หมวดหมู่: อาหารนานาชาติ

ราเมง

ราเมง เมนูอาหารญี่ปุ่นยอดฮิตที่คนรักเส้นต้องห้ามพลาดราเมง เมนูอาหารญี่ปุ่นยอดฮิตที่คนรักเส้นต้องห้ามพลาด

ราเมง หรือราเมน (RAMEN) คือ บะหมี่น้ำของชาวญี่ปุ่น ประกอบด้วยส่วนประกอบหลัก 3 อย่างคือ เส้นบะหมี่ญี่ปุ่นที่มีทั้งเส้นแบบหยัก และแบบตรง , เครื่องเคียงต่าง ๆ เช่น หมูชาชู (เนื้อหมูย่าง) ต้นหอม ลูกชิ้นปลาคะมะโบโกะ ข้าวโพดหวาน ไข่ต้มยางมะตูม ฯลฯ และน้ำซุปที่มีการปรุงรสให้มีรสชาติอร่อยแตกต่างกันออกไปในแต่ละจังหวัด 

ราเมง กับน้ำซุปที่ได้รับความนิยมมากที่สุด

ใครที่อยากลองจะลองทานราเมง กันดูสักครั้ง แต่ยังตัดสินใจไม่ถูกเมื่อไปร้าน อาหารญี่ปุ่น แล้วเปิดเมนูราเมง ขึ้นมาแล้วพบว่ามีมากจนเลือกไม่ถูก เราขอแนะนำน้ำซุปที่ได้รับความนิยมให้ทุกคนได้รู้จัก ดังนี้

  • ราเมงซุปกระดูกหมู/ราเมงทงคตสึ (TONKOTSU RAMEN) น้ำซุปสีขาวนวล รสชาติเข้มข้นกลมกล่อม ไม่จัดจ้าน เข้ากันได้ดีกับเส้นแบบตรงบาง มีกลิ่นหอมของกระดูกหมูที่ผ่านการเคี่ยวมาเป็นเวลานาน 
  • ราเมงมิโซะ (MISO RAMEN) น้ำซุปที่เรียกว่าแสดงเอกลักษณ์ความเป็นญี่ปุ่นออกมาได้อย่างเต็มเปี่ยม ด้วยความที่มีรสชาติเข้มข้นของมิโสะ และเต้าเจี้ยวญี่ปุ่น รสชาติถูกปากคนไทยอย่างแน่นอน
  • ราเมงโชยุ (SHOYU RAMEN) น้ำซุปที่เหมาะสำหรับคนที่ทานราเมนเป็นครั้งแรก มีส่วนผสมของโชยุ หรือซีอิ๊วญี่ปุ่น รสชาติอร่อยกลมกล่อม มีน้ำซุปสีน้ำตาลใส
  • ราเมงซุปเกลือ/ราเมงชิโอะ (SHIO RAMEN) น้ำซุปที่มีรสชาติอ่อน ๆ ของเกลือ แต่กลมกล่อมลงตัว น้ำซุปสีสดใส มีประวัติยาวนานที่สุด และถือว่าทำยากที่สุดอีกด้วย 

วัตถุดิบ และขั้นตอนวิธีทำ ราเมง ทงคตสึ

อาหารญี่ปุ่น ขึ้นชื่อ อย่าง ราเมง ทงคตสึ เป็นเมนูที่ทำง่าย แต่ใช้เวลาในการเคี่ยวน้ำซุปให้อร่อยกลมกล่อมค่อนข้างนาน บางสูตรนั้นถึงขั้นเคี่ยวไว้เป็นวัน ๆ เลยทีเดียว เพื่อให้ได้น้ำซุปที่กลมกล่อมที่สุด แต่ สูตรราเมนทงคตสึ ที่เรานำมาแนะนำนี้ ไม่ต้องใช้เวลานานขนาดนั้น หากใครอยากลองทำทานด้วยตัวเอง มาดูวัตถุดิบ และขั้นตอนวิธีทำกันเลยค่ะ

วัตถุดิบทำน้ำซุปทงคตสึ

  1. กระดูกเล้ง 1 กิโลกรัม
  2. ซี่โครงหมูอ่อน 1 กิโลกรัม
  3. กระดูกไก่ 500 กรัม
  4. ต้นหอมใหญ่หั่นชิ้น 2 ต้น
  5. หัวหอมหั่นชิ้น 2 หัว
  6. กระเทียมจีนหั่นชิ้น 5 กลีบ
  7. ขิงแก่หั่นชิ้น 6 แว่น
  8. น้ำตาลกรวด 2 ช้อนโต๊ะ
  9. โชยุ 2 ช้อนโต๊ะ
  10. ซุปไก่ 2 ก้อน
  11. มิริน 2 ช้อนโต๊ะ
  12. ผงดาชิ 15 กรัม

วัตถุดิบอื่น ๆ 

  1. เส้นราเมน ปริมาณตามชอบ
  2. น้ำเปล่าสำหรับต้มน้ำซุป
ราเมง
https://www.vegan.io/recipes/tonkotsu-ramen

ขั้นตอนวิธีทำ ราเมง ทงคัตสึ

  1. ขั้นตอนแรกนำกระดูกเล้ง ซี่โครงหมูอ่อน และกระดูกอ่อนมาล้างด้วยแป้งมันหลาย ๆ น้ำให้สะอาด ก่อนจะนำไปลวกในหม้อที่น้ำเดือดจัดเป็นเวลา 10 นาที และนำออกมาล้างด้วยน้ำสะอาดอีกครั้งเพื่อขจัดคราบไขมัน
  2. เตรียมน้ำเปล่าใส่ลงไปในหม้อให้ร้อน จากนั้นใส่ส่วนผสมในขั้นตอนแรกลงไปตามด้วยเครื่องต้มอย่าง ต้นหอมใหญ่ หัวหอม กระเทียมจีน และขิงแก่ ต้มรวมกัน และปรุงรสด้วยผงดาชิ น้ำตาลกรวด โชยุ มิริน และซุปไก่ก้อน คนให้เข้ากันแล้วเคี่ยวต่อจนเนื้อเริ่มเปื่อย จากนั้นให้ตักซี่โครงกระดูกอ่อนออกมาพักไว้ และเคี่ยวต่อจนเนื้อหลุดออกจากกระดูก โดยใช้เวลาประมาณ 3 ชั่วโมง 
  3. เมื่อน้ำซุปได้ที่แล้วให้นำมากรองใส่ชามผสมด้วยตะแกรง ทำการแยกเศษกระดูกออกจากเนื้อแล้วนำไปปั่นให้ละเอียด เพื่อนำมาผสมเพิ่มความเข้มข้นของน้ำซุป จากนั้นตักฟองที่ลอยอยู่เหนือผิวน้ำซุปออกให้หมด
  4. นำส่วนผสมของน้ำซุปไปตั้งไฟให้เดือดอีกครั้ง ในขั้นตอนนี้สามารถชิมน้ำซุป และปรุงเพิ่มได้ตามใจชอบเลยค่ะ จากนั้นลวกเส้นราเมนให้สุกดี ตักน้ำซุปใส่ถ้วยก่อนจะนำเส้นใส่ลงไป ตกแต่งด้วยซี่โครงกระดูกอ่อนที่พักไว้ และท็อปปิ้งอื่น ๆ เช่น หมูชาชู สาหร่าย ไข่ต้ม หอมซอย

READ MOREREAD MORE

แซลมอนย่างซอสเทอริยากิ อาหารเพื่อสุขภาพที่ดี และมีประโยชน์แซลมอนย่างซอสเทอริยากิ อาหารเพื่อสุขภาพที่ดี และมีประโยชน์

แซลมอนย่างซอสเทอริยากิ อาหารเพื่อสุขภาพที่ดี และมีประโยชน์

สายสุขภาพต้องร้องว้าว เมื่อพบกับเมนู อาหารเพื่อสุขภาพ รสชาติดี เต็มเปี่ยมไปด้วยคุณประโยชน์จากปลาสีส้มที่หลาย ๆ คนชื่นชอบ เมนูที่เรากำลังจะกล่าวถึงก็คือ “แซลมอนย่างซอสเทอริยากิ” เมนูที่ผสมผสานระหว่างเนื้อปลาแซลมอน และซอสเทอริยากิรสหวานได้เข้ากันเป็นอย่างดี ทานคู่กับข้าวสวยร้อน ๆ และผักเครื่องเคียงนา ๆ ชนิดแล้ว อร่อยจนหยุดทานไม่ได้เลยทีเดียว

ประโยชน์ของอาหารเพื่อสุขภาพ จากปลาแซลมอน 

สูตร อาหารเพื่อสุขภาพ ที่เราได้นำมาแนะนำในวันนี้ ใช้วัตถุดิบหลักคือ ปลาแซลมอน ที่ขึ้นชื่อว่าเป็น อาหารสุขภาพที่ดีที่สุดในโลก อุดมไปด้วยกรดไขมัน โปรตีน วิตามิน เกลือแร่ และโอเมก้าสาม ฯลฯ ถือได้ว่า เมนูอาหารเพื่อสุขภาพ เมนูนี้เต็มไปด้วยประโยชน์ต่อสุขภาพเลยทีเดียว เช่น ช่วยลดน้ำหนัก ลดการอักเสบ ดีต่อหัวใจ ป้องกันโรคสมาธิสั้นในเด็ก ต้านโรคมะเร็ง เพิ่มประสิทธิภาพของสมอง ฯลฯ 

วัตถุดิบ และขั้นตอนวิธีทำแซลมอนย่างซอสเทอริยากิ อาหารเพื่อสุขภาพทำง่าย

  แซลมอนย่างซอสเทอริยากิ เมนูง่าย ๆ ที่เชื่อว่าทุกคนสามารถนำสูตรนี้ไปทำทานเองที่บ้านได้อย่างแน่นอน เพราะ อาหารเพื่อสุขภาพ เมนูนี้ขั้นตอนการทำนั้นน้อยมาก ๆ หากใช้ซอสเทอริยากิสำเร็จรูปก็ยิ่งช่วยลดเวลาในการทำไปได้อีก แต่เราก็ไม่พลาดที่จะนำ สูตรทำซอสเทอริยากิ มาบอกต่อสำหรับคนที่ต้องการทำซอสด้วยตัวเองอีกด้วย หากอยากลองทำลองทานกันแล้ว ไปดูสูตรวิธีทำของเรากันเลยค่ะ

วัตถุดิบทำซอสเทอริยากิ หรือซอสหวานญี่ปุ่น

  1. KIKKOMAN ซอสถั่วเหลืองญี่ปุ่น 200 มิลลิลิตร
  2. มิริน 50 มิลลิลิตร
  3. น้ำตาลทรายแดง 100 กรัม
  4. น้ำผึ้ง 3 ช้อนโต๊ะ
  5. น้ำมันงา 3 ช้อนโต๊ะ
  6. ขิงหั่น 4 แว่น
  7. กระเทียมบุบ 1 กลีบใหญ่
  8. น้ำเปล่า 100 มิลลิลิตร

วัตถุดิบทำแซลม่อนซอสเทอริยากิ

  1. เนื้อปลาแซลมอนทอด 300 กรัม
  2. น้ำมัน 1 ช้อนโต๊ะ
  3. เกลือ ½ ช้อนชา
  4. พริกไทย ½ ช้อนชา
  5. ซอสเทอริยากิ 2 ช้อนโต๊ะ

