หมวดหมู่: อาหารนานาชาติ

กิมจิผักกาดขาว

กิมจิผักกาดขาวกิมจิผักกาดขาว

กิมจิผักกาดขาว
อาหารเกาหลี

     ประเทศเกาหลีเป็นประเทศที่รับประทานข้าวเป็นอาหารหลักเช่นเดียวกันกับประเทศไทย แต่สิ่งที่ทำให้อาหารการกินแตกต่างกันก็เห็นจะเป็นสภาพภูมิอากาศ วัฒนธรรม วิถีการดำเนินชีวิต และปัจจัยอื่น ๆ โดยคนเกาหลีนั้นจะนิยมทานผักมากกว่าเนื้อ เห็นได้ชัดจากอาหารเกาหลีมักจะมีผักเป็นส่วนประกอบหลัก และเป็นเครื่องเคียงมากมาย เนื่องจากวัฒนธรรมการรับประทานอาหารที่ปลูกฝังกันมาตั้งแต่เด็ก ส่งผลให้อาหารเกาหลีเป็นอาหารที่มีคุณค่าทางโภชนาการมากมาย หรือจะเรียกง่าย ๆ ว่ายาในชีวิตประจำวันก็ได้ เพราะคนเกาหลีนั้นมักจะใช้อาหารเป็นยาในการป้องกัน และรักษาโรค และเอกลักษณ์อีกหนึ่งอย่างของอาหารเกาหลีก็คือ อาหารมีลักษณะเป็นหยิน – หยาง ตามหลักแพทย์แผนจีนนั้นหมายถึง การประกอบไปด้วยสองด้านที่ต้องพึ่งพาอาศัยกัน จึงรับประทานอาหารเพื่อรักษาสมดุลของร่างกาย เช่น เมื่ออากาศหนาว จะกินอาหารร้อน เพื่อช่วยให้ร่างกายอบอุ่น 

     ในปัจจุบันวัฒนธรรมเกาหลีได้เข้ามามีอิทธิพลในประเทศไทยเป็นอย่างมาก โดยซีรีส์ เพลง ศิลปินเกาหลี หรือแม้แต่ศิลปินไทยที่ไปโด่งดังในเกาหลี เช่น ลิซ่า BLACKPINK , แบมแบม GOT 7 เป็นต้น และปัจจัยอื่น ๆ ซึ่งเราก็ได้รับวัฒนธรรมเหล่านั้นมาแบบเต็ม ๆ ทั้งในเรื่อง การท่องเที่ยว , การแต่งหน้า , การแต่งกาย , การศัลยกรรม , ภาษา ฯลฯ รวมถึงอาหารเกาหลีก็เช่นกัน เห็นได้จากร้านอาหารเกาหลีที่มีอยู่อย่างมากมายในประเทศไทย และยังได้รับความนิยมอย่างล้นหลาม และต่อเนื่อง จากกระแสเกาหลีฟรีเวอร์

     ในตอนนี้เราก็มีอาหารเกาหลีที่หลาย ๆ คนต้องรู้จัก และเคยเห็นกันมาบ้างจากในซีรีส์ที่เราดูกันเป็นประจำ เพราะเป็นอาหารขึ้นชื่อ ยอดนิยมของคนเกาหลีเลยก็ว่าได้ แถมยังเป็นอาหารที่ดีต่อสุขภาพ นั่นก็คือ “กิมจิ” ผักดองแบบเกาหลีนั่นเองค่ะ

| กิมจิผักกาดขาว
กิมจิผักกาดขาว

     กิมจินั้นถูกจัดในเมนูอาหารเกาหลีประเภทเครื่องเคียง แม้จะไม่ได้เป็นอาหารหลัก แต่ก็เป็นอาหารที่ได้รับความนิยมทาน และนำไปประกอบอาหาร จนกลายเป็นสัญลักษณ์ประจำชาติของเกาหลี ที่มีมาตั้งแต่สมัยโบราณ ลักษณะเป็นวัตถุดิบหลายชนิดเช่นผักกาดขาว พริก กระเทียม ฯลฯ มาดองรวมกันตามแบบฉบับของเกาหลี มีรสชาติเปรี้ยว เผ็ด สามารถเก็บไว้รับประทานได้เป็นระยะเวลานาน

     แม้กิมจิจะเป็นอาหารที่ผ่านการหมักดอง แต่ก็มีประโยชน์มากมาย จนกลายเป็นหนึ่งในอาหารที่มีประโยชน์ที่สุดในโลกเลยก็ว่าได้ เพราะมีวิตามินหลากหลาย ทั้ง A B C แลคโตบาซิลัส และอื่น ๆ ช่วยลดคอเลสเตอรอล เสริมสร้างภูมิคุ้มกัน บำรุงหัวใจ ดีต่อลำไส้ และที่สำคัญคือ ช่วยให้ผมสวยเงางาม และผิวขาวกระจ่างใสในแบบสาวเกาหลี 

วัตถุดิบ
  1. ผักกาดขาวหั่นชิ้นเล็ก หรือตามชอบ    5 – 6 หัว
  2. หัวไซเท้าซอย    2 – 3 หัว
  3. แครอทซอย    1 หัว
  4. ต้นหอมหั่น    2 กำ
  5. ใบกุยช่ายหั่น    1 กำ
  6. กระเทียมจีนกลีบใหญ่แกะเปลือก    10 กลีบ
  7. ขิงหั่น    1 หัว
  8. หอมใหญ่หั่น    1/2 หัว
  9. สาลี่นอก หรือแอปเปิ้ล หั่น    1/2 ลูก
  10. พริกป่นเกาหลีแบบหยาบ    1 ถ้วย
  11. เกลือ    2 ถ้วย
  12. น้ำตาลทรายแดง    1/2 ถ้วย
  13. แป้งข้าวเหนียว    1/2 ถ้วย
  14. น้ำ    3 ถ้วย
  15. น้ำปลา    1 ถ้วย
วัตถุดิบในการทำกิมจิผักกาดดอง
วิธีการทำ

     กิมจินั้นเป็นอาหารเกาหลีที่สามารถทำได้ง่าย แต่เมื่อเราซื้อมารับประทานจะรู้ว่ามีราคาแพง แถมยังได้น้อย เราจึงแนะนำให้ใช้สูตรที่เรากำลังจะแนะนำไปลองทำทานเองกันดูนะคะ เพราะทำกินเองก็ง่าย ทำขายก็ได้กำไรเยอะ นอกจากทานแล้วสุขภาพดีมีประโยชน์ ยังสามารถสร้างรายได้เป็นอาชีพเสริมให้กับเราได้อีกด้วยค่ะ 

  1. ขั้นตอนแรกนำผักกาดขาวที่หั่น และล้างสะอาดแล้ว ใส่ลงไปในถ้วย โรยด้วยเกลือให้ทั่ว คลุกเคล้าให้เข้ากัน ทิ้งไว้เป็นเวลา 2 ชั่วโมง โดยคลุกเคล้าทุก 30 นาที เพื่อให้เข้ากัน รอจนครบเวลาแล้วนำไปล้างให้สะอาด
  2. ทำแป้งกวนสำหรับหมักกิมจิ โดยเทน้ำ และแป้งข้าวเหนียวลงไปคนผสมให้เข้ากันในหม้อ โดยใช้ไฟอ่อน ระหว่างนี้ให้กวนด้วยตระกร้อมือตลอดเวลา จนแป้งสุกเหนียวข้นได้ที่ นำออกจากเตา และพักไว้ให้เย็น
  3. ทำเครื่องหมักกิมจิ โดยนำ สาลี่ หอมหัวใหญ่ ขิง กะเทียม น้ำปลานิดหน่อย ลงไปปั่นรวมกันให้ละเอียด จากนั้นนำไปใส่ถ้วยผสม โดยปรุงรสด้วย น้ำตาลทราย น้ำปลา พริกป่นเกาหลี แป้งกวน คลุกเคล้าให้เข้ากันด้วยไม้พาย 
  4. นำต้นหอม กุยช่าย แครอท และหัวไชเท้า ลงไปคลุกเคล้าในเครื่องหมักให้เข้ากัน จากนั้นจึงใส่ผักกาดขาวลงไปคลุกเคล้าต่อ เสร็จแล้วนำไปใส่ภาชนะที่ปิดฝาได้ โดยกดให้แน่น 
  5. ขั้นตอนสุดท้ายนี้ให้วางภาชนะที่บรรจุกิมจิวางไว้ในอุณหภูมิห้องเป็นเวลา 5 ชั่วโมง และแช่ตู้เย็นไว้ 1 คืน จากนั้นก็รับประทานได้เลย

ภาพจาก : wongnai.com , beeidol2614.wordpress.com ,tipsdd.com

READ MOREREAD MORE
เมนูอาหารนานาชาติจากเกาหลี

เมนูอาหารนานาชาติจากเกาหลีเมนูอาหารนานาชาติจากเกาหลี

เมนูอาหารนานาชาติจากเกาหลี
เมนูอาหารนานาชาติจากเกาหลี

               ในวันนี้เราจะมาแนะนำเมนูอาหารเกาหลี โดยทุกเมนูนั้นจะเป็นชื่ออาหารเกาหลี เพราะมันจะบ่งบอกถึงความเป็นเกาหลีได้ดี และเมนูที่เราเอามาแนะนำให้รู้จักชื่ออาหารเกาหลีนั้นเพื่อให้เราเข้าใจว่าแต่ละเมนูมีลักษณะหน้าตาเป็นอย่างไร และมีวิธีการทำอย่างไร แต่จะบอกว่าเมนูอาหารเกาหลีต่อไปนี้ถ้าใครได้ไปเกาหลีสักครั้งก็ควรไปหาทานเมนูอาหารเกาหลีทั้ง 5 เมนูนี้ดู เพราะต้นฉบับมักจะมีรสชาติที่ดีเสมอ

| 1.คิมบับ
คิมบับ

                คิมบับ (gimbap) เป็นอาหารเกาหลีชนิดหนึ่งที่ทำจากข้าวสุกและเครื่องปรุงอื่น ๆ หลากหลายชนิด เช่น แตงกวา แคร์รอต ผักโขม ไข่เจียว ปูอัด แฮม เป็นต้น โดยจะวางแผ่บนแผ่นสาหร่ายแล้วม้วน จากนั้นก็หั่นเป็นชิ้นพอดีคำ

วัตถุดิบและส่วนผสม
  • ข้าวญี่ปุ่น
  • ไข่ไก่
  • แคร์รอต
  • สันคอหมูสไลด์
  • กระเทียมสับ
  • หัวไชเท้าดอง
  • สาหร่ายสำหรับห่อ
  • ไส้กรอบ ปูอัด
  • ผักโขม
  • แตงกวา
  • งาขาวคั่ว
  • เกลือ
  • ซีอิ๊วเกาหลี คันจัง หรือซีอิ๊วญี่ปุ่น
  • น้ำเชื่อมเกาหลี หรือน้ำตาล
  • น้ำมันงา
วิธีทำ

– หุงข้าวญี่ปุ่นหรือเกาหลี ถ้าข้าว 3 ถ้วย ก็ใส่น้ำ 3 ถ้วยครึ่ง และแช่ไว้สัก 30 นาทีค่อยกดหุง และเมื่อหุงเสร็จแล้วก็เอาข้าวมาปรุงด้วยเกลือ น้ำมันงา งาคั่ว และพักไว้ให้เย็น

– ทอดไข่ปรุงรสด้วยเกลือ แล้วเอามาหั่น นำผักโขมไปลวกแล้วบิดน้ำออกให้หมด จากนั้นนำมาคลุกด้วยเกลือ น้ำมันงา และงาขาวคั่ว

– หั่นเครื่องที่จะใส่ในคิมบับ ได้แก่ ปูอัด ไส้กรอก แตงกวา หัวไชเท้าดอง ขูดแคร์รอตเป็นเส้น ๆ และนำไปผัดจนสุก โดยใส่น้ำมันงาและเกลือ

– หมักหมูกับกระเทียมบดหรือสับ คันจัง เกลือนิดหนึ่ง น้ำเชื่อมเกาหลีหรือน้ำตาล และน้ำมันงา ผสมจนเข้ากันแล้วหมักไว้สักประมาณ 30 นาที

– เมื่อหมักได้ที่แล้ว นำไปผัดบนกระทะจนสุก โดยผัดให้แห้ง พอหมูเสร็จเรียบร้อยแล้วก็พักไว้

