • ใบเตย 4 ใบ
  • วัตถุดิบน้ำกะทิสำหรับราด
    • หัวกะทิ 700 กรัม
    • น้ำตาลปี๊บ 120 กรัม
    • เนื้อทุเรียนสุกพอดี 400 กรัม
    • เกลือ 2 ช้อนชา
    • ใบเตย 2 ใบ

หมายเหตุ : การเลือกทุเรียนมาทำน้ำราดกะทิ ควรเลือกทุเรียนที่สุกกำลังพอดี จะได้เนื้อทุเรียนที่นุ่ม ไม่เละจนเกินไป

มาเริ่มทำ ข้าวเหนียว ทุเรียน ไปพร้อมกัน

หลังจากที่เตรียมวัตถุดิบสำหรับการทำข้าวเหนียว ทุเรียนเรียบร้อยแล้ว เรามาเริ่มขั้นตอนของวิธี ทำ น้ำกะทิ ทุเรียนและมูนข้าวเหนียวกันเลยดีกว่า รับรองว่าจะออกมาเป็นเมนูโปรดที่อร่อยถูกปากอย่างแน่นอน

ข้าวเหนียว ทุเรียน
  1. เริ่มจากการทำส่วนของข้าวเหนียวมูนก่อน โดยให้นำข้าวเหนียวเขี้ยวงู ไปล้างน้ำสะอาด 3-4 น้ำ จากว่าน้ำจะใส
  2. เมื่อล้างครบรอบให้ทำการขัดด้วยสารส้ม โดยนำข้าวที่ล้างแล้วมาขัดบนสารส้มก้อนเบา ๆ อย่าขัดแรง ขัดจนกว่าผิวข้าวจะเงาสวย จากนั้นแช่ข้าวไว้ประมาณ 1-2 ชั่วโมง ก่อนที่จะนำไปนึ่ง
  3. เมื่อครบเวลาให้ทำการนึ่งข้าว โดยตั้งหม้อเติมน้ำ ใส่ใบเตยลงไป วางหวดนึ่งข้าวเหนียวไว้ด้านบน จากนั้นนำข้าวเหนียวที่ล้างสะอาดแล้ว ใส่ลงไปในหวดนึ่ง แล้วนึ่งประมาณ 30 นาที
  4. เมื่อข้าวเหนียวสุก นำออกมาพักไว้ในชาม เตรียมไว้
  5. จากนั้นเริ่มทำน้ำมูนข้าวเหนียว เริ่มจากการตั้งหม้อ ใส่หัวกะทิ น้ำตาลทราย เกลือ ใบเตย ต้มด้วยไฟอ่อน คนให้ส่วนผสมพอเข้ากัน แค่พอร้อน ไม่ต้องต้มจนเดือด ปิดเตา
  6. นำน้ำกะทิที่ต้มเสร็จ มาราดบนข้าวเหนียวที่เตรียมไว้ คลุกให้เข้ากัน หาฝาปิดเพื่อพักไว้ รอจนข้าวเหนียวดูดซึมน้ำกะทิ แนะนำว่าอาจจะคอยหมั่นคนเป็นระยะ ๆ ได้เพื่อให้คลุกเคล้าซึมเข้าข้าวเหนียวมากขึ้น จากนั้นทิ้งไว้ประมาณ 1 ชั่วโมง เมื่อครบเวลาจะได้ข้าวเหนียวมูนที่แห้ง เม็ดข้าวสวย
  7. เมื่อเตรียมส่วนข้าวเหนียวเรียบร้อย ให้นำทุเรียนมาแกะ เอาเม็ดด้านในออก หั่นเป็นชิ้นขนาดปานกลาง จากนั้นใช้ส้อมค่อย ๆ ยีทุกเรียนให้เป็นเส้น ๆ เตรียมไว้
  8. ตั้งหม้อ ใส่หัวกะทิ เกลือ น้ำตาลปี๊บ ใบเตย เปิดเตา ใช้ไฟอ่อน ต้มให้น้ำตาลละลาย พอร้อน
  9. จากนั้นนำเนื้อทุเรียนที่เตรียมไว้ใส่ลงไปในน้ำกะทิ ต้มให้พอร้อน ชิมรสชาติ และเติมรสได้ตามชอบ ต้มจนส่วนผสมทั้งหมดร้อน แต่ไม่ถึงกับเดือด เมื่อร้อนดีแล้ว ปิดเตา
  10. เริ่มการจัดจาน โดยนำข้าวเหนียวมูน ตักใส่จาน ราดด้วยน้ำกะทิทุเรียน ตกแต่งด้วยชิ้นทุเรียนด้านข้าง หรือด้านบนตามชอบ ปิดท้ายด้วยราดหัวกะทิลงไปนิดนึง พร้อมเสิร์ฟความอร่อยกันแล้ว
ข้าวเหนียว ทุเรียน