ขั้นตอนวิธีทำซอสเทอริยากิ

  1. ขั้นตอนแรกตั้งกระทะด้วยไฟอ่อน ใส่น้ำมันงาลงไปในกระทะให้ทั่ว เมื่อส่วนผสมเริ่มร้อนแล้วให้ใส่ขิง และกระเทียมลงไปผัดให้หอม ตามด้วยซอสถั่วเหลืองญี่ปุ่น มิริน และน้ำตาลทราย คนส่วนผสมให้ละลายเข้ากันแล้วใส่น้ำผึ้ง และน้ำเปล่าลงไปเคี่ยวต่อจนส่วนผสมข้นเหนียว
  2. เมื่อส่วนผสมได้ที่แล้วให้นำไปกรองด้วยตะแกรงใส่ในชามผสม พักไว้เตรียมทำขั้นตอนต่อไปได้เลย

ขั้นตอนวิธีทำแซลมอนย่างซอสเทอริยากิ

  1. ขั้นตอนแรกนำเกลือ และพริกไทยมาทาให้ทั่วเนื้อปลาแซลมอน 
  2. ตั้งกระทะด้วยไฟกลางค่อนอ่อน ใส่น้ำมันรอให้ร้อน จากนั้นนำปลาแซลมอนลงไปย่างให้สุก และพลิกด้านย่างให้สุกทั่วกันทุกด้านแล้วราดซอสเทอริยากิลงไปคลุกให้ทั่วเนื้อปลา เป็นอันเสร็จสิ้น ปิดเตานำมาจัดใส่จานได้เลย

 

 

 

 

เว็บบอล

READ MOREREAD MORE

“โซบะ เย็น” อาหารญี่ปุ่นทำง่าย ทานคลายร้อนได้ดี“โซบะ เย็น” อาหารญี่ปุ่นทำง่าย ทานคลายร้อนได้ดี

“โซบะ เย็น” อาหารญี่ปุ่นทำง่าย ทานคลายร้อนได้ดี

SOBA หรือ โซบะ คือ อาหารญี่ปุ่น ขึ้นชื่อ ลักษณะเป็นเส้นขนาดเล็กสีน้ำตาลอ่อน ต้นกำเนิดยาวนานมาตั้งแต่สมัยโจจง โดยมีเรื่องเล่าบอกต่อกันมาว่า ในสมัยนั้นมีการเพาะปลูกต้นโซบะ จะกระทั่งในเวลาต่อมาประเทศจีนได้เข้ามามีบทบาทในประเทศญี่ปุ่น และได้นำเครื่องโม่เข้ามาผลิตเส้นโซบะ ทำให้กลายอาหารยอดนิยมจนเกิดวัฒนธรรมของชาวญี่ปุ่นขึ้นมา

เส้น โซบะ อาหารญี่ปุ่น ขึ้นชื่อ ทำได้หลายเมนู

เส้น โซบะ สามารถนำมาประกอบอาหารได้หลากหลายเมนู ยกตัวอย่างเช่น โมริโซบะ (MORI SOBA) โซบะเปล่า ๆ ทานกับซอส , ซารุโซบะ (ZARU SOBA) หรือที่หลายคนเรียกว่าหมี่เย็น เป็นการนำเส้นไปแช่ในน้ำเย็นแล้วทานคู่กับซอสเพิ่มรสชาติ , คาคิอาเกะโซบะ (KAKIAGE SOBA) โซบะหน้าของทอด ที่มีการนำวัตถุดิบมาหั่นเป็นชิ้นก่อนจะนำไปชุบแป้งทอด ฯลฯ ซึ่งแต่ละเมนูโซบะก็ล้วนแล้วแต่มีความอร่อยที่แตกต่างกัน 

วัตถุดิบ และขั้นตอนวิธีทำโซบะ เย็น เมนูอาหารญี่ปุ่นง่าย ๆ ใช้เวลาทำน้อย

zaru soba - Husbands That Cook

เนื่องจากสภาพอากาศในประเทศไทยที่แสนจะร้อนอบอ้าว เราจึงได้นำสูตร โซบะ เย็น อาหารญี่ปุ่นยอดฮิต มาบอกต่อให้ทุกคนได้ลองทำทานกันคลายร้อน รับรองว่าสูตรนี้ทุกคนสามารถนำไปทำตามได้อย่างแน่นอน เพราะใช้วัตถุดิบในการทำน้อย แม้ในเวลาที่เร่งรีบก็สามารถทำได้ เนื่องจากเป็น สูตรอาหารญี่ปุ่นทำง่าย ที่ใช้เวลาในการทำน้อยมาก ๆ แต่ต้องบอกเลยว่ารสชาตินั้นอร่อยแบบไม่มีผิดหวังเลยทีเดียว แถมยังเป็นเมนูที่ทานแล้วมีประโยชน์ ช่วยลดน้ำตาลในเลือด ช่วยให้เส้นเลือดฝอยแข็งแรง ลดอาหารท้องผูก และยังมีสารอาหารสูง

วัตถุดิบ

  1. เส้นโซบะแห้ง 200 กรัม
  2. ซอสฮนสึยุ 1/2 ถ้วย 
  3. น้ำเย็น 1 ถ้วย 
  4. ต้นหอมซอย 1 ช้อนโต๊ะ
  5. วาซาบิแบบหลอด 
  6. สาหร่ายแบบตัดเป็นเส้น
  7. น้ำสะอาด
  8. น้ำแข็งสำหรับแช่เส้นโซบะ

ขั้นตอนวิธีทำโซบะเย็น

วิธีทำบะหมี่เย็น โซบะเย็น (Zaru Soba) & โซเมนเย็น (Zaru Somen)!
  1. ขั้นตอนแรกตั้งกระทะต้มน้ำให้เดือดแล้วใส่เส้นโซบะแห้งลงไปต้มให้สุก ประมาณ 6 – 7 นาที ใช้ทัพพีตักเส้นคนเบา ๆ เพื่อไม่ให้เส้นติดกัน ระหว่างรอให้เตรียมชามใส่น้ำเปล่า และน้ำแข็งลงไป เมื่อเส้นสุกแล้วให้กรองน้ำออกด้วยตะแกรง ก่อนจะนำไปแช่ไว้ในชามน้ำเย็นแล้วคนให้เส้นเย็น และแช่พักไว้
  2. ทำซอสหมี่เย็นญี่ปุ่น โดยเริ่มจากการใส่ฮนสึยุ น้ำเย็น และวาซาบิปริมาณตามชอบลงไปในชาม โรยหน้าด้วยหอมซอย 
  3. จัดเรียงเส้น โซบะ เย็นใส่จาน โรยหน้าด้วยสาหร่ายแบบเส้นแล้วจัดเสิร์ฟพร้อมซอสได้เลยค่ะ

 

 

 

เว็บบอล

READ MOREREAD MORE

สูตรวิธีทำ “บิบิมบับ” หรือข้าวยำเกาหลีที่คอซีรี่ย์ห้ามพลาดสูตรวิธีทำ “บิบิมบับ” หรือข้าวยำเกาหลีที่คอซีรี่ย์ห้ามพลาด

ในสถานการณ์โควิด – 19 ที่หลาย ๆ คนต้องปรับตัวให้เข้ากับสถานการณ์ ทั้งในเรื่องของการเรียน การทำงาน และการดำเนินชีวิต อีกหนึ่งสิ่งที่ช่วยลดความเครียดได้ก็คือการดูซีรี่ย์เกาหลีที่กำลังมาแรงแบบสุด ๆ ซึ่งในซีรี่ย์หลายเรื่องมักจะแสดงถึงวัฒนธรรมเกาหลีมากมาย รวมถึงวัฒนธรรมด้านอาหารที่มักจะเห็นพระเอก นางเอกรับประทานกันให้ชวนหิวตาม จึงขอชวนทุกคนทำอาหารเกาหลีง่าย ๆ เมนู “บิบิมบับ” แต่ก็ยังมีอีกหลายคนที่ยังไม่รู้จัก ดังนั้น เราขอแนะนำเมนูนี้ให้รู้จักกันให้มากขึ้นก่อนไปลองทำกันค่ะ

บอกต่อเรื่องราวของ บิบิมบับ อาหารเกาหลีที่สามารถทำได้เองง่าย ๆ 

ก่อนอื่นเราต้องขอบอกความหมายของอาหารเกาหลีเมนูนี้กันก่อน บิบิมบับ คือ อาหารยอดนิยมของคนเกาหลี เป็นอาหารประเภทข้าวที่มีจุดเด่นเป็นการนำข้าวสวย ผัก ไข่ และซอสเผ็ดเกาหลี เสิร์ฟในหม้อดินร้อน ๆ เวลารับประทานมักจะคลุกเคล้าให้เข้ากันกับไข่สด พร้อมเครื่องเคียงต่าง ๆ ด้วยความที่บิบิมบับเป็นเมนูข้าว ซึ่งเป็นสิ่งคนไทยอย่างเรา ๆ รับประทานกันเป็นประจำอยู่แล้ว เมื่อแพร่หลายมาในประเทศไทย จึงกลายเป็นเมนูที่ได้รับความนิยมมาก ๆ อีกหนึ่งเมนูเลยทีเดียว

ที่มาของชื่ออาหารเกาหลีเมนูนี้

บิบิมบับ ในประเทศไทยสามารถเรียกได้อีกหนึ่งชื่อว่า ข้าวยำเกาหลี เนื่องมาจากคำว่า 비빔 (BIBIM) มีความหมายว่า การผสม ส่วนคำว่า (BAP) หมายถึง ข้าว เมื่อนำสองคำสองความหมายนี้มารวมกัน จึงกลายเป็นเมนูอาหารเกาหลี ที่มีชื่อว่า BI BIM BAP สื่อความหมายถึงการนำข้าว และวัตถุดิบอื่น ๆ มาผสมกันก่อนรับประทาน ซึ่งก็ไม่ผิดที่คนไทยส่วนใหญ่จะเรียกด้วยอีกชื่อ เพราะความหมายเหมือนกันจริง ๆ คือ คล้าย ๆ กับการทำยำของไทยนั้นเองค่ะ

ประวัติความเป็นมา

สำหรับเมนู ข้าวบิบิมบับ นั้นไม่มีหลักฐานใดที่สามารถระบุได้อย่างชัดเจนว่าเกิดขึ้นเมื่อใด และใครเป็นผู้คิดค้นขึ้นมาครั้งแรก มีเพียงการตั้งสมมติฐานจากความเชื่อที่เล่าต่อกันมาต่าง ๆ นา ๆ เท่านั้น โดยไม่รู้เลยว่าสมมติฐานใดเป็นเรื่องที่แท้จริง แต่เราขอยกตัวอย่างสมมติฐาน 1 ข้อ คือ เป็นอาหารเกาหลีดั้งเดิมในประเพณีไหว้เจ้า หรือไหว้บรรพบุรุษของคนเกาหลี เมื่อประกอบพิธีเสร็จคนในครอบครัวจะมารับประทานอาหารร่วมกัน โดยนำข้าวผสมกับเครื่องเคียงต่าง ๆ กลายเป็นเมนู บิบิมบับ 