– เตรียมห่อสาหร่าย โดยให้เอาด้านเงา ๆ ไว้ด้านล่าง แล้วใส่ข้าวให้ทั่วไม่ต้องหนามาก จากนั้นใส่เครื่องตามชอบ โดยจะเริ่มใส่หมูก่อนแล้วค่อย ๆ ใส่อย่างอื่นตาม เสร็จแล้วกดให้แน่นจนได้รูปทรงที่ต้องการ

– ก่อนจะหั่นคิมบับให้ทาน้ำมันงาให้ทั่วทุกครั้งที่หั่น โดยให้ใช้กระดาษหรือผ้าชุบน้ำเช็ดมีดแล้วหั่นจะได้ออกมาสวยงาม เมื่อหั่นเสร็จเรียบร้อยก็จัดเสิร์ฟพร้อมกับเครื่องเน้น ๆ ข้าวไม่เยอะมาก

| 2.ทังซูยุก
ทังซูยุก

               ทังซูยุก คือหมูทอดซอสเปรี้ยวหวาน สำหรับเมนูทังซูยุกหรือที่เกาหลีนิยม นำหมูหั่นหนาขนาด 1 เซนติเมตร มาชุบเเป้งข้าวโพดผสมเเป้งมันและน้ำมันนิดหน่อย เสร็จแล้วนำมาจิ้มซอสเปรี้ยวหวาน ซึ่งในซีรีส์เกาหลีเราจะเห็นเขาทานกันบ่อย ๆ

วัตถุดิบและส่วนผสม
  • เนื้อหมู
  • ขิงซอยละเอียด
  • แป้งมันฝรั่ง
  • ไข่ขาว
  • แป้งมัน
  • พริกไทย
  • เกลือ
  • น้ำมันสำหรับทอด
ส่วนผสมของน้ำจิ้ม
  • แคร์รอต ทำเป็นดอก
  • หัวหอมหั่นแฉลบ
  • เห็ดหูหนูแช่น้ำจนนิ่ม
  • สับปะรด
  • แอปเปิลหั่นแฉลบบาง
  • น้ำตาลทราย
  • น้ำส้มสายชู
  • น้ำสับปะรด
  • น้ำเปล่า
  • ซอสถั่วเหลือง
  • เกลือ
  • น้ำมันงา
  • แป้งมัน+น้ำเย็น
วิธีทำ

– ขั้นตอนแรกให้นำเนื้อหมู ขิงซอยละเอียด เกลือ พริกไทยป่น และแป้งมัน มาหมักให้เข้าด้วยกัน จากนั้นนำไปพักที่ตู้เย็นก่อน

– นำแป้งมันฝรั่งใส่น้ำให้พอท่วมขึ้นมาจากแป้งเล็กน้อย แล้วคนให้เข้ากัน จากนั้นก็พักไว้ประมาณ 10 นาที

– ตั้งกระทะใส่น้ำมัน ตั้งไฟให้น้ำมันร้อนระหว่างรอ หันมาที่อ่างแป้งมันที่แช่ไว้ แล้วเทน้ำทิ้ง จะสังเกตเห็นว่าแป้งจะติดอยู่ในโถภาชนะ ให้นำไข่ขาวใส่ลงไป แล้วคนให้เข้ากันในแป้ง จากนั้นก็นำเนื้อหมูที่พักไว้ในตู้เย็นออกมาเพื่อเทลงในภาชนะของแป้ง แล้วขยำให้เข้ากันอีกครั้ง

– ปั้นเนื้อหมูที่อยู่ในแป้งเป็นกลม ๆ แล้วค่อย ๆ ใส่ในกระทะเพื่อทอดพอสุก เมื่อสุกแล้วก็ตักขึ้นให้สะเด็ดน้ำมันพักไว้

– ก่อนจะทำในส่วนของน้ำจิ้มเสร็จเราจะนำหมูที่ทอดทั้งหมดนำมาทอดเป็นครั้งที่ 2 ก่อนขึ้นเสิร์ฟ

– มาในส่วนของน้ำจิ้ม ให้ผสมแป้งมัน 2 ช้อนโต๊ะกับน้ำเย็น 2 ช้อนโต๊ะเข้าด้วยกัน พักไว้ ข้าง ๆ เตาหม้อน้ำจิ้ม

– ตั้งกระทะแล้วใส่น้ำมัน 1 ช้อนโต๊ะ ใส่เห็ดหอม แคร์รอต แอปเปิล และหัวหอมใหญ่ จากนั้นก็ผัดให้เข้ากัน

– หลังจากผัดแคร์รอตเสร็จแล้วให้เติมเครื่องปรุง ได้แก่ น้ำตาล น้ำส้มสายชู ซอสถั่วเหลือง และเกลือ จากนั้นก็ผัดให้เข้ากัน

– ผัดข้าวให้หอมแล้วใส่น้ำสับปะรดและน้ำเปล่าลงไปตามสัดส่วน จากนั้นก็หยอดน้ำมันงา เมื่อเข้ากันดีแล้วให้เติมแป้งมันกับน้ำเย็นที่ผสมวางไว้ข้าง ๆ ลงในหม้อ

– นำหมูที่ได้ผ่านการทอดมา 1 ครั้งแล้ว มาทอดอีกครั้งแล้วปล่อยให้สะเด็ดน้ำ นพถ้วยน้ำจิ้มเข้าเตาไมโครเวฟ เพื่อให้มีความร้อน แล้วก็เสิร์ฟพร้อมกับหมูที่ผ่านการทอดสะเด็ดน้ำมันแล้ว ถือเป็นอันเสร็จ

| 3.บิบิมกุกซู
บิบิมกุกซู

                ถือเป็นอีกหนึ่งเมนูอาหารเกาหลีที่มีคนทำกินบ่อยมาก ๆ เพราะเป็นเมนูที่ทำง่าย แต่ก็มีข้อจำกัดอยู่ โดยต้องใช้เครื่องปรุงรสที่เป็นของเกาหลี ซึ่งอาจจะหาซื้อยากหน่อย แต่เดี๋ยวนี้มีร้านออนไลน์ก็มีขายกันค่อนข้างเยอะมาก เป็นอาหารที่มีรสชาติที่เป็นเอกลักษณ์ความเป็นเกาหลีอยู่มาก ซึ่งเมนูนี้ส่วนใหญ่คนเกาหลีจะนิยมทานกันในหน้าร้อน เพื่อทำให้อยากอาหารมากขึ้น เพราะเมนูนี้มีรสชาติเปรี้ยว เผ็ด หวาน ของตัวซอสที่เข้มข้นมาก และทานคู่กับผักรสเย็นอย่างแตงกวาก็เข้ากันมาก ๆ

วัตถุดิบและส่วนผสม
  • กิมจิ
  • น้ำกิมจิ
  • เส้นโซมยอน
  • พริกป่นเกาหลี
  • โคชูจัง
  • กระเทียมสับ
  • น้ำส้มสายชู
  • น้ำตาลทราย
  • ซีอิ๊วเกาหลี
  • งาขาว
วิธีทำ

– ขั้นตอนแรกนำกิมจิมาหั่นเป็นชิ้นเล็ก ๆ แล้วนำกิมจิที่หั่นมาใส่น้ำกิมจิ ผสมกับโคชูจัง พริกป่น กระเทียมสับ น้ำมันงา น้ำส้มสายชู ซี๊อิ๊ว และน้ำตาล ผสมทุกอย่างให้เข้ากันแล้วชิมรสชาติ

– ทำการต้มเส้น โดยให้ล้างเส้นที่ต้ม และพักไว้ให้สะเด็ดน้ำ

– นำเส้นมาคลุกกับซอสที่ทำไว้ โรยด้วยงาขาว ถือเป็นอันเสร็จ สามารถทานคู่กับแตงกวาและไข่ต้ม

| 4.ซัมกยอบซัล
ซัมกยอบซัล

               ซัมกยอบซัล หรือหมูสามชั้นย่าง ซึ่งเหมารวมไปถึงเนื้อย่างชนิดอื่น ๆ ด้วย เช่น ทเวจีโกกิ = เนื้อหมู, โซโกกิ = เนื้อวัว และ คัลบี = เนื้อติดซี่โครง โดยอาหารปิ้งย่างเกาหลีหรือที่เราคุ้นหูกับคำว่าเนื้อย่างเกาหลีนั้น ถ้ามาเยือนถึงถิ่นแล้วไม่ลองกินสักครั้งก็เหมือนมาไม่ถึงเกาหลีจริง ๆ

วัตถุดิบและส่วนผสม
  • หมูสามชั้น
  • กิมจิ
  • เต้าหู้ขาวหั่นเต๋า
  • ผักกาดขาว
  • กะหล่ำปลี
  • เห็ดเข็มทอง
  • ข้าวสวย
  • โคชูจัง
  • ซอสถั่วเหลือง
  • น้ำมันหอย
  • พริกไทยดำพอประมาณ
วิธีทำ

– ขั้นตอนแรกล้างเนื้อหมูให้สะอาด แล้วนำมาหั่นเป็นชิ้นขนาดพอดี

– ใส่โคชูจัง ซอสถั่วเหลือง ซอสหอยนางรม และโรยด้วยพริกไทยป่น จากนั้นคลุกเคล้าเครื่องปรุงให้เข้ากัน หมักทิ้งไว้ 5-10 นาที

– ตั้งกระทะโดยใช้ไฟกลาง ใส่น้ำมันปาดหน้ากระทะเพียงเล็กน้อยเท่านั้น แล้วนำหมูลงไปย่างทีละฝั่งจนสุกและเห็นความเกรียมบนเนื้อ จากนั้นก็ค่อยผัดรวนทีหลังเพื่อเพิ่มความเกรียมให้ทั่วถึง เสร็จแล้วก็ตักหมูขึ้นพักไว้

– ในกระทะจะมีน้ำมันหมูที่ผสมเครื่องปรุงให้นำพวกเห็ดเข็มทอง กะหล่ำปลีฝอย และเต้าหู้ขาว ไปผัดให้เข้ากัน แล้วยกขึ้นมาตกแต่งบนจาน แค่นี้ก็ถือเป็นอันเสร็จ รับประทานคู่กับข้าวสวย

| 5.พีบิมมยอน
พีบิมมยอน

                ถือเป็นอีกเมนูหนึ่งที่ทำง่ายมาก แค่หาซื้อเครื่องปรุงมาได้ก็สามารถทำเองได้ง่าย ๆ โดยแนะนำให้ไปหาซื้อที่ Korea Town และเมื่อพูดถึงความหมายนั้นพีบิม/บีบิม จะมีความหมายว่า “การคลุก” หรือการยำนั่นเองส่วนมยอน มาจาก รามยอน หมายถึง “บะหมี่” ดังนั้น พีบิมมยอน จึงหมายถึง “หมี่ยำ” ซึ่งเป็นอาหารของเกาหลีจึงเติมคำว่า “เกาหลี” เข้าไปข้างหลังด้วย ส่วน พีบิมบับ/บีบิมบับ นั้น หมายความว่า ข้าวยำ โดยคำว่าบับ จะหมายถึง ข้าวนั่นเอง

วัตถุดิบและส่วนผสม
  • เส้นหมี่เกาหลี
  • ไข่ต้ม
  • แตงกวาหั่นเส้น
  • ถั่วงอกหัวโต
  • ซอสพริกเกาหลี (โคชูจัง)
วิธีทำ

– ขั้นตอนแรกนำเส้นไปต้มในน้ำร้อนก่อน ต้มจนนิ่มและเป็นสีใส ๆ แล้วตักขึ้นแช่น้ำเย็นจัด

– นำถั่วงอกหัวโตไปลวกให้นิ่ม แล้วตักขึ้นแช่น้ำเย็นเช่นกัน

– นำเส้นบะหมี่จัดลงชาม โดยราดซอสพริกเกาหลีที่นำไปผสมกับน้ำร้อนเพื่อให้ใสขึ้นเล็กน้อยแล้วตามด้วยแตงกวาเส้น ๆ ถั่วงอกหัวโต ตบท้ายด้วยไข่ต้มครึ่งฟอง

– ก่อนรับประทานก็ให้คลุกเคล้าทุกอย่างให้เข้าด้วยกัน เหมือนตอนที่กินข้าวยำเกาหลี (พีบิมบับ)

