หมวดหมู่: อาหารนานาชาติ

ซุปมิโสะ

ซุปมิโสะ หนึ่งในซุปที่มักมาพร้อมอาหาร ญี่ปุ่น เมนูนี้ต้องทำอย่างไร เรามาเก็บสูตรไปพร้อมกันดีกว่าซุปมิโสะ หนึ่งในซุปที่มักมาพร้อมอาหาร ญี่ปุ่น เมนูนี้ต้องทำอย่างไร เรามาเก็บสูตรไปพร้อมกันดีกว่า

ซุปมิโสะ

เวลาเราไปที่ร้านอาหารในสไตล์ญี่ปุ่น ซุปอย่าง ซุปมิโสะ ต้องมีมาพร้อมเสิร์ฟกับอาหารของคุณ เพื่อเพิ่มความอร่อยและลื่นคอมากขึ้นอย่างแน่นอน แต่ถ้าอยากทำกินเองที่บ้าน เพื่อให้ได้ซดซุปร้อน ๆ เพิ่มความสดชื่น ผ่อนคลาย และทำให้กินอาหารเมนูอื่น ๆ ได้อร่อยมากขึ้นจะต้องทำอย่างไร วันนี้เราเตรียมสูตรเด็ดทำง่าย อร่อยเหมือนต้นตำรับมาฝากกันเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

ที่มาของ ซุปมิโสะ

ซุปมิโสะ

ซุป มิโสะ นั้นจริง ๆ ทางญี่ปุ่นรับเอาวิธีทำมาจากประเทศจีน ผ่านทางคาบสมุทรเกาหลี และมีในญี่ปุ่นมานานกว่า 1,000 ปีกันแล้ว จนทุกวันนี้กลายเป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้สำหรับเมนู อาหาร ญี่ปุ่นกันเลยก็ว่าได้ เพราะในซุปชนิดนี้มาพร้อมสารอาหารที่ช่วยเพิ่มสุขภาพที่ดี และยังสามารถทำให้แห้งเพื่อผสมน้ำร้อนและกินกันได้อย่างง่ายดาย ทำให้เป็นเมนูที่ได้รับความนิยมมากขึ้นจนถึงปัจจุบันนั่นเอง

วัตถุดิบในการทำ ซุปมิโสะ ด้วยตัวเอง

ใครที่ต้องการลองทำซุปมิโสะ ด้วยตนเอง วันนี้เราเตรียมวัตถุดิบที่คุณต้องใช้ในการทำซุป มิ โซะมาฝากกันเป็นที่เรียบร้อยแล้ว มีอะไรบ้างเพื่อให้คุณได้ทำซุปในตำนานเมนูนี้ด้วยตัวเอง มาดูกันเลย

ซุปมิโสะ
  • วัตถุดิบในการทำมิ โซะ ซุป
    • น้ำสะอาด 2 ลิตร
    • เต้าเจี้ยวญี่ปุ่น 3-4 ช้อนโต๊ะ
    • เต้าหู้ญี่ปุ่นแบบนิ่ม 1 ก้อน
    • สาหร่ายสด 100 กรัม (วากาเบะ)
    • ปลาโอแห้ง 2 ช้อนโต๊ะ (หรือจะใช้ผงปลาดาชิแทนก็ได้เช่นกัน)
    • ต้นหอมซอย ½ ถ้วย

วิธีทำซุปมิโสะ

ซุปมิโสะ

หลังจากที่เตรียมวัตถุดิบสำหรับซุปมิโสะกันเป็นที่เรียบร้อยแล้ว เรามาเริ่มเข้าสู่ขั้นตอนของวิธี ทำ ซุป มิ โซะกันเลยดีกว่า บอกเลยว่าทำไม่ยาก แถมยังได้ความอร่อยแบบต้นตำรับกันอักด้วย