อาหารที่มีมาตั้งแต่สมัยโซซอน

บิบิบับถูกกล่าวถึงครั้งแรกในศตวรรษที่ 19 ในเมืองจอนจู ซึ่งเป็นตำราอาหารโบราณเกาหลีที่ไม่ทราบชื่อของผู้แต่งที่มีอายุมากกว่า 200 ปี โดยเรียกชื่ออาหารนี้ว่า พูบิมบับ ในตำราระบุว่าเป็นเมนูที่ถูกพบในราชสำนักในสมัยนั้น และยังถูกจัดเป็นหนึ่งในสามของอาหารที่ดีสุดในราชวงศ์โซซอน หรือในช่วงปี ค.ศ. 1392 – 1910 ก่อนจะถูกเผยแพร่ไปยังเหล่าขุนนางจนได้รับความนิยม และเผยแพร่ไปยังชาวบ้านทั่วไป

อาหารเกาหลีเพื่อสุขภาพ

ใครที่ยังไม่เคยรับประทานอาหารเกาหลี แนะนำ อย่างบิบิบับมาก่อน ขอบอกว่ามีรสชาติเผ็ดหวานถูกปากคนไทย นอกจากความอร่อยแล้วยังเป็นอาหารเพื่อสุขภาพที่มีประโยชน์ อุดมไปด้วยสารอาหาร และใยอาหาร เช่น วิตามินที่มีคอเลสเตอรอล และไขมันต่ำ , เซลลูโลส และสารอาหารอื่น ๆ อีกมากมาย เรียกว่าครบจบทั้ง 5 หมู่เลยทีเดียว ดังนั้น จึงเหมาะมาก ๆ กับคนที่รักสุขภาพ , คนที่กำลังลดน้ำหนัก และคนที่กำลังทานอาหารเจก็สามารถทานบิบิมบับเจได้ โดยไม่ต้องใส่เนื้อสัตว์ และเน้นไปที่ผักล้วน ๆ 

บิบิมบับ อาหารที่แฝงไปด้วยสัญลักษณ์

รู้หรือไม่คะว่าบิบิมบับเป็นอาหารที่แฝงสัญลักษณ์ที่สื่อถึงทิศ ธรรมชาติ และสุขภาพตามตำราแพทย์โบราณ โดยเป็นสัญลักษณ์จากสีของวัตถุดิบในเมนูอาหาร คือ สีขาวของถั่วงอก ข้าว หัวไชเท้า หมายถึงทิศตะวันตก โลก และปอด , สีดำของเห็ดหอม ผักกูด สาหร่ายโนริ หมายถึงทิศเหนือ น้ำ และไต , สีเขียวของแตงกวา ผักโขม หมายถึงทิศตะวันออก ต้นไม้ และตับ , สีแดง หรือสีส้มของพริก แครอท ลูกพุทธา หมายถึงทิศใต้ ไฟ และหัวใจ สุดท้ายสีเหลืองของฟักทอง มันฝรั่ง ไข่ หมายถึงศูนย์กลาง ทอง และกระเพาะอาหาร

วัตถุดิบ และขั้นตอนวิธีทำบิบิมบับง่าย ๆ 

มาถึงสูตรอาหารเกาหลีง่าย ๆ ที่ทำได้ง่ายมาก ดูจากในซีรี่ย์แล้วจะเห็นว่าเพียงแค่หยิบส่วนผสมต่าง ๆ มาจัดใส่ถ้วยยำรวมกัน ไม่แตกต่างจากยำ หรือข้าวผัดที่เราทำทานกันอยู่เป็นประจำ ซึ่งจริง ๆ แล้วบิบัมบับมีขั้นตอนการทำที่ซับซ้อนกว่านั้น เพราะต้องใช้เวลาในการเตรียมวัตถุดิบที่นานหลายขั้นตอนอยู่เหมือนกัน แต่ก็ยังถือว่าเป็นอาหารทำง่ายอยู่ดี หากใครอยากลองทานบิบิมบับ ทำเอง ก็สามารถนำสูตรนี้ไปใช้ทำได้เลยนะคะ 

วัตถุดิบหมักเนื้อวัว

  1. เนื้อวัวหั่นชิ้น 100 กรัม
  2. กระเทียมสับ 1 ช้อนโต๊ะ
  3. งาขาวคั่ว 2 ช้อนชา
  4. น้ำมันงา 1 ช้อนชา
  5. น้ำตาล  1 ช้อนชา
  6. เกลือ 1/2 ช้อนชา
  7. มิริน 1/2 ช้อนชา
  8. สาเก 1/2 ช้อนชา
  9. ซอสปรุงรส 1 ช้อนชา

วัตถุดิบทำซอส

  1. โคชูจัง (น้ำพริกเกาหลี) 1 ช้อนโต๊ะ
  2. น้ำบ๊วยสกัด (เมชิลชอง) หรือมิริน 1 ช้อนโต๊ะ
  3. น้ำตาล 1/2 ช้อนชา
  4. น้ำเปล่า 1 ช้อนโต๊ะ
  5. งาขาวคั่ว 1 ช้อนชา
  6. กระเทียมสับ 1 ช้อนชา
  7. น้ำมันงา 1 ช้อนชา
  8. น้ำส้มสายชู 1 ช้อนชา

วัตถุดิบอื่น ๆ 

  1. เห็ดหอมซอยบาง 7 ดอก
  2. ผักโขม 300 กรัม
  3. ถั่วงอกหัวโต 250 กรัม
  4. แครอทหั่นฝอย 1 หัว
  5. แตงกวาญี่ปุ่นหั่นฝอย 1 หัว
  6. น้ำมันงา 4 ช้อนชา
  7. เกลือ 2 ช้อนชา
  8. งาขาวคั่ว 1 ช้อนชา
  9. พริกไทยดำปริมาณตามชอบ
  10. ไข่แดงดิบ 1 ฟอง

ขั้นตอนวิธีทำบิบิมบับ

  1. ขั้นตอนแรกใส่เนื้อวัวลงไปในชามผสม ตามด้วยซอสปรุงรส น้ำตาลทราย น้ำมันงา กระเทียมสับ พริกไทยดำ และงาขาวคั่ว ทำการคลุกเคล้าให้เข้ากัน
  2. ต่อมาเป็นขั้นตอนการทำซอส โดยใส่ส่วนผสมทำซอสทั้งหมดลงไปคลุกเคล้าให้เข้ากันชามผสม คือ น้ำตาลทราย งาขาวคั่ว น้ำบ๊วยสกัด น้ำพริกเกาหลี กระเทียมสับ และน้ำมันงา
  3. ตั้งหม้อต้มถั่วงอกหัวโตให้สุกแล้วใส่เกลือ กระเทียมสับ น้ำมันงา และงาขาวคั่วลงไปคลุกเคล้าให้เข้ากัน ต่อมาต้มผักโขมด้วยน้ำที่ต้นถั่วงอกให้สุก ล้างน้ำเย็นแล้วปรุงรสเหมือนกับถั่วงอก นำแตงกวาญี่ปุ่น แครอท และเห็ดหอมมาปรุงรสด้วยเกลือก่อนจะนำไปผัดให้สุกตามลำดับ สุดท้ายนำเนื้อมาผัดให้สุกทั่วกัน เสร็จแล้วนำไปจัดใส่จานราดซอสก่อนรับประทานค่ะ

บทสรุป

สูตรบิบิมบับของเราในบทความนี้ แม้ว่าจะเป็นเมนูที่ใช้วัตถุดิบเยอะมาก และใช้เวลาในการเตรียมวัตถุดิบนาน แต่วิธีทำนั้นแสนจะง่ายดาย เพียงแค่นำวัตถุดิบที่เตรียมไว้มายำผสมกันสมชื่อแล้วนำมาจัดวางบนข้าวสวยร้อน ๆ ให้สวยงาม ตามด้วยไข่ดิบ เพียงเท่านี้ก็ได้บิบิบับ อาหารเกาหลีทำง่าย รับประทานกันตามรอยซีรี่ย์แล้วค่ะ คอซีรี่ย์อย่าพลาดที่จะลองนะคะ

 

 

เว็บบอล

READ MOREREAD MORE
กุ้งดองซีอิ๊วเกาหลี

กุ้งดองซีอิ๊วเกาหลี อาหารยอดฮิตที่กำลังเป็นกระแส ทำเองได้ง่าย ๆกุ้งดองซีอิ๊วเกาหลี อาหารยอดฮิตที่กำลังเป็นกระแส ทำเองได้ง่าย ๆ

กุ้งดองซีอิ๊วเกาหลี อาหารยอดฮิตที่กำลังเป็นกระแส ทำเองได้ง่าย ๆ

กุ้งดองซีอิ๊วเกาหลี

    อันยองฮาเซโย เริ่มต้นกันที่การกล่าวทักทายภาษาเกาหลี เพราะเมนูยอดฮิตติดชาร์จมาแรงอย่างไม่มีตกของเราในวันนี้เป็นเมนูอาหารเกาหลีง่าย ๆ ที่หลาย ๆ คนชื่นชอบ นั้นก็คือ กุ้งดองซีอิ๊วเกาหลี รสแซ่บแบบมีสไตล์ ทานแล้วฟินสุด ๆ ต้องสั่งมาทานแล้วทานอีก แต่จะว่าไปสถานการณ์โควิดช่วงนี้ทำเอาหลายคนไม่กล้าออกไปรับประทานอาหารข้างนอก และไม่กล้าสั่งเดลิเวอรี่มารับประทาน เนื่องจากเป็นกังวลในเรื่องของความสะอาด และความปลอดภัยจากเชื้อโรค เราจึงขอนำสูตร กุ้งดองซีอิ๊วเกาหลี อาหารเกาหลียอดนิยมมาบอกต่อให้ได้ลองทำตามกัน

| รู้จัก “กุ้งดองซีอิ๊วเกาหลี” เมนูยอดนิยมให้มากขึ้น

กุ้งดองซีอิ๊วเกาหลี

     กุ้งดองซีอิ๊วเกาหลี คือ อาหารเกาหลี ที่นำเอากุ้งสด ๆ มาดองในน้ำดองรสแซ่บที่มีส่วนประกอบหลักอย่าง โซยุ กระเทียม พริกสด มิริน (เหล้าเกาหลี) เนื้อสัมผัสกุ้งจะนุ่มนิ่มเด้งดึ๋ง ไม่มีกลิ่นคาวให้เสียอารมณ์ เมื่อน้ำดองถูกใส่ลงไปในกุ้งแล้วดองเอาไว้เป็นเวลานาน จะซึมเข้าเนื้อกุ้งในทุก ๆ อณูให้เราได้รับประทานลิ้มรสหวาน ๆ ของเนื้อกุ้ง และเต็มอิ่มรสชาติน้ำดองแบบฟินสุด ๆ ไม่น่าแปลกใจเลยที่กลายเป็น เมนูอาหารเกาหลี ยอดนิยมที่กำลังเป็นกระแสแห่งยุค สำหรับใครที่เป็นสายอาหารทะเลสด ๆ อยู่แล้วต้องไม่พลาดที่จะลองนะคะ