               ต้องบอกเลยว่าทั้ง 5 เมนูอาหารนานาชาติจากเกาหลีนั้นมีหน้าตาที่น่าทานจริง ๆ สำหรับใครที่มีโอกาสได้ไปเกาหลีก็ไม่ควรพลาดที่จะลอง เพราะเมื่อไปถึงถิ่นเขาแล้ว ถ้าเราได้ลองทานอาหารของเขาที่อยู่ในประเทศเขามันจะได้รสชาติและความรู้สึกของความเป็นอาหารเกาหลีจริง ๆ นั่นเอง แต่ถ้าใครยังไม่มีโอกาสไปเกาหลีก็สามารถหาวัตถุดิบและส่วนผสมมาปรุงเองที่บ้านได้เช่นกัน และนี่ก็คือ 5 เมนูอาหารเกาหลี 5 ชื่ออาหารเกาหลีที่เรานำมาแนะนำให้ทุกคนรู้จัก หวังว่าหลาย ๆ คนจะชอบนะคะ

READ MOREREAD MORE
เมนูอาหารเกาหลียอดนิยม

เมนูอาหารเกาหลียอดนิยมเมนูอาหารเกาหลียอดนิยม

เมนูอาหารเกาหลียอดนิยม
เมนูอาหารเกาหลียอดนิยม

               อาหารเกาหลีนั้นถือว่าเป็นอาหารที่มีอิทธิพลกับคนไทยในยุคปัจจุบันเป็นอย่างมาก เราจะเห็นได้ชัดเลยว่าในประเทศของเรานั้นมีร้านเนื้อย่างเกาหลี หรือร้านหมูกระทะเยอะแยะเต็มไปหมด แต่วันนี้เราไม่ได้มาพูดถึงเนื้อย่างเพียงอย่างเดียว แต่เราจะมานำเสนอเมนูอาหารนานาชาติจากเกาหลี ซึ่งถ้าใครชอบอะไรที่เกี่ยวกับประเทศเกาหลีก็น่าจะรู้จักกับเมนูต่อไปนี้บ้างแล้ว แต่สำหรับบางคนอาจจะยังไม่รู้จัก ดังนั้นเรามาดูเมนูอาหารเกาหลียอดนิยมกันเลยดีกว่า

| 1.กิมจิ
กิมจิ

               กิมจิ (gimchi) มีข้อสันนิษฐานกันว่าคำนี้น่าจะเพี้ยนมาจากคำว่า “ชิมเช” ที่แปลว่าผักดองเค็ม กิมจินั้นเป็นอาหารเกาหลีประเภทผักดองที่อาศัยภูมิปัญญาก้นครัวของชาวเกาหลี ด้วยการหมักพริกสีแดงและผักต่าง ๆ โดยทั่วไปจะเป็นผักกาดขาว ซึ่งชาวเกาหลีจะนิยมรับประทานกิมจิเกือบทุกมื้อ อีกทั้งยังนำไปปรุงเป็นส่วนประกอบของอาหารหลายอย่างด้วย

วัตถุดิบและส่วนผสม
  • แป้งข้าวเหนียว
  • สาลี่นอก (ใช้สาลี่ไทยหรือใช้แอปเปิลแทนได้)
  • หอมหัวใหญ่
  • กระเทียมจีนแกะเปลือก
  • ขิงหั่นแว่น
  • ผักกาดขาว
  • แคร์รอต
  • หัวไชเท้า
  • ต้นหอม
  • น้ำปลา
  • น้ำตาลทรายไม่ฟอกสี
  • พริกป่นเกาหลีแบบหยาบ
  • พริกป่นเกาหลีแบบละเอียด
  • น้ำเปล่า
วิธีทำ

– ขั้นตอนแรกนำผักกาดขาว ต้นหอมมาหั่นให้เรียบร้อย แล้วนำไปแช่น้ำทำความสะอาดในน้ำเปล่า 10 ลิตร และเบกกิ้งโซดา ½ ช้อนโต๊ะ แช่ไว้ 15 นาที เสร็จแล้วล้างด้วยน้ำเปล่าและนำขึ้นให้สะเด็ดน้ำ

– นำผักกาดขาวหมักกับเกลือป่น โดยใส่ให้ทั่วผักแล้วคลุกเคล้าให้เข้ากัน ทิ้งไว้ 2 ชั่วโมง โดยต้องคอยมาคลุกเคล้าผักทุก ๆ 30 นาที

– นำต้นหอมที่ล้างไว้มาหั่นเป็นท่อน ๆ ให้เรียบร้อย จากนั้นนำแคร์รอตและหัวไชเท้ามาล้างและปลอกเปลือกให้สะอาด และหั่นซอยเป็นเส้น

– ทำแป้งกวนสำหรับหมักกิมจิ โดยเทน้ำเปล่าและแป้งข้าวเหนียวลงไปในหม้อ คนให้เข้ากัน จากนั้นนำไปกวนจนแป้งสุกดี โดยให้ใช้ไฟอ่อน เมื่อสุกแล้วพักไว้ให้เย็นตัว

– นำผักกาดที่แช่ไว้ครบ 2 ชั่วโมงมาล้างน้ำเปล่าให้สะอาด

– ทำการหมักกิมจิ โดยนำหอมหัวใหญ่มาหั่นเป็นชิ้นเล็ก แล้วนำสาลี่และกระเทียมจีนมาปลอกเปลือก นำขิงมาหั่นแว่น ตามด้วยน้ำปลา และนำไปปั่นให้ละเอียดเข้ากัน แล้วเทใส่ถาด จากนั้นใส่น้ำตาลทรายไม่ฟอกสี พริกเกาหลีแบบหยาบและแบบละเอียด และแป้งกวนที่เตรียมไว้ คลุกเคล้าให้เข้ากัน ชิมรสตามชอบ

– นำต้นหอม หัวไช้เท้า และแคร์รอตลงไปในเครื่องที่เตรียมไว้ แล้วคลุกเคล้าให้เข้ากัน จากนั้นค่อย ๆ ใส่ผักกาดขาวลงไป และคลุกเคล้าให้เข้ากันอีกครั้ง

– นำกิมจิใส่ลงในภาชนะที่มีฝาปิด และกดให้แน่น ปิดฝา จากนั้นตั้งไว้ในอุณหภูมิห้อง 5 ชั่วโมง และนำไปแช่ตู้เย็นต่ออีก 1 คืน เป็นอันเสร็จ แต่ถ้าหากชอบรสเปรี้ยวมากให้ตั้งไว้ข้างนอก 1 คืน

| 2.จาจังมยอน
จาจังมยอน

     จาจังมยอน หรือบะหมี่เกาหลีราดซอสสีดำ เขาคือจาจังมยอน ที่เกิดเป็นสีดำขึ้นมาเพราะซอสถั่วดำหมัก (Chunjang – 춘장) ซึ่งน้ำซอสถั่วดำหมักนั้นจะมีรสชาติเค็ม หวานนิด ๆ และขมหน่อย ๆ มีความธรรมชาติ earthy ซอสสีดำเข้มนั้นเกิดจากการหมักถั่วดำ แป้งสาลี และคาราเมล มันจึงมีกลิ่นพิเศษเป็นเอกลักษณ์ต่างจากโคชูจัง

วัตถุดิบและส่วนผสม
  • เส้นบะหมี่ เส้นสปาเกตตี้ หรือเส้นอุด้ง ก็ได้
  • เนื้อหมูหั่นเต๋า
  • มันฝรั่งหั่นเต๋า
  • เห็ดฟาง
  • แตงกวาหั่นเต๋า
  • ผักกะหล่ำ
  • ซอสหมัก
  • มิริน
  • เกลือ
  • พริกไทยดำ
  • ผงกะเทียม
  • ซอสจาจัง
  • ซอส Chunjang (ซอสถั่วดำหมัก)
  • น้ำมันพืช
  • น้ำตาลทรายแดง
  • น้ำ
  • แป้งมันฮ่องกงหรือแป้งข้าวโพด
วิธีทำ

– ขั้นตอนแรกนำเนื้อหมูหั่นเต๋ามาหมักกับ ซอสหมัก ทิ้งไว้ 30 นาที

– หั่นแตงกวา มันฝรั่ง และผักกะหล่ำ ให้เป็นเต๋าชิ้นเล็ก ๆ

– นำน้ำมันพืชมาผัดกับซอส Chunjang (ซอสถั่วดำหมัก) และเมื่อน้ำมันจากซอสออกและเริ่มแห้งแล้วให้ใส่น้ำตาลทรายแดงลงไป

– ตักซอส Chunjang ออก ให้เหลือแต่น้ำมัน และซอสติดกระทะ

– นำเนื้อหมูหั่นเต๋ามาผัด และเมื่อหมูสุกแล้วให้ใส่ผักที่หั่นแล้วลงไปผัดต่อไปอีก 3 นาที

– นำซอส Chunjang ที่เหลือมาผัดให้เข้าเนื้อ แล้วเติมน้ำลงไป จากนั้นก็ตุ๋นประมาณ 10 นาที

– ระหว่างที่รอตุ๋นอยู่นั้นให้ต้มบะหมี่ หรือ เส้นสปาเกตตี้ให้นิ่มก่อน

– เมื่อครบ 10 นาทีแล้ว ใส่แป้งละลายน้ำลงไปในหม้อซอสแล้วราดลงบนเส้นบะหมี่ แค่นี้ก็เสร็จพร้อมรับประทานแล้ว

| 3.บุลโกกิ
บุลโกกิ

               บุลโกกิ (Bulgogi) เป็นอาหารโบราณของประเทศเกาหลี ซึ่งเกิดตั้งแต่กว่า 1,000 ปีทีแล้ว โดยคำว่า Bul แปลว่า ไฟ และคำว่า Gogi แปลว่า เนื้อสัตว์ เมื่อรวมความหมายแล้ว Bulgogi ก็คือเนื้อย่างเกาหลีนั่นเอง โดยปกติจะทานเป็นเนื้อวัวหมักด้วยซอสเกาหลีและผลไม้ที่ทำให้เนื้อนุ่ม จิ้มกับซอสนิดหนึ่งแล้วทานกับผัก แต่ถ้าหากไม่มีเนื้อวัวก็จะใช้เป็นเนื้อหมูหรือเนื้อไก่แทน

วัตถุดิบและส่วนผสม
  • เนื้อสันแหลม
  • สาลี่หิมะหั่นเต๋า
  • กระเทียม
  • ต้นหอมหั่นท่อน
  • หอมหัวใหญ่หั่นเต๋า
  • หอมหั่วใหญ่หั่นเสี้ยว
  • ต้นหอมซอย
  • งาขาวคั่ว
  • น้ำตาลทรายแดง
  • พริกไทยป่น
  • ซอสถั่วเหลือง
  • น้ำมันงา
  • น้ำมันพืช
  • ผักสำหรับเสิร์ฟคู่ ตามชอบ
วิธีทำ

– หั่นเนื้อสันแหลมเป็นชิ้นตามแนวขวาง แล้วพักไว้

– ใส่หอมหัวใหญ่หั่นเต๋า กระเทียม สาลี่หิมะหั่นเต๋า ต้นหอมหั่นท่อน น้ำตาลทรายแดง พริกไทยป่น ซอสถั่วเหลือง และน้ำมันงา ลงในเครื่องปั่น ปั่นให้ละเอียดเป็นซอส

– นำซอสที่ได้ไปเทลงในเนื้อสันแหลมที่หั่นไว้ ใส่หอมหัวใหญ่หั่นเสี้ยว คลุกให้เข้ากัน หมักทิ้งไว้ 20 นาที

– ตั้งกระทะบนเตา ใช้ไฟกลางค่อนแรง ใส่น้ำมันลงไป รอจนน้ำมันร้อน แล้วใส่เนื้อที่หมักไว้ลงไป ผัดจนหอมหัวใหญ่สุกใส และตัวซอสหมักเริ่มเปลี่ยนเป็นสีเข้มขึ้น

