OSSOBUCO อาหารอิตาลีเมนูสุดเลิฟของคนรักเนื้อวัว
อาหารอิตาลี

    อาหารอิตาลี ถือเป็นอาหารที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในโลก ด้วยความที่มีความหลากหลาย และมีความอร่อยแบบดั้งเดิมแตกต่างจากอาหารชาติอื่น ๆ อย่างเห็นได้ชัด เมนูที่เรารู้จักกันเป็นอย่างดีก็คงหนีไม่พ้น พิซซ่า แต่ในวันนี้เราจะขอเอาใจคนรักเนื้อวัวด้วยเมนูอาหารที่มีชื่อว่า OSSOBUCO หรือ ออสโซบูโก อาหารยอดนิยมที่ใครได้ทานก็ต่างติดใจกันทุกราย

| วัตถุดิบที่ใช้ในการทำ OSSOBUCO อาหารอิตาลียอดนิยม
อาหารอิตาลี

     ก่อนจะไปเรียนรู้วัตถุดิบ และวิธีการทำ OSSOBUCO เราจะขอบอกเล่าถึงที่มาของ อาหารอิตาลี จานนี้ให้ได้รู้กันก่อน เริ่มจากชื่ออาหารที่จริง ๆ แล้วในประเทศอิตาลีจะเรียกเมนูนี้กันว่า OSSI BUCHI ซึ่งหมายถึงอาหารจานเดียวกัน และเป็นอาหารที่มีต้นกำเนิดจากเมืองมิลาน โดยการใช้เนื้อวัว หรือเนื้อแกะเป็นวัตถุดิบหลัก อีกทั้งยังสามารถแบ่งออกได้เป็นสองแบบ คือแบบดั้งเดิมที่ไม่ใส่มะเขือเทศ และแบบสมัยใหม่ที่มีการใส่มะเขือเทศลงไปเพิ่มรสชาติให้อร่อยมากยิ่งขึ้น 

วัตถุดิบในการทำ OSSOBUCO
  1. เนื้อวัวส่วนหน้าแข้ง 2 ชิ้น 
  2. ขึ้นฉ่ายหั่นชิ้น 1 ต้น 
  3. มะเขือเทศสุกปลอกเปลือก และสับ 2 ลูก 
  4. แครอทหั่นชิ้น 1 หัว
  5. หอมใหญ่หั่นชิ้น 1/2 หัว 
  6. เนย 100 กรัม 
  7. ผักชีฝรั่งสับ 1 ถ้วย 
  8. กระเทียมสับ 1 ช้อนชา 
  9. แป้งตราว่าว ½ ถ้วยตวง
  10. ผิวมะนาวขูดละเอียด ½ ลูก 
  11. เกลือ ½ ช้อนชา
  12. พริกไทยปริมาณตามชอบ
  13. ไวน์ขาว 1 ถ้วย
อาหารอิตาลี
ขั้นตอนวิธีการทำ OSSOBUCO

     สำหรับเมนู อาหารอิตาลี เมนูนี้มีวิธีการทำไม่มากขั้นตอน แต่ค่อนข้างใช้เวลานาน จึงต้องอาศัยความใจเย็นพิถีพิถันในการทำ เพื่อให้ได้ ออสโซบูโก ที่นุ่มอร่อย เมื่อได้รับประทานแล้วจะรู้ว่าคุ้มค่ากับการรอคอยแน่นอน และหากอยากรับประทาน อาหารสไตล์อิตาเลี่ยน ให้ได้อรรถรสอย่างแท้จริง แนะนำให้เตรียมไวน์แดงสักขวดมาไว้รับประทานคู่กัน รับรองได้เลยว่าอร่อยเข้ากันเป็นอย่างดี

  1. ขั้นตอนแรกตั้งกระทะด้วยไฟอ่อน ใส่เนยลงไปรอให้ละลาย ระหว่างรอให้นำเนื้อวัวไปชุบแป้งตราว่าวให้ทั่ว แล้วนำไปทอดในกระทะ โรยด้วยเกลือ และพริกไทย 
  2. ใส่ไวน์ขาวลงไปในกระทะแล้วทอดเนื้อด้วยไฟกลางค่อนอ่อน รอจนกว่าไวน์จะแห้ง หรือเปลี่ยนเป็นสีน้ำตาล หลังจากนั้นให้ใส่แครอท หอมใหญ่ และขึ้นฉ่ายลงไปทอดต่อจนผักเริ่มนิ่ม 
  3. ลดไฟลงเป็นไฟอ่อนแล้วใส่มะเขือเทศลงไปทอดต่อเป็นเวลา 1 ชั่วโมง 30 นาที (ในขั้นตอนนี้หากแห้งเกินไปสามารถเติมน้ำเปล่าลงไปเพิ่มได้)
  4. นำผักชีฝรั่ง กระเทียม และผิวมะนาวคลุกเคล้าให้เข้ากันในชามผสม
  5. เมื่อเนื้อสุกได้ที่แล้วให้ตักใส่จาน โรยหน้าด้วยส่วนผสมที่เตรียมไว้ในขั้นตอนที่ 4 เป็นอันเสร็จสิ้น พร้อมจัดเสิร์ฟ รับประทานได้เลยค่ะ