ใครกันนะที่เป็นคนริเริ่มนำกระแสกุ้งดองเกาหลีเข้ามาในประเทศไทย

กุ้งดองเกาหลี

    ในประเทศต้นตำรับนั้นจะรับประทาน กุ้งดองซีอิ๊วเกาหลี เป็น เมนูกับแกล้ม มากกว่าจะเป็นเมนูของว่างทานเล่นอย่างที่เรานิยมรับประทานกัน และในปัจจุบันพบว่า กุ้งดองซีอิ๊วเกาหลี เป็นเมนูที่นิยมทำขายมากที่สุด แต่คนที่เป็นคนริเริ่มเปิดธุรกิจนี้เป็นร้านแรกเลยก็คือ คุณนิกกี้ – นิยนุช กาญจนมงคล ซึ่งเขาเป็นติ่งเกาหลีมาก่อน เมื่อเรียนจบจากประเทศอังกฤษ จึงได้เดินทางไปอยู่ที่ประเทศเกาหลีใต้ จนได้ สูตรกุ้งดองเกาหลี มาจากแม่ของเพื่อน พอเขากลับมาประเทศไทยก็ได้นำสูตรนี้มาดัดแปลงให้เข้ากับวัตถุดิบที่หาได้ง่าย และทำขายเป็นร้านแรก

สูตรกุ้งดองซีอิ๊ว มีมากมายในปัจจุบัน

กุ้งดองซีอิ๊วเกาหลี

    เมื่อ อาหารเกาหลี แนะนำ อย่างเมนู กุ้งดองซีอิ๊วเกาหลี กลายเป็นเมนูติดกระแสที่หลาย ๆ คนชื่นชอบ และอยากรับประทาน จึงเกิดสูตร กุ้งดองซีอิ๊วเกาหลี ใหม่ ๆ ขึ้นมามากมายให้ได้รับประทานกัน โดยปรับสูตรให้เข้ากับความชอบของตัวเองให้มากที่สุด ใช้วัตถุดิบที่แตกต่างกัน ส่งผลให้มีรสชาติความอร่อยที่แตกต่างกันตามไปด้วย แต่ยังคงกลิ่นอายความเป็นเกาหลีอยู่ นอกจาก กุ้งดองซีอิ๊ว แล้วยังมีอาหารทะเลอื่น ๆ ที่นำมาดองด้วยสูตรเดียวกันได้อร่อยไม่แพ้กัน ยกตัวอย่างเช่น แซลมอนดองซีอิ๊ว 

| วัตถุดิบ ขั้นตอนการทำกุ้งดองซีอิ๊วเกาหลี สูตรเนื้อนุ่มเด้ง อร่อย ไม่คาว 

    สำหรับวัตถุดิบที่จะใช้ในบทความนี้เป็นวัตถุดิบที่สามารถหาได้ง่ายในประเทศไทย และสูตรนี้ก็เป็นสูตร วิธีทำกุ้งดองซีอิ๊ว ง่าย ๆ ที่ทุกคนสามารถนำไปทำตามได้ บอกขั้นตอนการทำอย่างละเอียด ตั้งแต่ขั้นตอนการเตรียมกุ้ง ล้างอย่างไรให้ไม่เหม็นคาว การทำ น้ำดองเกาหลี รสแซ่บ รวมไปถึงการทำน้ำจิ้มซีฟู้ดรสแซ่บที่คนไทยนิยมนำมารับประทานควบคู่กับเมนูนี้ และที่สำคัญไม่ต้องเสียเงินไปซื้อ กุ้งดองซีอิ๊วเกาหลี ราคาแพงที่มีขายอยู่ทั่วไป เพียงอาศัยการเดินทางออกไปซื้อวัตถุดิบ และลงมือทำเองเท่านั้น 

กุ้งดองซีอิ๊วเกาหลี

วัตถุดิบในการล้างกุ้ง

  1. กุ้งสด 500 กรัม 
  2. โซดา 1 ขวด
  3. เกลือ 1 ช้อนโต๊ะ
  4. แป้งมัน 3 ช้อนโต๊ะ

วัตถุดิบทำน้ำจิ้มซีฟู้ด 

  1. พริกขี้หนูสวน 1 ถ้วยตวง
  2. กระเทียมไทย 1 ถ้วยตวง
  3. น้ำปลา 1/2 ถ้วยตวง
  4. น้ำเชื่อม 1/2 ถ้วยตวง
  5. น้ำเปล่า 1/2 ถ้วยตวง
  6. น้ำมะนาว 1/2 ถ้วยตวง
  7. รากผักชี 3 – 4 ต้น
  8. ผักชีโรยหน้า ปริมาณตามชอบ

วัตถุดิบทำน้ำดองซีอิ๊ว

  1. น้ำผึ้ง หรือน้ำเชื่อม 1 ถ้วย 
  2. น้ำสะอาด 200 มิลลิลิตร
  3. โชยุ 200 มิลลิลิตร
  4. มิริน (เหล้าหวานญี่ปุ่น) 2 ช้อนโต๊ะ 
  5. งาขาคั่ว 2 – 3 ช้อนโต๊ะ
  6. ขิงซอย ½ ถ้วยตวง
  7. กระเทียมซอย 10 กลีบใหญ่
  8. พริกเขียวแดงซอย ½ ถ้วยตวง
  9. ต้นหอมซอย 1/2 ถ้วยตวง

ขั้นตอนการล้างกุ้ง

  1. ขั้นตอนแรกใช้กรรไกรตัดส่วนของหัวกุ้งออก และปลอกเปลือกของกุ้งออกให้เหลือเฉพาะส่วนหาง จากนั้นใช้ไม้จิ้มฟันแทงหลังกุ้งใต้เส้นดำของขี้กุ้ง และดึงเส้นดำออกมา (ใช้วิธีผ่าหลังได้ หรือใครจะใช้วิธีอื่น ๆ ก็สามารถทำได้ตามสะดวก)
  2. นำกุ้งที่เตรียมไว้ไปล้างน้ำสะอาด และใส่ลงไปในชามผสม ตามด้วยเกลือ แป้งมัน คลุกเคล้าให้เข้ากัน (เพื่อดูดซับความคาวของตัวกุ้ง) ตามด้วยการใส่โซดาลงไปพอท่วมตัวกุ้งคลุกเคล้าให้เข้ากันเล็กน้อยก่อนจะนำไปแช่พักไว้ในตู้เย็น

ขั้นตอนการทำน้ำจิ้มซีฟู้ด

  1. ใส่รากผักชี กระเทียม และพริกขี้หนูสวนลงไปในเครื่องปั่น และปั่นให้ละเอียด จากนั้นใส่น้ำปลา น้ำเชื่อม น้ำมะนาว และน้ำสะอาดลงไปปั่นส่วนผสมทุกอย่างให้เข้ากัน เสร็จแล้วตักใส่ถ้วย โรยหน้าด้วยผักชีซอยได้ตามชอบ

ขั้นตอนวิธีทำกุ้งดองเกาหลี

  1. ตั้งหม้อต้มน้ำสะอาด โซยุ มิริน น้ำผึ้ง หรือน้ำเชื่อม ทำการคนให้เข้ากันแล้วใส่ขิงซอยลงไปต้มด้วยจนน้ำเดือด และปิดเตาพักไว้ให้เย็น
  2. นำกุ้งที่แช่ไว้ออกมาล้างน้ำให้สะอาด นำไปเรียงใส่กล่องให้สวยงาม และราดด้วยน้ำดองที่เย็นสนิทแล้ว ตามด้วยกระเทียม พริก ต้นหอมซอย โรยด้วยงาขาวคั่ว สุดท้ายปิดฝาแช่เย็นไว้เป็นเวลา 4 ชั่วโมง หรือค้างคืนก่อนนำมารับประทาน เป็นอันเสร็จสิ้นขั้นตอนการทำอาหารเกาหลีของเราในบทความนี้ 

บทสรุป

หลังจากที่ได้รู้สูตรวิธีการทำ กุ้งดองซีอิ๊วเกาหลี กันไปแล้ว สูตรทำกุ้งดอง นี้ช่วยให้เนื้อกุ้งนุ่มเด้ง ไม่เหม็นคาว และอร่อยถูกใจสุด ๆ แค่ทำเองก็สามารถทานได้อย่างหนำใจ ไม่ต้องจ่ายด้วยราคาแพง และสุดท้ายเราจะขอคลายข้อสงสัยของหลาย ๆ คนว่า กุ้งดองซีอิ๊วเกาหลี เก็บได้กี่วัน กันนะ ? ขอตอบเลยว่าหากทำแล้วทานไม่หมด หรือยังไม่อยากรับประทานในทันที สามารถเก็บไว้ในตู้เย็นช่องธรรมดาได้เป็นเวลา 3 – 5 วัน และสามารถเก็บแช่ไว้ในช่องแข็งได้นานเป็นเวลาถึง 1 เดือนเลยทีเดียว

สนับสนุนโดย

PAPERINDUSTRYMAG.COM

ประวัติความเป็นมา

READ MOREREAD MORE
เสี่ยวหลงเปา

เสี่ยวหลงเปา หนึ่งในอาหารติ่มซำของจีนนับตั้งแต่ราชวงศ์ซ่งเสี่ยวหลงเปา หนึ่งในอาหารติ่มซำของจีนนับตั้งแต่ราชวงศ์ซ่ง

เสี่ยวหลงเปา หนึ่งในอาหารติ่มซำของจีนนับตั้งแต่ราชวงศ์ซ่ง
เสี่ยวหลงเปา

    หนีห่าว ทักทายกันให้ตรงคอนเซ็ปต์ตามอาหารจีนที่เราได้หยิบยกมาให้รู้จักกันในบทความนี้มีชื่อว่า “เสี่ยวหลงเปา” หรือซาลาเปาในเข่งเล็ก ภายในมีไส้หมูสับ เอกลักษณ์ของเมนูนี้เลยก็คือน้ำซุปหวานหอมที่ถูกเคี่ยวจากหนังหมู หรือหนังไก่ ผสมผสานกับวัตถุดิบชั้นดี จึงไม่น่าแปลกใจเลยที่เป็นอาหารนา ๆ ชาติที่ได้รับความนิยมจากคนในหลาย ๆ ประเทศ รวมถึงประเทศไทยของเราด้วยก็เช่นกัน ดังนั้น เราก็มีข้อมูลดี ๆ พร้อมสูตรวิธีการทำ เสี่ยวหลงเปา มาแนะนำกันแบบครบ ๆ จบในบทความเดียว 

| เสี่ยวหลงเปา อาหารนา ๆ ชาติน่าลิ้มลอง
เสี่ยวหลงเปา

     ใครที่เคยรับประทานอาหารจีนกันมาบ้างแล้ว ต้องเคยพบเคยเจอเมนูนี้ เพราะ เสี่ยวหลงเปา เป็นหนึ่งในติ่มซำของจีน มีลักษณะรูปร่างคล้ายคลึงกับซาลาเปา แต่จะมีขนาดที่เล็กกว่า ทำจากแป้งขนมปังจึงมีเนื้อแป้งบางนุ่มกว่าซาลาเปาที่ใช้แป้งสาลีหมักยีสต์หรือผงฟู เข้ากันได้เป็นอย่างดีกับเนื้อหมูหมักที่สอดใส่เป็นไส้ด้านใน พร้อมน้ำซุปรสกลมกล่อม นอกจากไส้หมูแล้วยังมีไส้อื่น ๆ ให้ได้ลิ้มลองกันด้วย ยกตัวอย่าง ไส้ผัก ไส้ถั่วแดง เป็นต้น 