– โรยต้นหอมซอย งาขาวคั่ว ผัดให้เข้ากันเล็กน้อย ก็ยกออกจากเตาได้เลยค่ะ เสิร์ฟพร้อมผักตามชอบ

| 4.บูเดจิเก
บูเดจิเก

               บูเดจิเก หรือที่หลาย ๆ คนเรียกว่า แกงทหารบ้าง หรือหม้อไฟเกาหลีบ้าง ซึ่งเป็นแกงที่ใส่วัตถุดิบทั้งหมด เช่น แฮม ไส้กรอก กิมจิ ต็อก บะหมี่เกาหลีลงไปต้มในหม้อรวดเดียว ซึ่งถือเป็นอาหารฟิวชั่นของประเทศเกาหลีเลยก็ว่าได้ และก็อย่างที่รู้ ๆ กันว่าอาหารชนิดนี้เป็นแกงที่จะใส่วัตถุดิบอย่างพวกแฮม โดยเป็นของที่นำเข้ามาในเกาหลีจากทหารอเมริกาในสภาวะที่ประเทศเกาหลีกำลังขาดแคลนอาหารหลังจากสงคราม 6.25 นั่นเอง

วัตถุดิบและส่วนผสม
  • สแปม
  • หมูบด
  • ไส้กรอก
  • เต้าหู้ขาวแบบแข็ง
  • ถั่วกระป๋อง
  • บะหมี่เกาหลี
  • ชีส
  • ต้นหอมญี่ปุ่น
  • หอมหัวใหญ่
  • กิมจิ
  • เห็ดเข็มทอง
  • น้ำเปล่าหรือน้ำสต๊อกไก่
ส่วนผสมในการหมักหมู
  • หมูบด
  • ซอสปรุงรส
  • เหล้าหรือไวน์สำหรับทำอาหาร
  • กระเทียมสับ
  • พริกไทยป่น
ส่วนผสมของซอส
  • พริกป่นเกาหลี
  • โคชูจัง
  • ซอสถั่วเหลือง
  • น้ำตาลทราย
  • กระเทียมสับละเอียด
  • พริกไทย
วิธีทำ

– ขั้นตอนแรกเตรียมเครื่องต่าง ๆ เรียงใส่ในหม้อให้สวยงาม ได้แก่ สแปม เต้าหู้ขาวแข็ง ไส้กรอก กิมจิ ต้นหอมญี่ปุ่น หอมหัวใหญ่ เห็ดเข็มทอง ถั่วกระป๋อง หมูบดปรุงรส ซอสที่เตรียมไว้ โดยใส่วางลงไปบางส่วน

 หมูบดปรุงรส ซอสปรุงรส เหล้าไวน์ทำอาหาร กระเทียมสับ และพริกไทยป่น จากนั้นคนเคล้าส่วนผสมให้เข้ากัน และพักไว้ประมาณ 15-30 นาที

– นำซอสโคชูจัง พริกป่นเกาหลี ซอสถั่วเหลือง น้ำตาล พริกไทย และกระเทียมสับละเอียดใส่ลงในชามผสม แล้วคนส่วนผสมทั้งหมดให้เข้ากัน

– ตั้งหม้อบนเตา เปิดไฟ แล้วใส่น้ำซุปหรือน้ำเปล่าลงไป พอน้ำเดือดได้ที่แล้ว ค่อย ๆ คนซอสที่ใส่ลงไป จากนั้นวางบะหมี่เกาหลีลงไป ตามด้วยชีส และนำซอสที่ผสมแล้วเก็บไว้บางส่วนวางลงไปบนบะหมี่เกาหลี ตามด้วยต้นหอมญี่ปุ่นเพื่อเพิ่มสีสัน

– ค่อย ๆ ตักน้ำซอสราดลงบนบะหมี่เกาหลี

 จากนั้นก็คนเคล้าทุกอย่างให้เข้ากัน และปรุงรสชาติเพิ่มเติมได้ตามความชอบ ถือเป็นอันเสร็จพร้อมรับประทาน

| 5.พีบิมบับ
พีบิมบับ

                พีบิมบับ (Bibimbap) หรือที่เรียกกันในภาษาไทยว่า “ข้าวยำเกาหลี” นั้นเป็นอาหารเกาหลีประเภทข้าวชนิดหนึ่ง ซึ่งจะประกอบด้วยคำว่า “พีบิม” (비빔) แปลว่า “ยำ” หรือ “คลุกเคล้า” และ “พับ” (밥) แปลว่า “ข้าว” ซึ่งอาหารชนิดนี้จะเสิร์ฟมาเป็นชามข้าวสวยร้อน ๆ โรยหน้าด้วยนามุล (ผักที่ผัดและปรุงรสแล้ว), โคชูจัง (น้ำพริก) และ/หรือทเว็นจัง (เต้าเจี้ยว) นอกจากนี้ยังนิยมใส่ไข่ดิบ ไข่ดาว หรือไข่ลวก และเนื้อสัตว์ที่หั่นบาง ๆ เช่นกัน จากนั้นก็คลุกส่วนผสมต่าง ๆ ให้เข้ากันดีก่อนที่จะรับประทาน

วัตถุดิบและส่วนผสม
  • โคชูจัง
  • หมูสไลด์
  • ข้าวญี่ปุ่น
  • ไข่ไก่
  • กิมจิ
  • ผักโขม
  • เห็ดหอม
  • เห็ดเข็มทอง
  • ถั่วงอก
  • แคร์รอต
  • แตงกวา
  • พริกไทย
  • ซอสปรุงรส
  • น้ำมันงา
  • น้ำตาล
  • น้ำส้มสายชู
  • น้ำมันงา (สำหรับผัด)
วิธีทำ

– ขั้นตอนแรกให้ใส่หมูสไลด์ลงในชามผสม ตามด้วยพริกไทย ซอสปรุงรส และน้ำมันงา (สำหรับหมัก) จากนั้นคลุกเคล้าให้เข้ากัน และหมักไว้ 30 นาที

– นำน้ำตาลผสมกับน้ำส้มสายชู แล้วคนให้เข้ากันจนน้ำตาลละลาย จากนั้นราดลงบนผักทั้งหมด ได้แก่ ผักโขม เห็ดหอม เห็ดเข็มทอง ถั่วงอก แคร์รอต และแตงกวา

– นำกระทะขึ้นตั้งไฟปานกลาง และนำหมูสไลด์ที่หมักไว้ไปผัดจนสุก

– นำกระทะขึ้นตั้งไฟปานกลาง แล้วเทน้ำมันงาลงไปนิดหน่อย จากนั้นก็นำผักไปผัดทีละอย่าง

– นำชามหินสไตล์เกาหลีขึ้นตั้งไฟแรงให้ชามร้อนทั่ว และนำของที่ผัดเตรียมไว้มาเรียงใส่ชาม ซึ่งได้แก่ ข้าวญี่ปุ่น ผักโขม เห็ดหอม เห็ดเข็มทอง ถั่วงอก แคร์รอต แตงกวา และหมูสไลด์ จัดวางกิมจิและโคชูจังลงไป ท้ายสุดและตอกไข่ไก่ใส่ลงตรงกลาง พร้อมเสิร์ฟ เวลากินก็คลุกเคล้าให้เข้ากันก่อนจะได้รสชาติที่กลมกล่อมมากขึ้น

               นี่คือ 5 เมนูอาหารเกาหลียอดนิยมที่ใคร ๆ ก็ต้องลอง เพราะถือว่าเป็นเมนูอาหารเกาหลีที่ขึ้นชื่อมาก ๆ และเป็นที่นิยมของคนส่วนใหญ่ รู้อย่างนี้แล้วไม่ลองไม่ได้แล้ว ซึ่งแต่ละเมนูนั้นมีความแตกต่างกันออกไป และมีหน้าตาน่ารับประทานมาก ๆ ถ้าใครมีวัตถุดิบและส่วนผสมที่สามารถทำเมนูที่เรานำเสนอได้ก็ลองทำทานเองได้เลยค่ะ เพราะบางเมนูเราก็สามารถทำเองได้ง่าย ๆ และนี่ก็คือ 5 เมนูอาหารเกาหลียอดนิยมที่เรานำมาฝากในวันนี้

READ MOREREAD MORE
เมนูอาหารเกาหลีทำเองได้ง่าย ๆ

เมนูอาหารเกาหลีทำเองได้ง่าย ๆเมนูอาหารเกาหลีทำเองได้ง่าย ๆ

เมนูอาหารเกาหลีทำเองได้ง่าย ๆ
เมนูอาหารเกาหลีทำเองได้ง่าย ๆ

               ถ้าพูดถึงอาหารเกาหลีแล้วหลายคนคงนึกถึงกิมจิ เพราะเรามักจะได้ยินคนไทยเรียกประเทศเกาหลีว่าแดนกิมจิ หรืออะไรก็ตามแต่ที่ทำให้เราคุ้นชินกับเมนูอาหารชนิดนี้ โดยวันนี้เราจะมานำเสนอเมนูอาหารเกาหลีทำเองได้ง่าย ๆ ขอให้มีวัตถุดิบและส่วนผสมครบก็สามารถทำตามได้ไม่ยาก และเมนูอาหารเกาหลีที่เราเอามานำเสนอในวันนี้จะมีเมนูใดบ้างนั้นตามมาดูกันเลยค่ะ

| 1.หมูผัดซอสโคชูจัง
หมูผัดซอสโคชูจัง

                 เมนูเกาหลียอดฮิต ซึ่งเป็นการนำเนื้อหมูนุ่ม ๆ มาผัดกับซอสโคชูจัง ทานกับข้าวสวยร้อน ๆ ก็จะอร่อยฟินไปอีก เมนูนี้เป็นการใช้หมูดำ ซีพี-คูโรบูตะ มาผัดกับซอสโคชูจังจนเข้าเนื้อจนได้รสชาติอร่อยตามสไตล์เกาหลี

วัตถุดิบและส่วนผสม
  • เนื้อหมูสไลด์
  • โคชูจัง
  • กระเทียมสับ
  • หอมหัวใหญ่ซอยครึ่งหัว
  • ต้นหอมหั่นยาว
  • ซีอิ้วขาว
  • น้ำตาล
วิธีทำ

– ขั้นตอนแรกให้เริ่มลงมือทำซอสเกาหลี โดยผสมโคชูจัง กระเทียมสับ ซีอิ้วขาว และน้ำตาล จากนั้นคนให้เข้ากัน สามารถปรับรสตามใจชอบ

– นำหมูสไลด์มาหมักกับซอสเกาหลี แล้วทิ้งไว้ประมาณ 15-30 นาที

– ตั้งกระทะแล้วใส่น้ำมันเล็กน้อย รอจนน้ำมันร้อน จากนั้นใส่หมูลงไปผัด

– เมื่อหมูเริ่มสุกแล้วก็ใส่หอมใหญ่ และต้นหอมลงไปผัด ผัดให้กัน จากนั้นก็ตักขึ้นพร้อมรับประทาน

|2.ต๊อกโบกี
ต๊อกโบกี

               ต็อกโบกี หรือเค้กข้าว-ผัดนั่นเอง ต๊อกโบกีเป็นอาหารเกาหลียอดนิยมที่ทำจากแป้งคาแรต็อกขนาดเล็ก เรียกว่า ต็อกมย็อน หมายถึงเส้นแป้งข้าวเจ้า โดยนำไปผัดด้วยลูกชิ้นปลา ไข่ต้ม และต้นหอมเป็นส่วนผสมที่นิยมใส่เพิ่มมากที่สุด จากนั้นจะปรุงรสด้วยซอสแบบเผ็ดที่ทำจากโคชูจัง (น้ำพริก) หรือซอสแบบไม่เผ็ดที่ทำจากคันจัง (ซอสถั่วเหลือง) ก็ได้ แต่แบบแรกจะเป็นแบบที่พบบ่อยมากที่สุด

วัตถุดิบและส่วนผสม
  • ต๊อกเส้นสด
  • สาหร่ายทาชิมะ 6×8 นิ้ว
  • ปลาแอนโชวี่ (เอาหัวกับไส้ออก)
  • ลูกชิ้นปลา
  • ไข่ต้ม
  • โคชูจัง
  • โคชูการุ พริกป่นหยาบ
  • ต้นหอมซอย
  • น้ำตาลทราย (ไม่ฟอก)
  • น้ำเปล่า
วิธีทำ

– ขั้นตอนแรกต้มน้ำสต๊อกปลาแอนโชวี่

 โดยตั้งหม้อหรือกระทะก้นแบน จากนั้นใส่ปลาแอนโชวี่ พร้อมสาหร่ายทาชิมะ ต้มไว้ประมาณ 15 นาที

– เส้นต๊อกคลายเย็น หากแช่แข็ง ก่อนทำ 1 คืนให้นำต๊อกเข้าช่องธรรมดาก่อนทำ จากนั้นแช่น้ำเย็นประมาณ 15-30 นาที