เมนู ข้าวเหนียวทุเรียน นั้นต้องใส่ใจตั้งแต่การเลือกทุเรียน ไปจนถึงการทำน้ำกะทิ ทุเรียนให้อยู่ในระดับความร้อนที่พอดี เพื่อให้ทุกส่วนลงตัว ไม่ทำให้ช้ำ หรือเละจนเกินไป เมนูนี้มักมีในช่วงฤดูร้อน ต้องระวังเรื่องการเก็บวัตถุดิบ โดยเฉพาะน้ำกะทิ เพราะเมื่อเจออากาศร้อนมากอาจเสียง่ายขึ้นนั่นเอง

อ่านบทความอื่นๆ:

READ MOREREAD MORE
พุดดิ้งมะพร้าวอ่อน

มาทำขนมสุดฟินหอมอร่อยอย่าง พุดดิ้งมะพร้าวอ่อน กินกัน ใครชอบกลิ่นหอมของมะพร้าวต้องไม่พลาดมาทำขนมสุดฟินหอมอร่อยอย่าง พุดดิ้งมะพร้าวอ่อน กินกัน ใครชอบกลิ่นหอมของมะพร้าวต้องไม่พลาด

พุดดิ้งมะพร้าวอ่อน

พุดดิ้งมะพร้าวอ่อน น่าจะเป็นเมนูที่หลายคนคุ้นเคยกันดี แต่ถ้าใครยังไม่เคยทำด้วยตัวเองบอกเลยว่าเมนูนี้ทำง่ายกว่าที่คิด แถมยังอร่อยอีกด้วย ใครกำลังมองหาเมนูของหวานกินเล่น ที่ได้ทั้งทำทั้งกิน เป็นการพักผ่อนเข้าครัวในสไตล์ที่หลาย ๆ คนชอบ วันนี้เรามาเก็บสูตรแล้วไปทำตามกันเลยดีกว่า

ประโยชน์ที่น่าสนใจของ พุดดิ้งมะพร้าวอ่อน

พุดดิ้งมะพร้าวอ่อน

สำหรับ พุดดิ้ง มะพร้าวอ่อน นั้นถึงจะเป็นขนมหวาน แต่ถ้าได้สูตร พุดดิ้ง มะพร้าว อ่อนทำเองด้วยวันนี้จะทำให้คุณได้รับความอร่อยที่เป็นธรรมชาติเพิ่มมากขึ้น ดังนั้นสิ่งที่จะได้จากเมนูนี้ก็คือ มะพร้าวมีส่วนช่วยบำรุงผิว ลดอาการท้องผูก บำรุงสมอง ลดไขมัน และพุดดิ้ง มะพร้าว อ่อนพร้อมที่จะมอบความสดชื่นให้กับร่างกายอีกด้วย ดังนั้นใครอยากได้ประโยชน์เหล่านี้อย่าพลาดที่จะมาทำเมนูนี้ไปพร้อมกัน

วัตถุดิบที่ต้องใช้สำหรับเมนู พุดดิ้งมะพร้าวอ่อน

เตรียมตัวมาจดรายการเตรียมเพื่อทำเมนูพุดดิ้งมะพร้าวอ่อน กันดีกว่า โดยส่วนผสมนั้นจะต้องแบ่งเป็นส่วนพุดดิ้ง กับน้ำราดพุดดิ้ง พุดดิ้ง มะพร้าวอ่อนต้องใส่อะไรบ้างมาดูกันเลย

พุดดิ้งมะพร้าวอ่อน
  • วัตถุดิบพุดดิ้ง
    • น้ำตาลทราย 90 กรัม
    • ผงวุ้น 2 ช้อนชา
    • น้ำเปล่า 350 กรัม
    • น้ำมะพร้าว 350 กรัม
    • กะทิ 120 กรัม
    • เนื้อมะพร้าวอ่อน 200 กรัม
  • วัตถุดิบน้ำราดพุดดิ้ง
    • นมสดรสจืด ½ ถ้วย
    • นมข้นจืด ½ ถ้วย
    • นมข้นหวาน (ปริมาณตามชอบ)