ประวัติความเป็นมา

    ประวัติความเป็นมาของ เสี่ยวหลงเปา หรือจะเรียกว่าเป็นอาหารจีนโบราณเลยก็ไม่ผิด เนื่องจากเป็นอาหารที่มีต้นกำเนิดมาตั้งแต่ช่วงราชวงศ์ซางเหนือ โดยเริ่มจากเมนูที่คล้ายกันอย่าง “ซาลาเปาในน้ำซุป” จนเวลาต่อมาในช่วงราชวงศ์ชิง ก็ได้พบเจอเมนูซาลาเปาในเข่งเล็กแบบในปัจจุบันในเมืองฉางโจว และมีการปรับปรุงสูตร เสี่ยวหลงเปา ที่เป็นเอกลักษณ์ และมีความแตกต่างกันไปในแต่ละพื้นที่ ยกตัวอย่างเช่น รสชาติหวานที่เมืองอู๋ซี และรสชาติสดใหม่ที่เมืองฉางโจว แต่สิ่งที่ไม่แตกต่างกันเลยก็คือ เนื้อแป้งบาง สด รสหอมหวาน

อาหารที่มีตำนานเรื่องเล่ามากมาย

    นอกจากประวัติความเป็นมาแล้ว เสี่ยวหลงเปา ยังมีตำนานหรือเรื่องเล่าเกี่ยวกับต้นกำเนิดอยู่หลายเรื่อง เช่น หวงหมิงเซียนผู้ซึ่งเป็นเจ้าของร้านอาหารจีนในเขตนานเซียง เซี่ยงไฮ้ เป็นผู้คิดค้นสูตรเป็นคนแรกในช่วงยุค 1870 โดยมีการใส่ก้อนเจลลี่ในไส้หมูสับ จนกลายเป็นน้ำซุปอยู่ภายในไส้ และได้ตั้งชื่อเมนูอาหารว่า “นานเซียงต้าโร่วหมั่นโถว” เมื่อเขาได้วางขายก็ได้รับความนิยมอย่ามาก และเปลี่ยนชื่อเป็นชื่อในปัจจุบันที่เราได้รู้จักกัน แต่เรื่องนี้ก็เป็นเพียงตำนานที่ทำให้อาหารจีนพื้นบ้านมีเรื่องราวให้ได้จดจำมากขึ้น 

| เสี่ยวหลงเปา อาหารขึ้นชื่อของเซี่ยงไฮ้
เสี่ยวหลงเปา

     แม้ว่าจะมีหลายสูตรที่แตกต่างกันไปในแต่ละพื้นที่ในประเทศจีน แต่หากมีโอกาสได้ไปท่องเที่ยวประเทศจีนแล้วอยากรับประทาน อาหารจีนยอดนิยม สูตรที่อร่อยตามแบบฉบับต้นตำรับแท้ ๆ ต้องพุ่งเป้าไปที่เซี่ยงไฮ้ เมืองที่ผสมผสานหลากวัฒนธรรม และเต็มไปด้วยอาหารอร่อย ๆ มากมาย เพราะ เสี่ยวหลงเปา ถูกยกย่องให้เป็น อาหารเซี่ยงไฮ้ ที่ขึ้นชื่อเลยทีเดียว แน่นอนว่าใครได้ลองแล้วต่างต้องติดใจกันทุกราย

| วัตถุดิบ และขั้นตอนวิธีทำ เสี่ยวหลงเปา ในเข่งเล็ก

     ขั้นตอน วิธีทำเสี่ยวหลงเปา นั้นหากให้ประเมินความยากแล้วคงต้องให้ระดับ 5 เพราะต้องอาศัยความชำนาญ และทักษะในการทำอาหารอยู่พอตัว เพราะมีขั้นตอนการจับจีบห่อหุ้มอาหารประมาณ 18 – 20 จีบเลย ส่วนการเตรียมวัตถุดิบนั้นไม่ซับซ้อน แต่ควรเตรียมไว้ล่วงหน้า เนื่องจากต้องพักวัตถุดิบไว้เป็นเวลานาน วัตถุดิบในการทำ เสี่ยวหลงเปา สามารถแบ่งออกได้เป็น 3 ส่วน ดังนี้ 

วัตถุดิบในการทำน้ำซุปไก่
      1. เจลาติน 2 ช้อนชา
      2. น้ำเปล่าสำหรับผสมเจลาติน 2 ช้อนโต๊ะ
      3. น้ำเปล่า 300 มิลลิลิตร
      4. เนื้อหมูบดติดมัน 2 ช้อนโต๊ะ
      5. ต้นหอมหั่นท่อน 2 ต้น
      6. ขิงหั่นแว่น 3 แว่น
      7. ซีอิ๊วขาว 1 ช้อนโต๊ะ
      8. ซีอิ๊วดำ 1/8 ช้อนชา
วัตถุดิบในการทำไส้ 
      1. เนื้อหมูบดติดมัน 300 กรัม
      2. ขิงสับละเอียด 1 ช้อนโต๊ะ
      3. น้ำตาลทราย 1 ช้อนโต๊ะ
      4. ซอสหอยนางรม 1 ช้อนโต๊ะ
      5. ซีอิ๊วขาว 1 ช้อนโต๊ะ
      6. พริกไทยป่น 1 ช้อนชา
      7. น้ำมันงา 2 ช้อนชา
      8. ใบผักกาดขาวซอย 3 ใบ
      9. ต้นหอมซอย 3 ช้อนโต๊ะ
      10. แป้งข้าวโพด 2 ช้อนชา
วัตถุดิบในการทำแป้ง
      1. แป้งสาลีอเนกประสงค์ 300 กรัม
      2. แป้งเค้ก 2 ช้อนโต๊ะ
      3. เกลือ ½ ช้อนชา
      4. น้ำร้อน 150 มิลลิลิตร
      5. น้ำมันเจียว หรือน้ำมันพืชแช่เย็น 1 ช้อนชา
เสี่ยวหลงเปา
ขั้นตอนวิธีการทำน้ำซุป
      1. ขั้นตอนแรกเป็นการทำน้ำซุป ซึ่งเป็นเอกลักษณ์และหัวใจสำคัญของ เสี่ยวหลงเปา โดยเริ่มจากการ ใส่น้ำเปล่า หมูสับ ต้นหอม และขิงลงไปเคี่ยวในหม้อ ปรุงรสด้วยซีอิ๊วขาว และซีอิ๊วดำ ต่อด้วยการเคี่ยวให้ได้ที่จนน้ำซุปเดือดประมาณ 30 นาที ระหว่างนี้ให้ผสมเจลาตินกับน้ำเปล่าให้เข้ากันแล้วพักไว้ 5 นาที แล้วปรับไฟเป็นไฟอ่อนก่อนจะใส่เจลาตินที่ผสมไว้ลงไปคนให้ละลายเข้ากัน และปิดเตานำไปกรองด้วยตะแกรง
      2. นำส่วนผสมที่ผ่านการกรองเรียบร้อยแล้วใส่ลงไปในภาชนะที่มีฝาปิด และนำไปแช่ในช่องแช่แข็งเป็นเวลา 3 – 4 ชั่วโมง เพื่อให้เซทตัวกลายเป็นวุ้น เมื่อครบเวลาแล้วให้นำออกมาสับเป็นชิ้นเล็ก 
ขั้นตอนวิธีการทำไส้
      1. เตรียมชามผสมแล้วใส่เนื้อหมูบด และขิงสับลงไป ปรุงรสด้วยน้ำตาลทราย ซอสหอยนางรม ซีอิ๊วขาว น้ำมันงา และพริกไทยป่น ตามด้วยใบผักกาดขาว และต้นหอม ทำการคลุกเคล้าส่วนผสมให้เข้ากันด้วยมือ (ในขั้นตอนนี้แนะนำให้ใส่ถุงมือนะคะ)
      2. เมื่อคลุกเคล้าส่วนผสมจนเข้ากันแล้วใส่แป้งข้าวโพดลงไปคลุกเคล้าต่อ ก่อนจะนำไปแช่ตู้เย็นเป็นเวลา 3 – 4 ชั่วโมง
ขั้นตอนวิธีการทำแป้ง 
      1. ใส่แป้งสาลี แป้งเค้ก และเกลือลงไปในชามผสม ตามด้วยน้ำร้อนจัดแล้วนวดคลุกเคล้าให้เข้ากัน เมื่อส่วนผสมเริ่มจับตัวแล้วให้ใส่น้ำมันพืชลงไป ทำการนวดต่ออีก 5 นาที หรือจนกว่าส่วนผสมจะจับตัวเป็นก้อน เสร็จแล้วนำไปใส่ภาชนะห่อด้วยฟิล์มถนอมอาหาร พักไว้ 15 นาที และนำมานวดอีกครั้ง ก่อนจักแป้งไว้อีก 1 ชั่วโมง ครบเวลาแล้วนำมานวดต่ออีก 2 นาที 
      2. นวดคลึงเนื้อแป้งให้เป็นเส้นยาวขนาดพอดี และตัดให้เป็นชิ้นขนาด 25 กรัม โรยด้วยผงแป้งเพื่อไม่ให้แป้งติดมือ ก่อนจะนำมารีดให้เป็นแผ่นบางเสมอกันด้วยไม้นวดแป้ง 
| ขั้นตอนวิธีห่อเสี่ยวหลงเปา และวิธีการนึ่ง
เสี่ยวหลงเปา
    1.  นำวุ้นเจลาตินที่เตรียมไว้มาผสมคนให้เข้ากันกับไส้ จากนั้นตักไส้ใส่ลงไปกลางแผ่นห่อ ใช้นิ้วชี้และนิ้วโป้งขวาจีบขอบแป้งให้ติดกัน ส่วนนิ้วโป้งซ้ายใช้กดไส้เอาไว้ นิ้วชี้ขวาดึงแป้งด้านข้างให้มาติดกับส่วนที่จีบ พร้อมกันกับการหมุนให้เป็นวงกลม จีบไปเรื่อย ๆ เมื่อถึงจีบสุดท้ายแล้วให้บิดมือแล้วบีบแป้งให้ติดกับจีบแรก สุดท้ายบิดแป้งส่วนเกินออกเป็นอันเสร็จสิ้น 
    2. เมื่อจับจีบเสร็จแล้วให้นำไปวางเรียงกันในหม้อนึ่ง โดยรองด้วยกระดาษรองซาลาเปา หรือกระดาษไข และฉีดพรมน้ำเล็กน้อยก่อนนำไปนึ่งด้วยน้ำเดือดจัด โดยใช้เวลานึ่งประมาณ 6 นาที หรือจนกว่าจะสุกดีค่ะ
บอกต่อวิธีการรับประทานให้อร่อย