– ผสมโคชูจัง โคชูการุ และน้ำตาลทราย แล้วคนให้เข้ากัน และพักไว้

– หั่นต้นหอมเป็นท่อน ๆ ท่อนละ 2.5-3 นิ้ว โดยให้แบ่งส่วนของใบไว้ซอยโรยหน้า

– เมื่อครบ 15 นาทีแล้วให้ตักปลากับสาหร่ายออก แล้วค่อย ๆ ใส่ต๊อกลงไปกระจายให้ทั่ว จากนั้นใส่เพสต์ที่ผสมไว้ลงไป และคนให้ทั่ว

– ใส่ลูกชิ้นปลา ไข่ต้ม แล้วค่อย ๆ คน จากนั้นใส่ต้นหอมที่หั่นนิ้วลงไป โดยค่อย ๆ ตะล่อม ใช้ไฟอ่อนอ่อน-ไฟกลาง

– ให้เคี่ยวไปเรื่อย ๆ ห้ามหยุด จะทำให้ไม่ติดก้นกระทะ ความชูวี่ ของแป้งต๊อกจะออกมาให้เห็น น้ำจะหนืดขึ้น ฉ่ำวาวขึ้น พอหนืดได้ที่ ฉ่ำวาวแล้ว และเดือดแล้วก็ปิดไฟ

– ตบท้ายด้วยน้ำมันงา โรยงา และหอมซอย แค่นี้ก็ถือเป็นอันเสร็จ

| 3.ยำผักเกาหลี
ยำผักเกาหลี

               ยำผักเกาหลี (Korean Salad) หรือสลัดผักเกาหลี เป็นเมนูเครื่องเคียงที่ไม่ว่าจะไปทานพวกหมูย่างเกาหลีหรือร้านอาหารเกาหลีก็จะมีมาเสิร์ฟให้ทานกัน ถือว่าเป็นเมนูอาหารเกาหลีที่ทำได้ค่อนข้างง่าย

วัตถุดิบและส่วนผสม
  • ผักสลัด
  • แคร์รอต
  • หอมใหญ่สไลด์
  • กะหล่ำปลีฝอย
  • โคชูจัง
  • ซอสถั่วเหลืองเกาหลี
  • น้ำมันงา
  • พริกป่นเกาหลี
  • คอร์นไซรัป
  • น้ำเปล่า
  • น้ำส้มสายชูหมักจากแอปเปิ้ล
  • งาขาวคั่ว
วิธีทำ

– ขั้นตอนแรกให้ใส่โคชูจัง ซอสถั่วเหลืองเกาหลี น้ำมันงา พริกป่นเกาหลี คอร์นไซรัป น้ำส้มสายชู น้ำเปล่า และงาขาวในชามผสมแล้วคนให้เข้ากัน

– ใส่ผักทุกอย่างลงไปคลุกเคล้าให้ทั่ว เพียงแค่นี้ก็ถือเป็นอันเสร็จแล้ว ง่ายมาก ๆ

| 4.ซุปกิมจิ
ซุปกิมจิ

               คิมชีจีแก หรือซุปกิมจิ เป็นอาหารเกาหลีที่มีลักษณะเป็นซุป และจัดเสิร์ฟในหม้อร้อน โดยมีส่วนประกอบ ได้แก่ กิมจิ (คิมชี) หัวหอม เต้าหู้ และเนื้อสัตว์ ซึ่งอาจจะเป็นเนื้อหมูหรืออาหารทะเลก็ได้ คิมชีจีแกจะมีรสชาติเผ็ดกลมกล่อม

วัตถุดิบและส่วนผสม
  • กิมจิ
  • สันคอหมู
  • เต้าหู้ขาวแข็ง
  • หัวหอม
  • ต้นหอมญี่ปุ่น
  • ต้มหอม
  • โคชูจัง
  • พริกเกาหลี
  • น้ำตาลทราย
  • น้ำเปล่า
วิธีทำ

– ขั้นตอนแรกเตรียมวัตถุดิบ โดยการหั่นสันคอหมูเป็นชิ้นพอดีคำ หั่นกิมจิเป็นท่อน ๆ เตรียมไว้

– หั่นสันคอหมูเป็นชิ้นพอดีคำ และหั่นกิมจิเป็นท่อน ๆ

– นำหอมใหญ่และสันคอหมูลงไปผัด เมื่อหมูเริ่มสุกแล้วก็ใส่กิมจิลงไปผัดต่อสักครู่ แล้วเทน้ำลงไป ใส่ต้นหอมญี่ปุ่น

– ตั้งไฟจนเดือด ต้ม 30 นาที และเมื่อครบ 30 นาทีแล้วให้ใส่เต้าหู้ขาวแล้วต้มต่ออีก 5 นาที

– นำหอมใหญ่และสันคอหมูลงไปผัด จากนั้นใส่กิมจิลงไปผัดต่อสักครู่หนึ่ง

– เมื่อสุกได้ที่แล้วก็ทำการตักใส่ชามจัดเสิร์ฟ และโรยด้วยต้นหอม ถือเป็นอันเสร็จ

| 5.ซุปเต้าหู้อ่อนเกาหลี
ซุปเต้าหู้อ่อนเกาหลี

               ซุปกิมจิใส่เต้าหู้อ่อน จะมีรสเผ็ดอ่อน ๆ แต่มีความกลมกล่อมจากโคชูจังและหอยลาย เมื่อเคี่ยวน้ำซุปกับวัตถุดิบอื่น ๆ จนได้ที่แล้วจึงใส่เต้าหู้อ่อนลงไป จากนั้นก็เคี่ยวจนเต้าหู้ซับน้ำซุปเข้มข้น และตอกไข่ไก่ลงตรงกลางหม้อ เสร็จแล้วก็ปิดไฟ เสิร์ฟร้อน ๆ กับผักเนื้อนุ่มและเต้าหู้ชุ่มฉ่ำน้ำซุป

วัตถุดิบและส่วนผสม
  • หมูสามชั้นหรือหมูสไลด์
  • เต้าหู้อ่อน
  • ไข่ไก่
  • กิมจิ
  • โคชูจัง
  • หัวหอมใหญ่หั่น
  • เห็ดเข็มทอง
  • ต้นหอม
  • พริกเกาหลี หรือป่นละเอียด
  • น้ำมันงา
วิธีทำ

– ขั้นตอนแรกตั้งกระทะโดยใช้ไฟกลาง จากนั้นนำหมูลงกระทะ พอหมูเริ่มสุกแล้วก็ใส่หอมใหญ่ที่หั่นไว้ ตามด้วยน้ำมันงา

– ปรุงรสด้วยโคชูจังคลุกกับหมูพอหอม แล้วใส่น้ำสะอาดลงไปพอท้วมหมู

– ปรุงรสตามชอบ แล้วโรยพริกลงไป

– พอน้ำเดือดแล้วให้ใส่เห็ดเข็มทอง พอเห็ดสุกแล้วตามด้วยกิมจิและเต้าหู้หันเต๋า จากนั้นตอกไข่ใส่ และโรยด้วยต้นหอม ถือเป็นอันเสร็จ

               นี่คือ 5 เมนูอาหารเกาหลีทำเองได้ง่าย ๆ ใครที่ชอบอาหารเกาหลีอยู่แล้วน่าจะลองทำทานเองดูบ้างนะคะ เพราะบางทีเราทานอย่างเดียวอาจจะไม่สนุก ถ้าได้ลงมือทำด้วยจะทำให้เราได้เพลิดเพลินและยังได้ฝึกทักษะในการทำอาหารอีกด้วย ดังนั้นใครมีเวลาว่างอยากให้ลองนำเมนูอาหารเกาหลีที่เรานำเสนอไปลองทำทานดูนะคะ

READ MOREREAD MORE
 เปิดเมนูอาหารนานาชาติ

เปิดเมนูอาหารนานาชาติที่ใคร ๆ ก็อยากจะลิ้มรสเปิดเมนูอาหารนานาชาติที่ใคร ๆ ก็อยากจะลิ้มรส

 เปิดเมนูอาหารนานาชาติที่ใคร ๆ ก็อยากจะลิ้มรส
 เปิดเมนูอาหารนานาชาติ

               อาหารนานาชาติ ชื่อก็บอกอยู่แล้วว่ามาจากหลายชาติ ซึ่งแต่ละชาตินั้นก็จะมีเมนูอาหารที่แตกต่างกันออกไป ไม่ว่าจะเป็นเรื่องรสชาติ วัตถุดิบ วิธีการปรุงอาหาร รวมไปถึงวิธีการรับประทานก็ย่อมมีความแตกต่างกันออกไปตามขนบธรรมเนียม วิถีชีวิต และวัฒนธรรมของแต่ละชาตินั้น ๆ โดยในวันนี้เราจะมาแนะนำเมนูอาหารนานาชาติที่จะทำให้ใคร ๆ ที่เข้ามาเห็นก็ต้องอยากที่จะลิ้มรสของอาหารเมนูนั้น ๆ จะมีเมนูอาหารจากชาติใดบ้างนั้นตามมาดูกันเลยค่ะ

 | 1.สปาเก็ตตี้ครีมแซลมอน
สปาเก็ตตี้ครีมแซลมอน
ภากจาก : dailydeliciousthai.blogspot
วัตถุดิบและส่วนผสม
  • เส้นสปาเก็ตตี้
  • แซลมอนรมควันหั่นชิ้น
  • เนยแข็งชนิดจืด
  • เกลือ
  • วิปปิ้งครีม
  • วิสกี้
  • อิตาเลี่ยนพาสลี่
  • พริกไทย
  • น้ำเลมอน
  •  วิธีทำ

    1.ตั้งกระทะแล้วนำเนยจืดลงไปละลาย และใส่เนื้อปลาแซลมอน

    2.คนให้เนื้อปลาสุกดี จากนั้นก็ใส่น้ำมะนาวและวิสกี้

    3.คนสักพักแล้วใส่วิปปิ้งครีมลงไป และปรุงรสด้วยเกลือและพริกไทย

    4.ในระหว่างนี้ให้ตั้งหม้ออีกเตาแล้วใส่น้ำและเกลือ ต้มเส้นสปาเก็ตตี

    5.ตั้งเนื้อซอสโดยใช้ไฟอ่อนประมาณ 5 นาที รอให้เนื้อซอสข้นขึ้นแล้วก็ใส่อิตาเลี่ยนพาสลี่ และใส่เส้นสปาเก็ตตี้ตามไป

    6.นวดเส้นให้เนื้อซอสซึมเข้าเส้นก่อน โดยสามารถเติมน้ำลวกเส้นสปาเก็ตตี้ ถ้าเนื้อซอสแห้งแล้วก็ตักลงจานรับประทาน

                    ประโยชน์และสรรพคุณ แซลมอนมีส่วนช่วยในการป้องกันเซลล์เสื่อมสภาพ บำรุงกระดูกและยังลดความเสี่ยงต่อการเกิดโรคซึมเศร้าอีกด้วย ส่วนเนยจืดนั้นจะอุดมไปด้วยวิตามินเอที่ช่วยต่อต้านเซลล์มะเร็งได้ และพริกไทยก็ยังช่วยกระตุ้นการย่อยอาหารและยังป้องกันมะเร็งด้วย

    | 2.ลาซานญ่า
    ลาซานญ่า
    ภาพจาก : unileverfoodsolutions
     วัตถุดิบและส่วนผสม
  • เนื้อวัวหรือเนื้อหมูบด
  • แคร์รอตหั่นชิ้นเล็ก ๆ
  • กระเทียมสับละเอียด
  • หอมใหญ่
  • มะเขือเทศปอกเปลือกและเอาเม็ดออก หั่นบาง ๆ
  • ซอสมะเขือเทศ
  • ผงออริกาโน่
  • พริกไทย
  • ผงน้ำซุปไก่
  • เกลือ
  • น้ำตาล
  • น้ำมันพืช
  • น้ำ
  •  ส่วนผสมของซอสชีส
  • นมสด
  • เชดดาร์ชีสขูด
  • เนย
  • แป้งสาลี
  • พริกไทย
  • ผงลูกจันทน์เทศ
  • เกลือ
  •  วิธีทำ

    1.อุ่นกระทะให้ร้อนก่อนแล้วผัดหอมและกระเทียมสับให้พอหอม

    2.ใส่เนื้อบด แล้วค่อย ๆ คนจนสุก จากนั้นก็ใส่ซอสมะเขือเทศ และมะเขือเทศสับลงไป คนให้เข้ากัน