  1. เริ่มจากการเตรียมเต้าหู้ขาวญี่ปุ่นด้วยการหั่นเป็นชิ้นสี่เหลี่ยมลูกเต๋าเล็ก ๆ เตรียมไว้ก่อน
  2. เริ่มตั้งหม้อแล้วต้มน้ำให้เดือด ใส่ปลาโอแห้ง หรือผงปลาดาชิลงไป จากนั้นใส่เต้าหู้ญี่ปุ่นที่หั่นไว้ลงไป ตามด้วยสาหร่ายวากาเบะ แล้วต้มให้เดือด
  3. เมื่อเดือดให้ทำการตักน้ำที่เดือดใส่ถ้วย แล้วตักเต้าเจี้ยวญี่ปุ่นใส่ลงในถ้วย คนให้เต้าเจี้ยวญี่ปุ่นให้ละลาย เทกลับใส่หม้อ คนพอเข้ากัน จากนั้นก็ปิดไฟได้เลย
  4. เมื่อพร้อมแล้วสามารถตักซุปมิโซะใส่ถ้วย โรยต้นหอมซอยลงไปตามชอบ จากนั้นก็ซดซุปร้อน ๆ หอม อร่อย และได้ประโยชน์ถ้วยนี้กันได้เลย หรือจะเอาไว้กินคู่กับเมนูอื่น ๆ ก็เข้ากันได้ดีเช่นกัน

ประโยชน์ของเมนูซุปมิโสะ

ใครที่เลือกทำ ซุป มิโสะ เองบอกเลยว่าคุณสามารถเพิ่มเติมประโยชน์จากวัตถุดิบได้ ดังนั้นเรามาดูกันดีกว่าว่าซุปถ้วยนี้สามารถให้ประโยชน์อะไรกับคุณได้บ้าง

ซุปมิโสะ
  • มีโปรไบโอติกสูง

ในมิโสะนั้นมีถั่วเหลืองอยู่ และเป็นวัตถุดิบที่มีโปรไบโอติกสูง เป็นประโยชน์กับระบบย่อยอาหาร ระบบภูมิคุ้มกัน ช่วยลดอาการภูมิแพ้ ปรับสมดุลลำไส้ ลดอาการท้องผูก และท้องเสีย ดังนั้นใครที่มองหาอาหารที่ดีกับลำไส้ไม่ควรพลาด

  • วิตามินสูง พร้อมด้วยสารต้านอนุมูลอิสระ

โดยสารอาหารที่ดีนั้นมีหลากหลายไม่ว่าจะเป็นกรดฟีโนลิก (phenolic acid) กรดเฟอรูริก (ferulic acid) กรดคูมาริก (coumaric acid) กรดไซรินจิก (syringic acid) และกรดโคจิก (kojic acid) ซึ่งช่วยต้านมะเร็งได้เป็นอย่างดี

  • มีสารอาหารที่ดีกับกระดูกและฟัน

ไม่ว่าจะวัยไหนก็ต้องดูแลกระดูกและฟันให้แข็งแรง ดังนั้นการเลือกกินมิโสะมีส่วนช่วยบำรุงร่างกายได้ เพราะมาพร้อมกับแคลเซียม แมกนีเซียม และแมงกานีส ช่วยป้องกันและลดความเสี่ยงของการเกิดโรคกระดูกพรุน

วันนี้ได้ทั้งวัตถุดิบหลัก สูตรในการทำ พร้อมทั้งประโยชน์จากเมนูซุปในตำนานอย่างซุปมิโสะ กันไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ใครที่ชอบทำอาหารเอง หรือต้องการฝึกสกิลการทำอาหารไม่ควรพลาดการเลือกเมนูนี้เข้าไปอยู่กับมื้ออาหาร ซดให้ลื่นคอ เข้ากับเมนูได้หลากหลาย หนึ่งในเมนูที่ควรค่ากับการลองทำ

อ่านบทความอื่นๆ:

READ MOREREAD MORE
อุด้ง

ใครชอบความหนานุ่มของ อุด้ง คุณสามารถทำเองได้ง่าย ๆ ที่บ้าน ทำอย่างไรบ้าง มาดูกันใครชอบความหนานุ่มของ อุด้ง คุณสามารถทำเองได้ง่าย ๆ ที่บ้าน ทำอย่างไรบ้าง มาดูกัน