     รู้หรือไม่คะ ว่าการทาน เสี่ยวหลงเปา ให้อร่อยต้องรับประทานทันทีหลังทำเสร็จ และไม่ใช่แค่การคีบด้วยตะเกียบเข้าปากเพียงเท่านั้น ยังมีวิธีการรับประทานเพื่อให้ได้รสชาติที่อร่อยมากยิ่งขึ้น โดยเริ่มจากการใช้ตะเกียบคีบอาหารมาวางลงบนช้อน ก่อนจะใช้ปลายตะเกียบเจาะแป้งบางนุ่ม เพื่อให้น้ำซุปไหลออกมาแล้วใช้ตะเกียบคีบขึ้นมาค่อย ๆ ชิมลิ้มรสน้ำซุปในช้อนที่เป็นเอกลักษณ์อย่างช้า ๆ ต่อด้วยการกินตัวซาลาเปาชิ้นเล็กที่ปราศจากน้ำซุป วิธีการนี้อาจจะชักช้าไม่ทันใจ แต่ช่วยเพิ่มรสชาติให้ อาหารจีนอร่อย ขึ้น

บทสรุป

      เสี่ยวหลงเปา เป็นอีกหนึ่ง เมนูขึ้นชื่อของประเทศจีน ที่ได้รับความนิยมในหลาย ๆ ประเทศ และยังมีทั้งประวัติความเป็นมาที่ยาวนาน พร้อมเรื่องเล่าเกี่ยวกับอาหารให้เราได้รู้จักกันอีกมากมาย หากใครที่ยังไม่มีโอกาสได้ไปท่องเที่ยวประเทศจีน แต่หลงใหลในการ รับประทานอาหารจีน ก็สามารถนำสูตรนี้ไปลองทำทานกันที่บ้านกับครอบครัวในช่วงสถานการณ์โควิด – 19 ได้ค่ะ

ประวัติความเป็นมา

READ MOREREAD MORE
กระเพาะปลาน้ำแดง

กระเพาะปลาน้ำแดง สูตรเด็ดบอกต่อเคล็ดลับอร่อยระดับภัตตาคารกระเพาะปลาน้ำแดง สูตรเด็ดบอกต่อเคล็ดลับอร่อยระดับภัตตาคาร

กระเพาะปลาน้ำแดง สูตรเด็ดบอกต่อเคล็ดลับอร่อยระดับภัตตาคาร
กระเพาะปลาน้ำแดง

    สถานการณ์โควิดที่กำลังระบาดอยู่ในตอนนี้ทำให้ใช้ชีวิตลำบากขึ้นในหลาย ๆ เรื่อง โดยเฉพาะเรื่องการออกไปรับประทานอาหารนอกบ้านที่ต้องระวังเป็นพิเศษ เพราะต้องมีการถอดหน้ากากอนามัยระหว่างรับประทานอาหาร หากใครกำลังประสบปัญหาเหล่านี้อยู่ แนะนำให้เข้าครัวลงมือทำอาหารรับประทานด้วยตนเอง และเราก็จะพาทุกคนไปทำความรู้จัก และลงมือทำอาหารจีน “กระเพาะปลาน้ำแดง” โดยใช้สูตรการทำที่สามารถทำตามได้ง่าย แต่ความอร่อยล้นไม่แพ้เชฟทำเองเลย

| ทำความรู้จัก กระเพาะปลาน้ำแดง อาหารหรูระดับภัตตาคาร
กระเพาะปลาน้ำแดง

     เมื่อเริ่มกล่าวถึง กระเพาะปลาน้ำแดง หรือ กระเพาะปลา แล้วละก็ เชื่อว่าคงเป็นเมนูโปรดในใจของใครหลาย ๆ คน เพราะมีรสชาติที่อร่อย รับประทานง่าย ทานตอนร้อน ๆ ยิ่งรู้สึกดีเหมือนได้เพิ่มพลัง อีกทั้งยังเป็น อาหารจีน ที่มีความหลากหลายแม้ว่าหน้าตาจะคล้าย ๆ กันก็ตาม แต่หากได้ลองทานในหลาย ๆ ร้านแล้วจะสัมผัสได้ถึงความแตกต่างระหว่างร้านที่มีราคาถูกกับร้านที่มีราคาแพง แต่จะแตกต่างกันอย่างไรนั้น สามารถหาคำตอบได้ในบทความนี้ค่ะ

ที่มาของกระเพาะปลาที่ใช้ทำอาหาร

    แม้ว่า เมนูยอดนิยม นี้จะมีชื่อว่า กระเพาะปลาน้ำแดง แต่แท้จริงแล้วสิ่งที่เราคิดว่าเป็น กะเพราะปลา นั้น เป็นส่วนถุงลม หรือเรียกอีกอย่างได้ว่ากระเพาะลมของปลาที่ใช้สำหรับช่วยดำน้ำ และการลอยตัว เนื้อสัมผัสจึงมีความเหนียวนุ่ม ยืดหยุ่น อร่อย สามารถนำมาปรุงอาหารได้หลายชนิด อีกทั้งยังมีหลากหลายราคาให้ได้เลือกซื้อได้ตามราคาที่เหมาะสม ความอร่อยก็จะแตกต่างกันตามไปด้วย ยกตัวอย่าง กะเพราะที่ได้จากปลาน้ำลึกจะมีราคาแพงมาก ส่วนปลาที่มีราคาถูก และเราได้รับประทานกันบ่อย ๆ คือปลากะพง

กระเพาะปลาที่นิยมใช้ทำเมนูนี้มีกี่ประเภท ? 

    เราสามารถแบ่งกระเพาะปลาที่นำมาใช้ทำ กระเพาะปลาน้ำแดง ได้สองประเภท ซึ่งประเภทแรกนี้เรารับประทานกันอยู่เป็นประจำ มีราคาถูก หาทานได้ทั่วไป คือ กระเพาะปลาแห้ง ลักษณะพอง เพราะผ่านการทอดกรอบมาแล้ว , ประเภทที่สองเป็น กระเพาะปลาสด ลักษณะเป็นแผ่นแข็ง มีสีเหลือง รสชาตินั้นอร่อยกว่าประเภทแรกหลายเท่า แต่ก็ต้องแลกมาด้วยราคาที่สูงขึ้นหลายเท่าด้วยเช่นกัน บางชนิดนั้นมีราคาสูงถึงหลักล้านเลยทีเดียว และที่สำคัญยิ่งเก็บไว้นานยิ่งมีราคาสูงขึ้น จึงนิยมนำมาทำขายในภัตตาคารเท่านั้น 

กระเพาะปลาน้ำแดง
ประโยชน์ คุณค่าทางโภชนาการ

    การรับประทาน กระเพราะปลาน้ำแดง ในปริมาณที่เหมาะสมนั้นมีส่วนช่วยให้ร่างกายของเราแข็งแรงมากขึ้น ข้อมูลจากผลการศึกษาคุณค่าทางโภชนาการของ ส่วนผสมกระเพาะปลา พบว่าวัตถุดิบหลักอย่าง กระเพาะปลาแบบแห้ง ขนาด 100 กรัม มีสารอาหารสำคัญที่ดีต่อร่างกาย คือ มีโปรตีน 84.4 กรัม แคลเซียม 50 มิลลิกรัม ไขมัน 0.2 กรัม ฟอสฟอรัส 29 มิลลิกรัม และธาตุเหล็ก 2.6 กรัม ซึ่งสารอาหารเหล่านี้จะช่วยบำรุงร่างกายของเราในทุก ๆ ส่วน ดังนั้น การทานกระเพาะปลาจึงเหมาะกับคนทุกเพศทุกวัย 

สรรพคุณทางยา

     คนจีนมีความเชื่อที่ส่งต่อกันมารุ่นสู่รุ่นว่า “อาหารเป็นยา” อาหารจีนส่วนใหญ่จึงเป็นอาหารที่มีประโยชน์ และดีต่อร่างกาย กระเพาะปลาเป็นสมุนไพร ชนิดหนึ่งของจีน สรรพคุณมีมากมาย เช่น บำรุงกล้ามเนื้อ และข้อต่อ ห้ามเลือด ลดบวม บำรุงไต ฯลฯ ยิ่งถูกเก็บไว้เป็นเวลานาน ยิ่งมีคุณค่า หากจะทานเพื่อสุขภาพต้องเลือกทานกระเพาะปลาเก่าที่มีคอเลสเตอรอลน้อย มีฤทธิ์ยาเข้มข้น ช่วยบำรุงเลือด แก้ไขอาการเลือดพร่อง ฯลฯ ซึ่งโดยรวมแล้วมีสรรพคุณที่ดี และมากกว่า กระเพาะปลาน้ำแดง 

| กระเพาะปลาน้ำแดง อาหารที่สามารถรังสรรค์ได้หลากหลายสูตร 
กระเพาะปลาน้ำแดง

    ด้วยความที่เป็นอาหารที่ได้รับความนิยม จึง สูตรทำกระเพาะปลา อยู่หลายสูตรมาก ๆ ใครที่ชอบทานเมนูนี้เป็นชีวิตจิตใจจะรู้เป็นอย่างดี ซึ่งแต่ละสูตรก็จะมีการเลือกใช้วัตถุดิบที่แตกต่างกัน เราจึงจะขอยกตัวอย่างสูตรการทำ กระเพาะปลาน้ำแดง มาบอกเล่าถึงความแตกต่างให้ทุกคนได้รู้จักกันให้มากขึ้น

กระเพาะปลาน้ำแดงโต๊ะจีน 

     สูตร กระเพาะปลาโต๊ะจีน เป็นสูตรเริ่มต้นที่เปิดโลกของหลาย ๆ คนให้ได้ลองทาน จะเป็นสูตรที่มีต้นทุนต่ำ และทำง่ายที่สุด เพราะต้องทำเป็นจำนวนมาก จึงใช้กระเพาะปลาแห้งในปริมาณที่เยอะ และใส่วัตถุดิบอื่น ๆ ลงไปผสมผสานด้วย ส่วนซิกเนเจอร์คือน้ำซุป จะอร่อย หรือไม่อร่อยขึ้นอยู่กับน้ำซุปเป็นสิ่งสำคัญ

กระเพาะปลาสูตรโบราณ

     เป็นสูตรที่ทำให้ฮ่องเต้รับประทานแบบต้นฉบับแท้ ๆ ที่หาทานได้ยากแล้วในประเทศไทย เป็นสูตรที่เน้นสมุนไพรบำรุงร่างกายแบบจัดเต็ม ทั้งในน้ำซุป และในส่วนของกระเพาะปลาด้วย ทำให้ใช้เวลาในการทำค่อนข้างนานกว่าสูตรอื่น ๆ และมักจะมีราคาสูงกว่าสูตรอื่น ๆ เช่น กระเพาะปลาตุ๋นยาจีน 

กระเพาะปลาสูตรภัตตาคาร

     จริง ๆ แล้วสูตรนี้ก็สามารถแบ่งแยกได้หลากหลายมาก ๆ แต่ส่วนใหญ่เลยก็คือจะใช้กระเพาะปลาสดที่มีราคาสูง และวัตถุดิบชั้นดีเยี่ยมเหมาะสมกับราคา ปรุงรสด้วยเชฟที่มีความชำนาญ จึงมั่นใจได้เลยว่าคุ้มค่ากับราคาที่จ่ายไปอย่างแน่นอน