วิธีทำพุดดิ้งมะพร้าวอ่อน

เมื่อเตรียมวัตถุดิบของพุดดิ้งมะพร้าวอ่อนกันเรียบร้อยแล้ว เรามาเริ่มขั้นตอนของการทำพุดดิ้งมะพร้าวกันต่อดีกว่า จะได้มีเมนูขนมหวานสุดฟินไปกินกันให้อร่อย

พุดดิ้งมะพร้าวอ่อน
  1. เทน้ำตาลทราย และผงวุ้นใส่ลงในอ่างผสม คนให้เข้ากัน จากนั้นพักไว้
  2. ใส่น้ำเปล่าและน้ำมะพร้าวลงในหม้อ นำขึ้นตั้งไฟแล้วเทส่วนผสมผงวุ้นกับน้ำตาลทรายลงไป คนให้เข้ากันจนเดือด จากนั้นปิดไฟ แล้วคนต่อไปเรื่อย ๆ เพื่อให้ผงวุ้นละลาย
  3. เทกะทิลงไปในหม้อคนให้เข้ากัน จากนั้นใส่เนื้อมะพร้าวอ่อนลงไป แล้วคนเบา ๆ
  4. ตักใส่ภาชนะ นำไปแช่เย็น เพื่อให้วุ้นเซตตัวเร็วขึ้น
  5. เตรียมอีกชามผสมแล้วเริ่มผสมนมสด นมข้นจืด และนมข้นหวานเข้าด้วยกัน คนให้ส่วนผสมเข้ากันเป็นเนื้อเดียว
  6. เมื่อพุดดิ้งเซตตัวแล้วให้นำส่วนน้ำมาราดตามปริมาณที่ชอบเพียงเท่านี้ก็พร้อมเสิร์ฟ หรือถ้าต้องการความชื่นใจสามารถนำพุดดิ้งที่ราดน้ำแล้วเข้าแช่เย็นอีกครั้งก่อนกินได้

นอกจาก พุดดิ้งมะพร้าวอ่อน แล้วยังมีพุดดิ้งอะไรที่นิยมอีกบ้าง

เรามาหาแรงบันดาลใจเพิ่มเติมนอกจากการทำพุดดิ้งมะพร้าวอ่อน กันดีกว่าว่าในประเภทขนมหวานแบบนี้ยังมีอะไรที่น่าสนใจอีกบ้าง เพื่อให้คุณได้เก็บไปเป็นไปเดียในการทำขนมกัน

พุดดิ้งมะพร้าวอ่อน
  • คัสตาร์ด

เมนูนี้จะมาพร้อมความหอมหวาน สามารถนำไปปรับกินได้กับหลายเมนู เป็นเสน่ห์ของกลิ่นคาราเมลที่ลงตัว หยิบไปกินเดี่ยว ๆ หรือจะกินคู่กับไอศกรีมก็เข้ากันได้อย่างลงตัว เหมาะเป็นของหวานปิดท้ายมื้ออาหารมากที่สุดเมนูหนึ่งเลยทีเดียว

  • ผลไม้

การนำพุดดิ้ง มะพร้าวมาผสมรวมกับผลไม้สด หรือผลไม้ลอยแก้วบอกเลยว่าทำให้ความอร่อยเพิ่มมากขึ้นไปอีก ส่วนใหญ่จะนิยมนำเงาะ หรือลิ้นจี่มากินด้วยกัน ความหอม หวาน มีเปรี้ยวตามมานิด ๆ บอกเลยว่าเป็นเมนูที่เติมความสดชื่นได้อย่างน่าประทับใจ

  • ชาเขียว

เมนูนี้จะมิกซ์รวมให้เป็นทั้ง พุดดิ้งมะพร้าวอ่อนและชาเขียว ราดด้วยน้ำราดมะพร้าวผสมชาเขียวก็ยังลงตัว หรือจะกินกันแบบชาเขียวเดี่ยว ๆ ก็ได้เหมือนกัน ยิ่งได้ผงชาเขียวดี ๆ มาทำ ยิ่งเพิ่มความอร่อยในสไตล์ญี่ปุ่นให้คุณได้