    3.โรยเกลือ น้ำตาล พริกไทย และออริกาโน่ ต่อมาก็เทน้ำและปรุงโดยใช้ความร้อนต่ำ ประมาณ 20 นาที แล้วค่อยเอาลงจากเตาแก๊ส จากนั้นนำมาพักไว้ด้านข้าง

    4.ทำซอสชีสโดยการตั้งกระทะและเปิดไฟปานกลาง ละลายเนยที่เตรียมไว้ จากนั้นก็ใส่แป้งแล้วคนให้เข้ากัน และค่อย ๆ เทนมสดแล้วคนไปเรื่อย ๆ

    5.ปรุงรสด้วยเกลือ พริกไทย และผงลูกจันทน์เทศ แล้วใส่ชีสขูด จากนั้นก็คนจนเป็นแผ่นหนา เอาลงจากเตาและพักไว้

    6.ใส่แผ่นลาซานญ่าลงในถาด แล้วตักซอสเนื้อใส่ลงไปบาง ๆ โดยเกลี่ยให้ทั่วก้นถาด ตามด้วยซอสชีส และวางแผ่นลาซานญ่าอีกชั้น ให้ทำอย่างนี้ไปเรื่อย ๆ เรียงสลับกันจนหมด

    7.หลังจากทำเสร็จแล้วให้นำเข้าเตาอบ ประมาณ 30 นาที โดยใช้ไฟในอุณหภูมิ 180 องศาเซลเซียส เมื่อสุกดีแล้วก็นำออกมาจัดเสิร์ฟ

                     ประโยชน์และสรรพคุณ หอมใหญ่จะช่วยลดความเสี่ยงต่อการเกิดโรคไม่ติดต่อ และมีสรรพคุณที่ช่วยขับปัสสาวะ และพริกไทยก็มีส่วนช่วยในการกระตุ้นการย่อยอาหารและยังป้องกันมะเร็งอีกด้วย

    | 3.ซีฟู๊ด ปาเอย่า
    ซีฟู๊ด ปาเอย่า
    ภาพจาก : pantip
     วัตถุดิบและส่วนผสม
  • ข้าว ปาเอญ่า (ใช้ข้าวหอมไทยแทนได้)
  • น้ำสต๊อกไก่
  • กุ้งสดและปลาสดแล่เป็นชิ้น ๆ
  • ปลาหมึกหั่นแว่น
  • หอยแมลงภู่
  • มะเขือเทศหั่นสี่เหลี่ยมลูกเต๋า
  • ถั่วลันเตาแช่แข็ง
  • หัวหอม
  • กระเทียมสับละเอียด
  • เกลือ
  • พริกไทย
  • น้ำมันมะกอกหรือน้ำมันพืช
  • พริกแดงหั่นหยาบ
  • โหระพาสับหยาบ
  • ผักชีฝรั่งสับหยาบ
  • หญ้าฝรั่น
  •  วิธีทำ

    1.ตั้งกระทะเปิดไฟแล้วใส่น้ำมันลงไปหนึ่งช้อนโต๊ะ พอร้อนดีแล้วก็ใส่อาหารทะเลทั้งหมดลงไปผัดจนเริ่มสุก

    2.โรยเกลือเล็กน้อย ใส่พริกแดง โหระพา และผักชีฝรั่งลงไปผัดแล้วให้รีบตักขึ้นใส่จานพักไว้

    3.ตั้งกระทะเปิดไฟแล้วใส่น้ำมันลงไปหนึ่งช้อนโต๊ะ พอร้อนดีแล้วให้ใส่ถั่วลันเตา และมะเขือเทศลงไปผัดพอสุก จากนั้นก็ตักขึ้นพักไว้

    4.ตั้งกระทะเปิดไฟอีกครั้ง ใส่น้ำมันที่เหลือหนึ่งช้อนโต๊ะลงไป พอกระทะร้อนแล้วก็ใส่หัวหอมและกระเทียมลงไปผัดจนหอม

    5.ใส่ข้าว และใส่หญ้าฝรั่น จากนั้นก็โรยเกลือ คลุกเคล้าให้ทั่ว จากนั้นใส่น้ำสต๊อกไก่

    และให้เปิดไฟแรงประมาณ 15 นาที ข้าวจะเริ่มเดือด หลังจากนั้นก็เบาไฟลง

    6.นำส่วนผสมที่ตักพักไว้ลงไปผัดเคล้าให้ทั่ว ชิมรสดูก่อน แล้วนำกุ้ง ปลา ปลาหมึก และหอยที่ผัดพักไว้มาเรียงไว้บนข้าวที่กำลังเดือด

    7.เมื่อน้ำซุปเริ่มแห้งแล้วข้าวก็จะสุกนิ่ม ปิดไฟและปิดฝาไว้ ปล่อยให้อบไว้อีกประมาณ 10 นาที และโรยพริกไทยก่อนรับประทาน

                     ประโยชน์และสรรพคุณ เมนูนี้จะได้รับสารอาหารจากอาหารทะเลมากมาย ซึ่งจะอุดมไปด้วยคุณค่าและสารอาหารที่ดี อย่างเช่นโปรตีน รวมทั้งแร่ธาตุที่สำคัญอย่างไอโอดีน แคลเซียม เหล็ก และวิตามินบี

     | 4.เรนดัง
    เรนดัง
    ภาพจาก : travelzeed
    วัตถุดิบและส่วนผสม
  • เนื้อวัว
  • กะทิ
  • กระวานเทศ
  • โป๊ยกั๊ก
  • อบเชย
  • ใบซาลามหรือใบกระวาน
  • ใบมะกรูด
  • ตะไคร้
  • ลูกผักชี
  • ยี่หร่า
  • ลูกจันทน์ป่น
  • พริกไทย
  • แคนเดิลนัด
  • น้ำมันพืช
  • มะพร้าวคั่ว
  • น้ำตาลโตนด
  • เกลือ
  • ซีอิ๊วดำ
  •  วิธีทำ

    1.โขลกพริกชี้ฟ้าแดง หัวหอม และกระเทียมไว้ก่อน

    2.หั่นเนื้อวัวเป็นชิ้นใหญ่

    3.ตั้งกระทะแล้วใส่น้ำมัน จากนั้นผัดพริกแกงจนหอม และใส่เนื้อลงไปผัด

    4.เติมกะทิ และใส่กระวานเทศ โป๊ยกั๊ก อบเชย ใบซาลาม ใบมะกรูด เสร็จแล้วเคี่ยวจนเนื้อเปื่อย แล้วก็ใส่มะพร้าวคั่วลงไป

    5.ปรุงรสด้วยน้ำตาลโตนด เกลือ และซีอิ๊วดำ และเคี่ยวจนน้ำขลุกขลิก

    6.ตักเสิร์ฟพร้อมกับข้าวสวยเลอมัง หรือกือตูปัต ผักลวก และน้ำพริกซัมบัล

                    ประโยชน์และสรรพคุณ เนื้อวัวจะอุดมไปด้วยโปรตีน วิตามินและเกลือแร่ที่มีคุณภาพสูง และมะพร้าวจะช่วยสร้างคอลลาเจนและอิลาสตินทำให้ผิวมีความยืดหยุ่น กระชับ และช่วยชะลอการเกิดริ้วรอย นอกจากนี้ยังจะได้รับประโยชน์มากมายจากสมุนไพรต่าง ๆ อีกด้วย

    | 5.ฮัมมูส
    ฮัมมูส
    ภาพจาก : PHOLFOODMAFIA
     วัตถุดิบและส่วนผสม
  • ถั่วลูกไก่ดิบ
  • น้ำมันมะกอก
  • กระเทียม
  • เกลือ
  • น้ำมะนาวเลมอน
  • พริกคาเยน
  • ขนมปังพิต้า
  • แคร์รอต
  • เซเลอรี่
  •  วิธีทำ

    1.ให้ล้างและแช่ถั่วลูกไก่ในน้ำเป็นเวลาอย่างน้อย 3 ชั่วโมง

    2.นำไปต้มในหม้ออัดแรงดันให้สุกดี เป็นเวลา 45 นาที

    3.นำถั่วลูกไก่ น้ำมันมะกอก กระเทียม และเกลือใส่เครื่องบดสับ โดยบดให้เข้ากัน ปรับเนื้อสัมผัสให้นุ่มขึ้นด้วยน้ำสะอาด ¼ ถ้วยและปรุงรสด้วยพริกคาเยน

    4.ก่อนจะเสิร์ฟให้พรมน้ำมันมะกอกอีกเล็กน้อย และโรยหน้าพริกคาเยน โดยให้รับประทานกับขนมปังพิต้า แคร์รอต และเซเลอรี่

                    ประโยชน์และสรรพคุณ น้ำมันมะกอกจะอุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระและวิตามินอี ส่วนน้ำมะนาวเลมอนจะช่วยลดเลือนริ้วรอย และแคร์รอตจะช่วยบำรุงและรักษาสายตา อีกทั้งยังช่วยรักษาระดับน้ำตาลในเลือดด้วย

    READ MOREREAD MORE
    5 อาหารนานาชาติที่อร่อยและมีประโยชน์

    5 อาหารนานาชาติที่อร่อยและมีประโยชน์5 อาหารนานาชาติที่อร่อยและมีประโยชน์

    5 อาหารนานาชาติที่อร่อยและมีประโยชน์
    5 อาหารนานาชาติที่อร่อยและมีประโยชน์
                   ถ้าพูดถึงอาหารนานาชาติแล้วนั้นก็คืออาหารของหลาย ๆ ชาติที่มาจากทั่วทุกมุมโลกนั่นแหละค่ะ แต่เมื่อนึกภาพของเมนูอาหารนานาชาติแล้วเราก็มักจะนึกถึงหน้าตาและรสชาติของอาหารมาก่อนเป็นอันดับแรก แต่จะมีใครบ้างที่จะคำนึงถึงเรื่องประโยชน์ของอาหารนั้น ๆ มันเป็นเรื่องจริงที่คนส่วนใหญ่มักจะมองข้ามในเรื่องคุณค่าของอาหาร แต่มักจะไปโฟกัสเรื่องหน้าตาของอาหารและรสชาติที่อร่อยไว้ก่อน แต่ไม่ต้องห่วงเลยค่ะ เพราะวันนี้เรามี 5 เมนูอาหารนานาชาติที่อร่อยและมีประโยชน์มาฝากทุกคน ไปดูกันเลยค่ะว่ามีเมนูอาหารจากชาติใดบ้าง
    1.ฟาฮิต้า
    ฟาฮิต้า
    ภาพจาก : PHOLFOODMAFIA

     วัตถุดิบและส่วนผสม

    • อกไก่หั่นตามยาว
    • ผงฟาฮิต้า
    • พริกหวานตามชอบ
    • น้ำมันรำข้าว

     วิธีทำ

                    1.หมักไก่ด้วยผงฟาฮิต้า

                    2.ใส่น้ำมันลงในกระทะแล้วย่างไก่ให้สุก

                    3.ผัดพริกหวานให้ไหม้เล็กน้อย

                    4.ตักไก่ฟาฮิต้าที่ย่างสุกแล้วใส่ชาม

                    5.ใส่พริกหวานที่ผัดราดลงไป

     ประโยชน์และสรรพคุณ อกไก่มีฟอสฟอรัสสูงช่วยบำรุงกระดูกและฟันให้แข็งแรง ส่วนพริกหวานจะช่วยลดความดันโลหิต และช่วยให้ระบบไหลเวียดเลือดได้ดี อีกทั้งน้ำมันรำข้าวยังอุดมไปด้วยสารแกมมาโอรีซานอลที่ช่วยลดคอเลสเตอรอลในหลอดเลือดและในกระแสเลือดอีกด้วย

    ----------------------------------------------------------------------

     2.บาเยีย
    บาเยีย
    ภาพจาก : krua.co

     วัตถุดิบและส่วนผสม

    • ถั่วเขียวเลาะเปลือก
    • น้ำมันสำหรับทอด
    • แป้งอเนกประสงค์
    • ลูกผักชี
    • ยี่หร่าป่น
    • ผงกะหรี่
    • ผงขมิ้น
    • น้ำตาล
    • เกลือ
    • พริกไทย
    • ผงฟู
    • ต้นหอมซอย
    • พริกแห้งทอด
    • ถั่วลิสงคั่วป่น
    • น้ำมะขามเปียก
    • น้ำตาลปี๊บ
    • น้ำตาลทราย
    • น้ำเปล่า
    • ซอสพริก
    • พริกป่น