กระเพาะปลาน้ำแดง
| ขั้นตอนวิธีการทำกระเพาะปลาน้ำแดง

    นึกอยากทาน กระเพาะปลาน้ำแดง ในประเทศไทย ต้องนึกถึงกระเพาะปลาเยาวราชเป็นอันดับแรก เพราะมีร้านขายกระเพาะปลาอยู่เยอะมาก ๆ โดยแต่ละร้านก็มีสูตรการทำซึ่งเป็นเคล็ดลับความอร่อยที่แตกต่างกัน หากใครที่ยังไม่มีโอกาสได้ไป เราก็มีขั้นตอนวิธีการทำกระเพาะปลาให้อร่อย ไม่แพ้กระเพาะปลาน้ำแดงเยาวราช หรือภัตตาคาร อีกทั้งยังสามารถทำได้ง่าย ๆ ไม่มากมายขั้นตอน ทำทานเองได้ ทำขายก็ได้เช่นเดียวกัน ดังนั้น มาดูวัตถุดิบที่ต้องเตรียมให้พร้อมก่อนลงมือทำเมนู  กระเพาะปลาน้ำแดง กันเลย 

วัตถุดิบ
  1. กระเพาะปลาแห้ง 90 กรัม
  2. ปีกไก่บน หรือเนื้อไก่ส่วนอื่น ๆ 700 กรัม
  3. ซุปไก่ก้อน 1 ก้อน
  4. น้ำเปล่า 2 ลิตร
  5. เห็ดหอมแช่น้ำให้นิ่ม หั่นชิ้น 1/2 ถ้วย
  6. พริกไทยป่น 1 ช้อนชา
  7. น้ำมันหอย 2 ช้อนโต๊ะ
  8. รากผักชี 2-3 ราก
  9. ซอสปรุงรส 2 ช้อนโต๊ะ
  10. น้ำตาลทราย 1 ช้อนชา 
  11. ซีอิ๊วขาว 2 ช้อนโต๊ะ
  12. เหล้าจีน 1 ช้อนโต๊ะ
  13. ไข่ต้ม หรือไข่นกกระทา 
  14. แป้งมัน 3 ช้อนโต๊ะ
  15. ผักชีซอย 1/2 ถ้วย
  16. ขิงซอย 4-5 แว่น
  17. น้ำส้มสายชู 1 ช้อนโต๊ะ
กระเพาะปลาน้ำแดง
ขั้นตอนวิธีการทำ
  1. ขั้นตอนแรกใส่น้ำตั้งหม้อให้เดือดแล้วใส่น้ำส้มสายชู และขิงลงไป เพื่อลดกลิ่นคาวของกระเพาะปลา ตามด้วยการใส่กระเพาะปลาลงไปต้มประมาณ 10 นาที หรือจะจนกว่านิ่ม จากนั้นนำไปล้างน้ำให้สะอาดสองรอบ และบีบน้ำออกจนกว่าจะแห้ง ก่อนจะนำมาหั่นชิ้นพอดีคำ
  2. ตั้งหม้อต้มน้ำให้เดือด ใส่รากผักชี ปรุงรสด้วยซีอิ๊วขาว ซอสปรุงรส น้ำมันหอย น้ำตาลทราย และพริกไทยป่นลงไป จากนั้นใส่น่องไก่ลงไปต้มให้เดือดจนเนื้อไก่สุกดี จากนั้นใส่เห็ดหอม และกระเพาะปลาลงไป คนเล็กน้อยแล้วใส่เหล้าจีนลงไปต้มต่อเป็นเวลา 20 – 30 นาที
  3. เตรียมแป้งมัน โดยเริ่มจากการผสมน้ำสะอาด และแป้งมันเข้าด้วยกัน การใส่แป้งมันลงไปในอาหารจะช่วยให้น้ำซุปข้นขึ้น
  4. นำแป้งมันที่เตรียมไว้ทยอยใส่ทีละนิดแล้วคนจนกว่าจะได้ความข้นตามที่ต้องการ เมื่อแป้งสุกดีแล้วปิดเตา ตักใส่จาน จัดแต่งหน้าอาหารให้สวยงามด้วยไข่ต้ม และผักชี จัดเสิร์ฟได้เลยค่ะ
บทสรุป

      หลังจากจบบทความนี้หลายคนคงรู้จักกับ กระเพาะปลาน้ำแดง กันมากขึ้นในหลาย ๆ เรื่องที่เราได้รวบรวมมาบอกต่อกัน และคงได้รู้กันแล้วว่าการทำกระเพาะปลาน้ำแดงให้อร่อยนั้นไม่ใช่เรื่องยาก สามารถทำทานได้เอง โดยใช้สูตรอาหารง่าย ๆ ที่เราแนะนำไปในข้างต้น โดยสูตรนี้สามารถนำไปปรับเพิ่ม หรือลดวัตถุดิบได้ตามชอบ ทำเองทานเอง อยากใส่อะไรก็สามารถใส่ได้ตามชอบ เครื่องแน่น ๆ น้ำซุปข้น ๆ รับรองว่าอร่อยถูกใจจนต้องทำทานซ้ำกันเลยทีเดียว

ประวัติความเป็นมา

READ MOREREAD MORE
อาหารอิตาลี

OSSOBUCO อาหารอิตาลีเมนูสุดเลิฟของคนรักเนื้อวัวOSSOBUCO อาหารอิตาลีเมนูสุดเลิฟของคนรักเนื้อวัว

OSSOBUCO อาหารอิตาลีเมนูสุดเลิฟของคนรักเนื้อวัว
อาหารอิตาลี

    อาหารอิตาลี ถือเป็นอาหารที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในโลก ด้วยความที่มีความหลากหลาย และมีความอร่อยแบบดั้งเดิมแตกต่างจากอาหารชาติอื่น ๆ อย่างเห็นได้ชัด เมนูที่เรารู้จักกันเป็นอย่างดีก็คงหนีไม่พ้น พิซซ่า แต่ในวันนี้เราจะขอเอาใจคนรักเนื้อวัวด้วยเมนูอาหารที่มีชื่อว่า OSSOBUCO หรือ ออสโซบูโก อาหารยอดนิยมที่ใครได้ทานก็ต่างติดใจกันทุกราย

| วัตถุดิบที่ใช้ในการทำ OSSOBUCO อาหารอิตาลียอดนิยม
อาหารอิตาลี

     ก่อนจะไปเรียนรู้วัตถุดิบ และวิธีการทำ OSSOBUCO เราจะขอบอกเล่าถึงที่มาของ อาหารอิตาลี จานนี้ให้ได้รู้กันก่อน เริ่มจากชื่ออาหารที่จริง ๆ แล้วในประเทศอิตาลีจะเรียกเมนูนี้กันว่า OSSI BUCHI ซึ่งหมายถึงอาหารจานเดียวกัน และเป็นอาหารที่มีต้นกำเนิดจากเมืองมิลาน โดยการใช้เนื้อวัว หรือเนื้อแกะเป็นวัตถุดิบหลัก อีกทั้งยังสามารถแบ่งออกได้เป็นสองแบบ คือแบบดั้งเดิมที่ไม่ใส่มะเขือเทศ และแบบสมัยใหม่ที่มีการใส่มะเขือเทศลงไปเพิ่มรสชาติให้อร่อยมากยิ่งขึ้น 

วัตถุดิบในการทำ OSSOBUCO
  1. เนื้อวัวส่วนหน้าแข้ง 2 ชิ้น 
  2. ขึ้นฉ่ายหั่นชิ้น 1 ต้น 
  3. มะเขือเทศสุกปลอกเปลือก และสับ 2 ลูก 
  4. แครอทหั่นชิ้น 1 หัว
  5. หอมใหญ่หั่นชิ้น 1/2 หัว 
  6. เนย 100 กรัม 
  7. ผักชีฝรั่งสับ 1 ถ้วย 
  8. กระเทียมสับ 1 ช้อนชา 
  9. แป้งตราว่าว ½ ถ้วยตวง
  10. ผิวมะนาวขูดละเอียด ½ ลูก 
  11. เกลือ ½ ช้อนชา
  12. พริกไทยปริมาณตามชอบ
  13. ไวน์ขาว 1 ถ้วย
อาหารอิตาลี
ขั้นตอนวิธีการทำ OSSOBUCO

     สำหรับเมนู อาหารอิตาลี เมนูนี้มีวิธีการทำไม่มากขั้นตอน แต่ค่อนข้างใช้เวลานาน จึงต้องอาศัยความใจเย็นพิถีพิถันในการทำ เพื่อให้ได้ ออสโซบูโก ที่นุ่มอร่อย เมื่อได้รับประทานแล้วจะรู้ว่าคุ้มค่ากับการรอคอยแน่นอน และหากอยากรับประทาน อาหารสไตล์อิตาเลี่ยน ให้ได้อรรถรสอย่างแท้จริง แนะนำให้เตรียมไวน์แดงสักขวดมาไว้รับประทานคู่กัน รับรองได้เลยว่าอร่อยเข้ากันเป็นอย่างดี

  1. ขั้นตอนแรกตั้งกระทะด้วยไฟอ่อน ใส่เนยลงไปรอให้ละลาย ระหว่างรอให้นำเนื้อวัวไปชุบแป้งตราว่าวให้ทั่ว แล้วนำไปทอดในกระทะ โรยด้วยเกลือ และพริกไทย 
  2. ใส่ไวน์ขาวลงไปในกระทะแล้วทอดเนื้อด้วยไฟกลางค่อนอ่อน รอจนกว่าไวน์จะแห้ง หรือเปลี่ยนเป็นสีน้ำตาล หลังจากนั้นให้ใส่แครอท หอมใหญ่ และขึ้นฉ่ายลงไปทอดต่อจนผักเริ่มนิ่ม 
  3. ลดไฟลงเป็นไฟอ่อนแล้วใส่มะเขือเทศลงไปทอดต่อเป็นเวลา 1 ชั่วโมง 30 นาที (ในขั้นตอนนี้หากแห้งเกินไปสามารถเติมน้ำเปล่าลงไปเพิ่มได้)
  4. นำผักชีฝรั่ง กระเทียม และผิวมะนาวคลุกเคล้าให้เข้ากันในชามผสม
  5. เมื่อเนื้อสุกได้ที่แล้วให้ตักใส่จาน โรยหน้าด้วยส่วนผสมที่เตรียมไว้ในขั้นตอนที่ 4 เป็นอันเสร็จสิ้น พร้อมจัดเสิร์ฟ รับประทานได้เลยค่ะ

READ MOREREAD MORE
อาหารฝรั่งเศส

CONFIT DE CANARD อาหารฝรั่งเศสสุดคลาสสิค  CONFIT DE CANARD อาหารฝรั่งเศสสุดคลาสสิค  

CONFIT DE CANARD อาหารฝรั่งเศสสุดคลาสสิค 
อาหารฝรั่งเศส

    หากพูดถึงประเทศฝรั่งเศส หลายคนคงจะนึกถึงหอไอเฟลที่เป็นสัญลักษณ์ของประเทศ แต่อีกหนึ่งสิ่งที่ขึ้นชื่อไม่แพ้กันเลยก็คือ อาหารฝรั่งเศส ที่ได้รับความนิยมไปทั่วโลก ทั้งอาหารคาวหลากเมนู และอาหารหวานอย่างเบเกอรี่ ซึ่งอาหารของประเทศนี้ก็มีความแตกต่างกันไปในแต่ละพื้นที่ แปรเปลี่ยนไปตามวัฒนธรรม และวัตถุดิบที่หาได้ง่ายในพื้นที่นั้น ๆ เราจึงได้นำอาหารสุดคลาสสิคของประเทศฝรั่งเศสที่มีชื่อว่า CONFIT DE CANARD หรือ กงฟีเป็ด มาบอกต่อสูตรให้ได้ลองทำรับประทานกันแบบง่าย ๆ

| วัตถุดิบที่ใช้ในการทำ CONFIT DE CANARD อาหารฝรั่งเศสจากเนื้อน่องเป็ด
อาหารฝรั่งเศส