พุดดิ้งมะพร้าวอ่อน

พุดดิ้ง มะพร้าวอ่อน ถือเป็นอีกเมนูที่เรียกว่าทำกินก็ได้ ทำขายก็ดี ยิ่งพัฒนาความละเอียดในการทำแต่ละขั้นตอน เลือกวัตถุดิบที่สดใหม่เข้ามาทำมากแค่ไหนก็ยิ่งทำให้เมนูนี้อร่อยเป็นที่ติดใจได้มากขึ้นเท่านั้น แถมยังทำเก็บเอาไว้กินในตู้เย็นกันได้อีกด้วย

อ่านบทความอื่นๆ:

READ MOREREAD MORE
ขนม เบื้อง โบราณ

ใครที่ชอบความกรอบ หวาน มันที่ลงตัวมาทำ ขนม เบื้อง โบราณ ด้วยสูตร แป้ง เบื้อง โบราณกันดีกว่าใครที่ชอบความกรอบ หวาน มันที่ลงตัวมาทำ ขนม เบื้อง โบราณ ด้วยสูตร แป้ง เบื้อง โบราณกันดีกว่า

ขนม เบื้อง โบราณ

ขนม เบื้อง โบราณ น่าจะเป็นเมนูสุดโปรดของใครหลาย ๆ คน จะสนุกและได้กินกันแบบจุใจกว่าแน่นอนถ้าคุณเลือกลองทำด้วยตัวเอง ใครกังวลว่าอาจไม่ได้สูตรที่อร่อยแบบไทยโบราณ บอกเลยว่าวันนี้เราเตรียมสูตรที่คุณจะต้องติดใจมาฝากกันที่นี่เรียบร้อยแล้ว อร่อยแบบต้นตำรับ ทำง่ายมากที่สุด ต้องทำอย่างไรบ้าง มาดูกันเลย

ความเป็นมาของ ขนม เบื้อง โบราณ

ขนม เบื้อง โบราณ

เรามาทำความรู้จักกับที่มาของขนมที่มีเสน่ห์เมนูนี้อย่าง ขนมเบื้อง โบราณ กันดีกว่า เชื่อกันว่าขนม เบื้องมีมาแต่สมัยสุโขทัย เพราะมีภาพเขียนในวัดแห่งหนึ่งในเมืองสุโขทัย และเมนูนี้ได้รับการสืบทอดต่อ จนถึงสมัยอยุธยา เพราะพบชื่อในวรรณคดี ขุนช้างขุนแผน และเป็นขนมที่ใช้ในพระราชพิธี 12 เดือนอีกด้วย ดังนั้นความอร่อยที่เป็นตำนานขนาดนี้คนไทยหรือต่างชาติที่ได้ลองติดใจทุกคนอย่างแน่นอน

วัตถุดิบที่ต้องใช้สำหรับ ขนม เบื้อง โบราณ

ถ้าอยากทำ ขนม เบื้องโบราณ ให้ออกมาตามสูตร ขนม เบื้องแบบไทยแท้ต้องเตรียมอะไรบ้าง เรามีคำตอบมาให้คุณ รับรองว่าเป็นวัตถุดิบที่หาไม่ยาก วันนี้เราเลือกเป็นไส้หวานมานำเสนอ ถึงเวลาให้คุณได้สนุกไปกับเมนูนี้กันแล้ว

ขนม เบื้อง โบราณ
  • วัตถุดิบทำแป้งขนมเบื้อง
    • แป้งข้าวเจ้า 1 ถ้วย 
    • แป้งถั่วเขียว ½ ถ้วย
    • แป้งสาลีอเนกประสงค์ ¼ ถ้วย
    • ไข่แดง 3 ฟอง  (ไข่เป็ด)
    • น้ำตาลปี๊ป ½ ถ้วย 
    • น้ำปูนใส 2 ถ้วย 
    • เกลือ ½ ช้อนชา
  • วัตถุดิบทำไส้หวาน
    • ไข่ขาว (ไข่เป็ด) 
    • น้ำตาลทราย 1 ถ้วย 
    • ครีมออฟททาร์ทาร์ 1 ช้อนชา 
    • ฝอยทอง ตามชอบ