     วิธีทำ

                    1.นำถั่วเขียวเลาะเปลือกซาวน้ำ เพื่อเอาสิ่งสกปรกออก จากนั้นก็แช่ทิ้งไว้ 1 คืน

                    2.เทน้ำออกแล้วนำมาตำให้ละเอียด

                    3.นำถั่วเขียวเลาะเปลือกที่ตำแล้วมาผสมกับแป้ง ลูกผักชี ยี่หร่าป่น ผงกะหรี่ และขมิ้น จากนั้นก็คนให้เข้ากัน

                    4.ปรุงรสด้วยน้ำตาลทราย เกลือ พริกไทย ผงฟู และตามด้วยต้นหอมซอย คนให้เข้ากันอีกที

                    5.ตั้งกระทะเทน้ำมันลงไป รอให้น้ำมันร้อนแล้วใส่บาเยียลงทอดให้สุก และนำไปพักไว้

                    6.ตั้งหม้อเปิดไฟ ใส่น้ำมะขามเปียก น้ำตาลปี๊บ น้ำตาลทราย น้ำเปล่า ซอสพริก และพริกป่น จากนั้นก็เคี่ยวให้เดือดแล้วใส่ถั่ว

                   7.คนให้เข้ากันแล้วก็ปิดไฟ พักให้เย็นแล้วค่อยนำไปปั่น พร้อมจัดลงจานกับบาเยียที่ทอดเตรียมไว้

    ประโยชน์และสรรพคุณ ถั่วเขียวจะอุดมไปด้วยแคลเซียมและฟอสฟอรัสที่ช่วยให้กระดูกและฟันแข็งแรง ผงขมิ้นจะช่วยรักษาแผลในกระเพาะอาหารและป้องกันโรคข้อเข่าอักเสบด้วย ส่วนถั่วลิสงจะอุดมไปด้วยโปรตีน ไขมันดี และเส้นใยอาหารที่มีสรรพคุณด้านสุขภาพมากมาย

    ----------------------------------------------------------------------

    3.เส้นขาวกับหมูสามชั้นผัดซอสโคชูจัง
    เส้นขาวกับหมูสามชั้นผัดซอสโคชูจัง
    ภาพจาก : cookpad

     วัตถุดิบและส่วนผสม

    • เส้นขาวเห็ดหอม “เหล่าโส่ย”
    • หมูสามชั้นสไลด์
    • กระเทียมสับ
    • หัวหอมใหญ่หั่น
    • พริกชี้ฟ้าหั่น
    • ต้นหอม
    • น้ำมัน
    • ซอสโคชูจัง
    • น้ำมันงา
    • ซอสปรุงรส
    • ซอสหอยนางรม

     วิธีทำ

                    1.ตั้งกระทะให้ร้อนแล้วใส่น้ำมันลงไป

                    2.ใส่กระเทียมสับและหัวหอมลงไปผัดให้หอม

                    3.ใส่หมูสามชั้นสไลด์ลงผัดจนสุก

                    4.ใส่เส้นขาวเห็ดหอม “เหล่าโส่ย” ที่หั่นแล้วลงผัด

                    5.ปรุงรสด้วยซอสโคชูจัง ซอสหอยนางรม ซอสปรุงรส และน้ำมันงา จากนั้นผัดให้เข้ากัน

                    6.ตักใส่จานแล้วตกแต่งด้วยต้นหอม และพริกชี้ฟ้า

     ประโยชน์และสรรพคุณ กระเทียมจะช่วยแก้ปัญหาผมร่วง ช่วยรักษาสิว และยังช่วยควบคุมน้ำหนัก หัวหอมใหญ่จะช่วยลดคอเลสเตอรอลและช่วยให้ร่างกายมีความอบอุ่น และน้ำมันงาจะทำให้เซลล์ในร่างกายสมบูรณ์แข็งแรง และยังช่วยบำรุงกระดูก อีกทั้งยังช่วยลดริ้วรอยทำให้ผิวเนียนขึ้นอีกด้วย

    ----------------------------------------------------------------------

    4.สปาเก็ตตี้โบโลน่าซอส
    สปาเก็ตตี้ คาโบนาร่า
    ภาพจาก : mid34822.wordpress

     วัตถุดิบและส่วนผสม

    • เส้นสปาเก็ตตี้
    • แคร์รอตหัวใหญ่หั่นเต๋า
    • หัวหอมใหญ่หั่นเต๋า
    • เซเลอรี่หั่นชิ้นเล็ก
    • กระเทียมทุบ
    • เนื้อวัว หรือเนื้อหมูสับ
    • ไวน์แดงหรือขาว
    • น้ำมันมะกอก
    • ใบโหระพาฝรั่ง
    • เครื่องปรุงอิตาเลี่ยน
    • มะเขือเทศกระป๋องชนิดลอกเปลือก
    • มะเขือเทศเข้มข้น
    • เกลือ

     วิธีทำ

                    1.เตรียมแคร์รอต หัวหอมใหญ่ และเซเลอรี่

                    2.ตั้งกระทะแล้วเทน้ำมันมะกอกและกระเทียมลงไปผัดให้หอมเสร็จแล้วก็ใส่แคร์รอต หัวหอมใหญ่ และเซเลอรี่ลงไปผัดจนนุ่ม

                    3.ใส่เนื้อลงไปผัดให้พอสุก แล้วใส่เกลือ และใบโหระพาที่หั่นแล้วลงไป

                    4.ใส่ไวน์แดงลงไปแล้วก็คนต่อจนแห้ง

                    5.ใส่มะเขือเทศเข้มข้น และมะเขือเทศกระป๋อง จากนั้นให้นำกระป๋องมาตวงน้าต้มสุกใส่ลงไปอีก 1 กระป๋อง

                    6.ตั้งไฟอ่อนแล้วรอต่อไปประมาณ 2 ชั่วโมง

                    7.ระหว่างที่รอเกือบจะครบสองชั่วโมง ให้ตั้งหม้ออีกเตาใส่น้ำและเกลือ และต้มเส้นสปาเก็ตตี้

                    8.เมื่อเส้นนุ่มแล้วก็ตักใส่น้ำซอสและคลุกเส้นให้เนื้อซอสซึมเข้าไปในเส้น เสร็จแล้วตักใส่จานรับประทาน

     ประโยชน์และสรรพคุณ แคร์รอตจะช่วยบำรุงและรักษาสายตา และมีส่วนช่วยในการชะลอวัย หัวหอมใหญ่จะช่วยล้างพิษ และรักษาฝ้า กระ และจุดด่างดำบนใบหน้า นอกจากนี้ยังจะได้รับโปรตีนจากเนื้อสัตว์อีกด้วย

    ----------------------------------------------------------------------

    5.Claudia’s favorite
    Claudia’s favorite
    ภาพจาก : bloggang

     วัตถุดิบและส่วนผสม

    • อกไก่นำหั่นชิ้นใหญ่
    • แป้งข้าวโพดละลายน้ำข้น ๆ
    • งาขาวคั่วใหม่ ๆ
    • ซีอิ๊วขาว
    • พริกไทยป่น
    • น้ำมันงา
    • น้ำตาลทราย
    • ซีอิ๊วดำหวาน
    • น้ำมันงาสำหรับผัด
    • น้ำเปล่า

     วิธีทำ

                    1.นำอกไก่ที่หั่นเป็นชิ้น ๆ พริกไทย ซีอิ๊วขาว น้ำมันงา และน้ำตาลทรายเล็กน้อย คลุกเคล้าในกาละมังให้เข้ากัน หมักไว้สักพักใหญ่ ๆ

                    2.ตั้งกระทะให้ร้อนเทน้ำมันงาลงไปนิดหน่อย เอาเนื้อไก่ลงผัด โดยให้เปิดไฟกลาง ๆ ผัดไปให้มีสีสวย ๆ และด้านนอกเป็นสีเหลืองอ่อน ๆ

                    3.ใส่น้ำเปล่าพอท่วมแล้วหรี่ไฟ จากนั้นปล่อยให้เดือดพอดี ๆ

                    4.กะดูว่าเนื้อไก่สุกดีแล้วและปริมาณน้ำซอสเพียงพอกับความต้องการก็ให้ใส่แป้งข้าวโพดละลายน้ำลงไป โดยให้คนเร็ว ๆ และผัดต่ออีกสักพัก รอให้แป้งสุกดีก่อนแล้วค่อยปิดไฟ เสร็จแล้วตักใส่จานรับประทาน

     ประโยชน์และสรรพคุณ อกไก่จะมีฟอสฟอรัสสูง ซึ่งจะช่วยบำรุงกระดูกและฟันให้แข็งแรง ส่วนงาขาวนั้นก็ช่วยบำรุงกระดูกและมีแคลเซียมสูงเช่นกัน นอกจากนี้น้ำมันงายังช่วยชะลอการเสื่อมสภาพของเซลล์ ทำให้เลือดไหลเวียนได้ดีขึ้น และลดความเสี่ยงต่อการเกิดโรคมะเร็งด้วย

    READ MOREREAD MORE
    5 อาหารลดความเครียดมีอยู่จริง

    5 อาหารลดความเครียดมีอยู่จริง5 อาหารลดความเครียดมีอยู่จริง

    5 อาหารลดความเครียดมีอยู่จริง

    5 อาหารลดความเครียดมีอยู่จริง

    5 อาหารลดความเครียดมีอยู่จริง

                   ถ้าพูดถึงความเครียดแล้วนั้นถือว่าเป็นสิ่งที่ไม่ดีต่อสุขภาพเลยค่ะ เพราะมันจะส่งผลให้สุขภาพของเรานั้นแย่ลง เวลาเครียดบางคนก็เลือกที่จะนอนอยู่เฉย ๆ บางคนเลือกที่จะใช้กำลัง หรือบางคนเลือกที่จะกิน แต่ยิ่งกินก็ยิ่งเครียด ยิ่งเครียดก็ยิ่งกิน จนมานึกได้ทีหลังว่าที่น้ำหนักขึ้นนั้นเกิดจากการกินนี่เอง และวันนี้เราอยากจะนำเสนออาหารที่ช่วยลดความเครียด ซึ่งต้องบอกว่า 5 อาหารลดความเครียดมีอยู่จริง ที่หลาย ๆ คนอาจจะยังไม่ทราบว่าอาหารเหล่านี้จะสามารถช่วยลดความเครียดได้ จะมีอะไรบ้างนั้นไปดูกันเลยค่ะ

     5 อาหารลดความเครียด

     1.ปลาแซลมอน

                    ในปลาแซลม่อนนั้นมีกรดไขมันโอเมก้า 3 ซึ่งมีส่วนช่วยให้ร่างกายหลั่งฮอร์โมนเซโรโทนินมากยิ่งขึ้น จะช่วยในการควบคุมอารมณ์ และทำให้ความจำดีขึ้นอีกด้วยนะคะ นอกจากนี้ยังช่วยทำให้จิตใจแจ่มใส และป้องกันโรคที่เกี่ยวกับระบบประสาทและสมองอีกด้วยค่ะ เพียงแค่เราทานปลาครั้งละ 2-3 อาทิตย์ก็จะช่วยให้เรามีร่างกายที่แข็งแรงแล้วค่ะ ส่วนคนที่มีกำลังมีความเครียดอยู่นั้น เราก็แนะนำให้ทานปลาแซลมอนเลยค่ะ

     2.ถั่วลิสง

                   ทุกคนทราบไหมคะว่าถั่วลิสงนั้นอุดมไปด้วยวิตามินกลุ่มบี ที่ช่วยในการบำรุงประสาทช่วงก่อนมีประจำเดือน สำหรับผู้หญิงควรทานอาหารที่มีวิตามินบี 6 เพราะจะทำให้จิตใจนั้นสงบขึ้น และยังสามารถป้องกันโรคเกี่ยวกับระบบประสาท แก้อาการขี้ลืม และยังช่วยบรรเทาอาการกล้ามเนื้อหดเกร็งอีกด้วยค่ะ แต่แนะนำให้ทานในปริมาณที่เหมาะสมและพอดีนะคะ เพราะถั่วก็มีแคลอรี่เยอะพอสมควรค่ะ