     CONFIT DE CANARD หรือ กงฟีเป็ด เมนูเด็ดที่คนชอบทานเนื้อเป็ดต้องไม่พลาดที่จะลิ้มลองกันให้ได้ รสชาติอร่อย เนื้อกรอบนอกนุ่มใน จนกลายเป็นเมนูซิคเนเจอร์ของร้าน อาหารฝรั่งเศส หลาย ๆ ร้าน เป็นเมนูอาหารสุดคลาสสิคที่ใช้วัตถุดิบในการทำเพียงไม่กี่อย่าง และยังสามารถหาซื้อได้ง่ายในประเทศไทย ดังนี้

วัตถุดิบในการทำ CONFIT DE CANARD หรือ กงฟีเป็ด
  1. น่องเป็ด 2 ชิ้น
  2. เกลือสมุทร 1 ช้อนชา 
  3. พริกไทยดำเม็ด 2 ช้อนชา
  4. ไธม์สับ 1 ช้อนโต๊ะ 
  5. เบย์ลีฟ 2 ใบ 
  6. โรสแมรี่ 1 กำ
  7. กระเทียมสับ ½ ช้อนโต๊ะ
อาหารฝรั่งเศส
ขั้นตอนวิธีการทำCONFIT DE CANARD หรือ กงฟีเป็ด

     สำหรับขั้นตอนในการทำ อาหารฝรั่งเศส เมนูนี้จะใช้วิธีการ กงฟี หรือ CONFIT ซึ่งเป็นกรรมวิธีการปรุงอาหารของฝรั่งเศสที่ช่วยถนอมอาหารให้เก็บไว้รับประทานได้นานขึ้น ด้วยการหมักกับสมุนไพร และไวน์ขาวแล้วนำไปตุ๋นด้วยอุณหภูมิต่ำ จนสุกช้า ๆ และเสียความชุ่มชื้นเพียงเล็กน้อยเท่านั้น เมื่อเราต้องการจะรับประทาน CONFIT DE CANARD ก็สามารถนำออกจากตู้เย็นมาทอดรับประทานได้ทันที

  1. ขั้นตอนแรกนำเกลือสมุทรโรยให้ทั่วน่องเป็ด ตามด้วยพริกไทยดำ ไธม์ เบย์ลีฟ โรสแมรี่ และกระเทียมสับ ทำการหมักคลุกเคล้าให้เข้ากันกับน่องเป็ด ห่อด้วยฟิล์มถนอมอาหารแล้วนำไปแช่ไว้ในตู้เย็น 1 คืน หรือ 24 ชั่วโมง เพื่อให้ส่วนผสมเข้าเนื้อ
  2. เมื่อรอจนครบเวลาแล้วให้หั่นน่องเป็ดส่วนที่เป็นมันออกมาเป็นชิ้นเล็ก ๆ แล้วนำไปตั้งกระทะเจียวด้วยไฟอ่อน จากนั้นนำไปกรองแยกน้ำมันออกมาเตรียมไว้ทำขั้นตอนต่อไป
  3. นำน่องเป็ดมาล้างน้ำให้สะอาด เพื่อไม่ให้เค็มจนเกินไป และพักไว้ให้สะเด็ดน้ำแล้วใช้ทิชชู่ที่ไม่มีขุยซับน้ำออกให้แห้ง 
  4. ใส่น่องเป็ดลงไปในหม้อ ราดด้วยน้ำมันเป็ดที่เตรียมไว้ให้ท่วมชิ้นเนื้อแล้วคลุมด้วยกระดาษไข ปิดฝาหม้อแล้วนำไปตุ๋นด้วยไฟอ่อนเป็นเวลา 2 ชั่วโมง หรือจนกว่าเป็ดจะสุกจนนุ่ม 
  5. หลังจากตุ๋นน่องเป็ดจนครบเวลาแล้วให้นำออกมาพักไว้ให้เย็นบนตะแกรง จากนั้นนำไปใส่ภาชนะที่มีฝาปิด และใช้ตะแกรงกรองน้ำมันส่วนที่เหลือแล้วนำมาราดลงบนน่องเป็ดให้ท่วม เสร็จแล้วทำการปิดฝา นำไปพักไว้ในตู้เย็น
  6. นำน่องเป็ดไปทอดในน้ำมันด้วยไฟแรง จนหนังด้านนอกกรอบเหลืองแล้วนำออกมาจัดใส่จาน เสิร์ฟพร้อมมันฝรั่งทอด และซอสครีมกระเทียม

READ MOREREAD MORE
อาหารฝรั่งเศส

BOEUF BOURGUIGNON สตูว์เนื้อตุ๋นไวน์แดง อาหารฝรั่งเศสทำง่ายBOEUF BOURGUIGNON สตูว์เนื้อตุ๋นไวน์แดง อาหารฝรั่งเศสทำง่าย

BOEUF BOURGUIGNON สตูว์เนื้อตุ๋นไวน์แดง อาหารฝรั่งเศสทำง่าย
อาหารฝรั่งเศส

    BOEUF BOURGUIGNON หรือสตูว์เนื้อตุ๋นไวน์แดง อาหารฝรั่งเศส แบบดั้งเดิมที่ได้มีหลักฐานการคิดค้นครั้งแรกในศตวรรษที่ 19 ในแคว้นเบอร์กันดี พื้นที่นี้จะนิยมปลูกองุ่นเอาไว้สำหรับทำไวน์ และได้มีการนำไวน์มาเป็นหนึ่งในวัตถุดิบของเมนูอาหาร เวลารับประทานจะทำให้ได้รับกลิ่นหอม และรสชาติของไวน์แดงที่ซึมลงไปในเนื้อที่เปื่อยนุ่ม จนแทบจะละลายในปาก เพราะผ่านการสตูว์มาเป็นเวลานาน และต่อมาก็ได้กลายเป็นอาหารที่มีชื่อเสียงโด่งดังไปทั่วโลก 

| วัตถุดิบที่ใช้ในการทำสตูว์เนื้อตุ๋นไวน์แดง อาหารฝรั่งเศสที่มีประโยชน์
อาหารฝรั่งเศส

     สำหรับ อาหารฝรั่งเศส เมนูนี้จะใช้ผักมากมายเป็นวัตถุดิบในการทำ ซึ่งแน่นอนว่าการรับประทานผักนั้นมีประโยชน์ เวลาที่เราได้รับประทาน สตูว์เนื้อตุ๋นไวน์แดง จึงได้รับสารอาหารที่ดีต่อสุขภาพตามไปด้วย อีกทั้งไวน์แดงยังมีประโยชน์ต่อร่างกาย เช่น มีสารต้านอนุมูลอิสระช่วยชะลอวัย ลดความเสี่ยงของโรคหัวใจ ฯลฯ จึงถือได้ว่าเป็น อาหารต่างประเทศ ที่มีประโยชน์ และน่าลิ้มลองไม่น้อย หากใครไม่ทานเนื้อวัวก็สามารถเลือกใช้เนื้อสัตว์อื่น ๆ ได้ตามชอบ

วัตถุดิบในการทำสตูว์เนื้อตุ๋นไวน์แดง
  1. เนื้อวัวส่วนขาหลังหั่นชิ้น 1 กิโลกรัม 
  2. หอมใหญ่หั่นชิ้น 200 กรัม
  3. มะเขือเทศเอาเมล็ดออก และหั่นชิ้น 200 กรัม 
  4. มันฝรั่งปลอกเปลือก 700 กรัม
  5. มะเขือเทศเข้มข้น 1 ช้อนโต๊ะ 
  6. แครอทปลอกเปลือกหั่นชิ้น 200 กรัม
  7. กระเทียมใหญ่ปลอกเปลือก 2 กลีบ
  8. ต้นขึ้นฉ่าย 10 กรัม
  9. ใบกระวาน 3 ใบ
  10. น้ำสต๊อกเนื้อ 800 มิลลิลิตร
  11. ไวน์แดง 150 มิลลิลิตร
  12. เกลือ 2 ช้อนชา
  13. พริกไทยดำป่นปริมาณตามชอบ
  14. น้ำมันมะกอกสำหรับหมักเนื้อ
อาหารฝรั่งเศส
ขั้นตอนวิธีการทำสตูว์เนื้อตุ๋นไวน์แดง

     การทำ สตูว์เนื้อตุ๋นไวน์แดง ในยุคแรกเริ่มจะมีการนำเนื้อมาหมักกับไวน์แดงไว้ค้างคืน เพื่อลดความเหนียวของเนื้อวัว ก่อนจะนำไปอบในเตาขนมปัง หรือหม้อเหล็กหล่อเป็นเวลาหลายชั่วโมง แต่ในปัจจุบันก็ได้มีเครื่องมืออำนวยสะดวกใน การทำอาหาร เข้ามาช่วยทุ่นเวลา ทำให้สามารถทำ อาหารฝรั่งเศส เมนูนี้ได้โดยใช้เวลาเพียงไม่กี่ชั่วโมงเท่านั้น และหากใครอยากลองทานก็สามารถนำวิธีการทำรับประทานกันได้ง่าย ๆ ที่บ้าน 

  1. ขั้นตอนแรกทำการหมักเนื้อ โดยเริ่มจากการนำเนื้อใส่ชามผสม โรยด้วยเกลือ และพริกไทยป่น ทำการคลุกเคล้าให้เข้าเนื้อแล้วใส่น้ำมันมะกอกลงไปคลุกเคล้าให้เข้ากันอีกรอบ 
  2. ตั้งกระทะด้วยไฟแรงรอให้ร้อนแล้ววางเนื้อลงไปทอดให้สุกเท่ากันทั้งสองด้าน
  3. ใส่เนื้อที่ทอดเสร็จแล้วลงไปในหม้อด้วยไฟกลาง ตามด้วยมะเขือเทศเข้มข้นลงไปผัดให้เข้ากัน จากนั้นราดไวน์แดงลงไปแล้วผัดอีกครั้ง ปรับเป็นไฟอ่อน ปิดฝาหม้อแล้วทิ้งไว้สักครู่
  4. ตั้งกระทะด้วยไฟแรง ใส่มันฝรั่ง แครอท หอมใหญ่ ขึ้นฉ่าย และกระเทียมลงไปผัดให้หอม ก่อนจะนำไปใส่ลงในหม้อที่ตุ๋นเนื้อเอาไว้ ตามด้วยมะเขือเทศ ใบกระวาน และน้ำสต๊อกเนื้อ ปรับไฟกลาง ปิดฝาหม้อตุ๋นต่อ
  5. เมื่อน้ำซุปเดือดแล้วให้ปรับเป็นไฟอ่อน และปิดฝาหม้อตุ๋นต่อเป็นเวลา 1 – 2 ชั่วโมง หรือจนกว่าเนื้อ และผักจะสุกนิ่มได้ที่แล้วตักใส่จานจัดเสิร์ฟได้เลย

READ MOREREAD MORE