วิธีทำ ขนมเบื้องโบราณ

เมื่อเตรียมวัตถุดิบสำหรับขนม เบื้อง โบราณ เรียบร้อยแล้ว เรามาเริ่มทำกันเลยดีกว่า เพื่อที่จะได้เมนูขนมเบื้อง โบราณมากินและปาร์ตี้กับเพื่อน ๆ และครอบครัวไปพร้อมกัน

ขนม เบื้อง โบราณ
  1. ผสมแป้งขนมเบื้อง ด้วยการนำไข่แดงมาตี กับน้ำตาลปี๊บ ตีจนจนน้ำตาลปี๊บละลาย จากนั้นร่อนแป้งข้าวเจ้า แป้งถั่วเขียว แป้งสาลีอเนกประสงค์ และเกลือ ลงไป ตีให้พอเข้ากัน และปิดท้ายด้วยการใส่น้ำปูนใสลงไป และตีให้พอเข้ากัน จากนั้นพักแป้งไว้ในอุณหภูมิห้องประมาณ 30 นาที
  2. มาเริ่มทำไส้ขนมเบื้องฝอยทอง โดยการนำไข่ขาวใส่ชามผสม ใส่ครีมออฟทาร์ทาร์ลงไป และตีพอให้ขึ้นฟอง จากนั้นค่อย ๆ ใส่น้ำตาลทรายลงไป และตีด้วยความเร็วสูง จนตั้งยอดแข็ง 
  3. เมื่อวัตถุดิบทุกอย่างพร้อมเริ่มทอดแป้งขนมเบื้องโบราณ โดยการนำกระทะขึ้นตั้งไฟปานกลาง และรอจนร้อน

ใส่แป้งขนมเบื้องลงไปประมาณ ½ ช้อนโต๊ะ และรอจนแป้งขนมเบื้องสุก แล้วใส่ครีมลงไปประมาณ ½ ช้อนโต๊ะ ตามด้วยฝอยทอง ใช้ไม้พายแซะ และพับครึ่ง จัดใส่จาน พร้อมที่จะกินกันได้ทันทีหลังลงจากเตาร้อน ๆ

ขนมเบื้องโบราณ มีสูตรไหนน่าสนใจอีกบ้าง

วันนี้เราได้แนะนำ ขนม เบื้องโบราณ ที่เป็นไส้หวานกันไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว แต่วิธี ทำ ขนม เบื้องยังมีอีกหลายสูตรที่น่าสนใจ เราจึงขออาสามาแนะนำให้คุณได้รู้จักกับเมนูนี้เพิ่มเติมกัน เผื่อว่าจะเป็นแรงบันดาลใจในการทำขนมไทยของคุณให้สนุกมากขึ้น แบบง่าย ๆ

ขนม เบื้อง โบราณ
  • ไส้เค็ม

ตัวแป้งสามารถที่จะทำเหมือนกันได้ แต่ตัวไส้ให้เปลี่ยนวัตถุดิบเป็นกุ้งนางสับหยาบ ๆ หอมสับ มันกุ้ง เกลือป่น พริกไทยป่น มะพร้าวทึนทึกขูด ผักชีเด็ดเป็นใบ ๆ เหมาะสำหรับคนที่ไม่ชอบกินหวานมาก บอกเลยว่าไส้เค็มก็ได้รับความนิยมไม่แพ้กัน

  • แบบไทย

สูตรนี้มีความเป็นไทยเหมือนกัน แต่ต่างกันตรงที่เพิ่มถั่วทองคั่ว ข้าวสาร งาคั่ว และกุ้งเข้ามา ถือว่าเป็นสูตรที่หากินยาก แต่เมื่อได้กินแล้วทำให้ติดใจได้ไม่ยากอย่างแน่นอน

ขนม เบื้อง โบราณ

ขนมเบื้อง โบราณ ถือเป็นหนึ่งในเมนูยอดนิยมตลอดกาลของเหล่าขนมไทย ใครที่อยากลองทำด้วยตัวเองสามารถนำสูตรจากเราในวันนี้ไปเข้าครัวรังสรรค์กันได้เลย และยังสามารถปรับเพิ่มปริมาณได้ตามความชอบอีกด้วย หรือถ้าอยากต่อยอดสร้างอาชีพเมนูนี้ก็น่าสนใจไม่แพ้กัน เพราะทำง่าย และยังช่วยส่งต่อความเป็นไทยให้ไม่หายไปจากวัฒนธรรมอาหารอีกด้วย

อ่านบทความอื่นๆ:

READ MOREREAD MORE