     3.ชีส

                   ในชีสนั้นจะมีกรดไทโรซีนที่ช่วยเพิ่มสารที่ใช้ในการสั่งงานของระบบประสาทและช่วยลดความเครียดได้ค่ะ นอกจากนี้ยังช่วยป้องกันโรคเกี่ยวกับระบบประสาท บรรเทาอาการก่อนมีประจำเดือน ลดอาการตื่นเต้น และความเครียดได้ อีกทั้งยังช่วยให้มีความจำดีขึ้นอีกด้วยค่ะ ใครที่เครียด ๆ แนะนำให้ทานชีสกันนะคะ แต่ถ้าใครกลัวอ้วนนั้นไม่ต้องห่วงเลย เราแนะนำให้ทานชีสสูตร Low Fat หรือ No Fat ค่ะ

     4.ถั่วเหลือง

                   ถั่วเหลืองเป็นแหล่งรวมคุณประโยชน์เลยแหละค่ะ ในถั่วเหลืองนั้นจะมีแมกนีเซียมและแคลเซียมที่ช่วยให้ระบบประสาทมีความมั่นคงมากขึ้น และก็ยังช่วยผ่อนคลายกล้ามเนื้ออีกด้วย การทานถั่วเหลืองในปริมาณที่เหมาะสมนั้นจะช่วยลดความเครียด บำรุงสมอง แก้อาการนอนไม่หลับ และบรรเทาอาการกล้ามเนื้อหดเกร็งได้ค่ะ เราแนะนำให้ทานถั่วเหลืองในปริมาณที่พอดีนะคะ ซึ่งอาหารหรือเครื่องดื่มที่ทำจากถั่วเหลืองก็มีเยอะแยะเลยค่ะ โดยสามารถเลือกทานได้ตามสะดวกและอยู่ในความเหมาะสม

     5.ข้าวหอมนิล

                    มาถึงอาหารลดความเครียดชนิดสุดท้ายแล้ว ซึ่งต้องบอกว่าเป็นข้าวที่ถือว่าเป็นอาหารหลักของคนไทยเราเลยค่ะ โดยในข้าวหอมนิลนั้นจะมีคาร์โบไฮเดรตที่มีส่วนช่วยสร้างฮอร์โมนเซโรโทนิน ซึ่งสามารถช่วยลดความเครียดและความวิตกกังวลได้นั่นเองค่ะ อีกทั้งยังสามารถบรรเทาอาการกล้ามเนื้อหดเกร็ง และช่วยให้มีความจำที่ดีขึ้นอีกด้วย ใครที่ยังไม่เคยทานข้าวหอมนิลก็แนะนำให้ลองสักครั้งนะคะ ถือว่าเป็นข้าวอีกหนึ่งชนิดที่อุดมไปด้วยคุณประโยชน์ต่าง ๆ มากมาย ถ้าใครมีความเครียด การรับประทานข้าวหอมนิลก็สามารถช่วยคุณลดความเครียดได้ค่ะ

                   จบไปแล้วนะคะกับการนำเสนอ 5 อาหารลดความเครียด ซึ่งต้องบอกว่าเป็น 5 อาหารลดความเครียดมีอยู่จริง ที่ทุกคนสามารถเลือกรับประทานได้ค่ะ ต้องบอกว่านอกจากจะลดความเครียดได้แล้ว อาหารแต่ละประเภทที่เราแนะนำไปนั้นล้วนแล้วแต่มีคุณประโยชน์ต่าง ๆ อีกมากมาย ซึ่งไม่ได้มีดีแค่ช่วยลดความเครียดได้อย่างเดียว แต่ยังทำให้สุขภาพร่างกายของเรานั้นดีขึ้นอีกด้วยค่ะ และถ้าใครที่รู้สึกอยากจะผ่อนคลาย ลดความเครียดบ้างเราแนะนำให้หาอาหารทั้ง 5 ประเภทนี้มาทานกันเลยค่ะ หวังว่าจะได้ผลนะคะ

    READ MOREREAD MORE
    แซลมอนมีประโยชน์ต่อร่างกาย

    แซลมอนมีประโยชน์ต่อร่างกายแซลมอนมีประโยชน์ต่อร่างกาย

    แซลมอนมีประโยชน์ต่อร่างกาย

    แซลมอนมีประโยชน์ต่อร่างกาย

    แซลมอนมีประโยชน์ต่อร่างกาย

                   การมีสุขภาพร่างกายที่แข็งแรงนั้นถือว่าเป็นของขวัญที่ดีที่สุดในชีวิตแล้ว เพราะนอกจากจะทำให้เรามีชีวิตที่ยืนยาวแล้ว ยังทำให้เรานั้นสามารถทำอะไรได้อีกหลาย ๆ อย่าง ถึงแม้ว่าจะมีอายุที่มากขึ้นก็ตาม แต่ถ้าร่างกายของเรายังแข็งแรงเราก็ยังสามารถทำในสิ่งที่วัยรุ่นทำได้เช่นกัน และถ้าพูดถึงร่างกายที่แข็งแรงแล้ว เราก็จะนึกถึงการออกกำลังกาย การพักผ่อน รวมไปถึงการรับประทานอาหารที่ดี โดยบทความนี้เราจะมาบอกประโยชน์ของปลาแซลมอนว่าปลาแซลมอนนั้นมีประโยชน์ต่อร่างกายอย่างไร

     เหคุผลที่ควรรับประทานปลาแซลมอน

                    ปลาแซลมอนนั้นถือว่าเป็นหนึ่งในอาหารสุขภาพดีที่สุดในโลก โดยสมาคมโรคหัวใจของประเทศสหรัฐอเมริกาเขาได้แนะนำให้เรารับประทานปลาแซลมอนอย่างน้อย 2 ครั้งต่อสัปดาห์ เพราะในปลาแซลมอนนั้นจะอุดมไปด้วยกรดไขมัน โอเมก้า 3 โปรตีน วิตามิน และเกลือแร่ ที่จะช่วยลดความเสี่ยงต่อโรคและอาการต่าง ๆ และนี่คือเหตุผลที่เราควรรับประทานปลาแซลมอน เพื่อดูแลสุขภาพของตัวเองให้แข็งแรง

     ปลาแซลมอนมีประโยชน์ต่อร่างกายอย่างไรบ้าง

     1.มีวิตามินดีสูง

                   ปลาแซลมอนนั้นถือว่ามีวิตามินดีสูง ซึ่งจะช่วยให้สุขภาพของเรานั้นแข็งแรง และทุกคนทราบไหมคะว่าถ้าหากร่างกายของเราขาดวิตามินดีไปนั้นอาจจะทำให้มีความเสี่ยงที่จะเป็นโรคต่าง ๆ ได้ ไม่ว่าจะเป็นโรคมะเร็ง โรคหัวใจและหลอดเลือด โรคปลอกประสาทอักเสบ โรคข้อรูมาตอยด์ และโรคเบาหวานชนิดที่ 1 ซึ่งการทานปลาแซลมอนจะช่วยป้องกันไม่ให้เกิดโรคเหล่านี้ ใครที่ไม่ค่อยชอบทานปลาแซลมอนก็ค่อย ๆ ลองก็ได้ค่ะ แค่ทานเพียง 1 กระป๋องก็ได้รับวิตามินดีเพียงพอต่อวันแล้ว

     2.ช่วยส่งเสริมการทำงานของหลอดเลือดและหัวใจ

                   ถ้าหากเรารับประทานปลาแซลมอน 2-3 ครั้งต่อสัปดาห์ก็จะช่วยป้องกันโรคต่าง ๆ ได้ เพราะในปลาแซลมอนนั้นอุดมไปด้วยโอเมก้า 3, EPA และ DHA ซึ่งมีประโยชน์ต่อหลอดเลือดและหัวใจมากเลยค่ะ โดยการรับประทานปลาแซลมอน 2-3 ครั้งต่อสัปดาห์นั้นจะช่วยป้องกันได้ทั้งอาการหัวใจวาย สโตรก หัวใจเต้นผิดจังหวะ ความดันโลหิตสูง และไตรกลีซอไรด์ในเลือดสูงอีกด้วย

     3.รักษาโรคข้อกระดูกอักเสบ

                   ปลาแซลมอนนั้นมีส่วนช่วยในการรักษาโรคข้อกระดูกอักเสบและอาการอักเสบของข้อต่อต่าง ๆ ได้ดีเลยทีเดียว เพราะในปลาแซลมอนนั้นมีไบโอแอคทีฟแปปไทด์ ซึ่งมีกรดโปรตีนอย่างแคลซิโทนินที่มีส่วนช่วยเพิ่มและสร้างความสมดุลของการสังเคราะห์คอลลาเจนในกระดูกอ่อนของเรานั่นเอง นอกจากนั้นโปรตีนที่พบในปลาแซลมอนยังช่วยเพิ่มความหนาแน่นของมูลกระดูกและความแข็งแรงของกระดูกอีกด้วย ใครที่มีปัญหาเกี่ยวกับกระดูกต้องหาปลาแซลมอนมาทานบ้างแล้วแหละ

     4.ลดความเสี่ยงของอาการซึมเศร้า

                   อย่างที่เราได้บอกไปว่าในปลาแซลมอนนั้นมีโอเมก้า 3 ซึ่งโอเมก้า 3 นี้จะช่วยทำให้ระบบประสาทและสมองทำงานได้ดียิ่งขึ้น และในสมองของเรานั้นก็มีไขมันเป็นส่วนประกอบถึง 60% เลยทีเดียวค่ะ และส่วนมากก็เป็นโอเมก้า 3 นอกจากนี้การรับประทายปลาแซลมอนเป็นประจำจะช่วยลดความเสี่ยงและการเกิดอาการซึมเศร้าอีกด้วย อีกทั้งยังสามารถลดความเสี่ยงภาวะสมองเสื่อมในผู้สูงอายุได้ด้วย บอกเลยว่าปลาแซลมอนนั้นมีสารอาหารที่เยอะมากจริง ๆ ค่ะ

     5.ช่วยพัฒนาสมองของทารกในครรภ์

                   ปลาแซลมอนจะอุดมไปด้วย DHA ซึ่งเป็นกรดไขมันจำเป็นพื้นฐานของเซลล์สมองและจอประสาทตาค่ะ คุณแม่ที่กำลังตั้งครรภ์หรือกำลังให้นมลูกก็สามารถทานปลาแซลมอนเพื่อบำรุงสมองและส่งเสริมพัฒนาการเรียนรู้ของลูกได้เช่นกันนะคะ และนอกจากนั้นเด็ก ๆ ที่อยู่ในวัยก่อนเข้าเรียนก็สามารถรับประทานปลาแซลมอนได้ค่ะ ซึ่งมีส่วนช่วยป้องกันโรคสมาธิสั้น (ADHD) และยังช่วยส่งเสริมความสามารถในการเรียนรู้ของเด็ก ๆ อีกด้วยค่ะ

     6.ป้องกันเซลล์เสื่อมสภาพ

                    ในปลาแซลมอนจะมีสารอาหารที่ชื่อว่าซีลีเนียมที่เป็นแร่ธาตุชนิดหนึ่ง ซึ่งจะช่วยต่อต้านอนุมูลอิสระในร่างกายของเราค่ะ และสารอาหารนี้จะช่วยลดความเสี่ยงต่อการเกิดข้ออักเสบ และส่งเสริมให้ระบบภูมิคุ้มกันและไทรอยด์นั้นทำงานได้ดียิ่งขึ้น ที่สำคัญช่วยป้องกันเซลล์เสื่อมสภาพและทำให้เนื้อเยื่อต่าง ๆ นั้นแข็งแรงอีกด้วย

                   เห็นไหมว่าปลาแซลมอนมีประโยชน์ต่อร่างกายของเราอย่างไร นอกจากจะช่วยบำรุงส่วนต่าง ๆ ของร่างกายแล้ว ยังสามารถรักษาโรคและอาการต่าง ๆ ได้ดีอีกด้วย และยังไม่พอนะคะ ปลาแซลมอนนั้นถือว่าเป็นอาหารชั้นดีที่ใคร ๆ ก็สามารถทานได้เลยแหละค่ะ ต้องบอกว่าเด็กทานได้ผู้ใหญ่ทานดี ใครที่อยากสุขภาพร่างกายแข็งแรงแนะนำให้ทานปลาแซลมอนเลย

    READ MOREREAD MORE