อุด้ง

อุด้ง เป็นเมนูอาหารญี่ปุ่นที่นิยมกันไปทั่วโลก โดยมีลักษณะเป็นเส้น ทำจากแป้งสาลี เส้นหนา ยาว มีสีขาว นิยมกินตอนร้อน ๆ ในซุปใส ซุปโชยุ และมิริง ความจริงแล้วเมนูนี้มีชื่อเรียกหลายชื่อ ขึ้นอยู่กับอาหารที่นำมาคู่กัน ไม่ว่าจะเป็น เท็มปูระ อุด้งคิตสึเนะ อุด้งซูรุ อุด้งใครอยากลองรู้จักและทำเมนูนี้มาเก็บสูตรกัน

ประวัติของเมนูดังอย่าง อุด้ง

อุด้ง

ก่อนจะไปเริ่ม เรามารู้ประวัติของ อุ ด้ง กันก่อนดีกว่า โดยอุด้ง ประวัตินั้นมีต้นกำเนิดของเมนูนี้มาจากทางเหนือของจีน ได้แรงบันดาลใจมาจากเส้นชูเมี่ยน ทำมาจากแป้งสาลี มีความหนา กินกับซุปเต้าเจี้ยว แต่พอเผยแพร่มาที่ญี่ปุ่นจากเหล่าพระสงฆ์ที่เคยเดินทางไปจีน จึงเริ่มปรับสูตรอุด้ง ญี่ปุ่นให้เข้ากับความชอบของคนในพื้นที่ และมีความเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวมากขึ้น จากเหล่าพระที่มีชื่อว่า พระเอ็นนิ และ พระคูไก

วัตถุดิบสำหรับการทำ อุด้ง

มาดูกันว่าถ้าต้องการเตรียมวัตถุดิบสำหรับอุด้ง จะต้องเตรียมอะไรบ้าง เพื่อให้ออกมาเป็นเมนูตามที่ต้องการมากที่สุด ซึ่งความสนุกของเมนูอุด้ง ง่ายๆ คือ สามารถปรับเพิ่มรสชาติได้ตามความชอบ ซึ่งวันนี้เราจะมาแนะนำเป็นแบบน้ำใส พร้อมแล้วมาเริ่มเก็บรายการวัตถุดิบไปพร้อมกันได้เลย

อุด้ง
  • วัตถุดิบในการทำ
    • เส้น อุด้ง ลวก 1 ถุง
    • ซุปดาชิ 500 มล.
    • ปลาแห้ง 20 กรัม
    • ต้นหอมญี่ปุ่น 20 กรัม
    • โชยุ 1 ช้อนโต๊ะ
    • มิริน 2 ช้อนโต๊ะ
    • สาเก 20 กรัม
    • นํ้าตาลกรวด ½ ช้อนโต๊ะ
    • ข้าวโพด 4 ช้อนโต๊ะ
    • นารุโตะมากิ 4 ชิ้น
    • อินาริ อาเกะ 4 ชิ้น
    • ผักกวางตุ้งญี่ปุ่น 30 กรัม
    • ผิวส้ม 5 กรัม
    • น้ำมะนาว 5 กรัม

วิธีทำซุปอุด้ง ใสให้อร่อยถึงใจ

มาถึงขั้นตอนการทำอุด้งกันแล้ว เมนูนี้จะต้องใส่ใจความพิถีพิถันอย่างไรบ้าง เรามาติดตามวิธีทำไปพร้อมกันเลยดีกว่า บอกเลยว่าทำสนุก กินได้หลายคน แถมยังได้เก็บสกิลการทำอาหารนานาชาติเพิ่มขึ้นอีกด้วย

อุด้ง
  1. เริ่มต้นจากการใส่น้ำสะอาด ซุปดาชิ ตามด้วยปลาแห้งลงในหม้อต้ม ทำการเคี่ยวและปรุงรสน้ำซุป จากนั้นกรองน้ำซุปให้เหลือแต่ส่วนที่ใส แล้วทำการพักเอาไว้
  2. มาเริ่มเตรียมผักโรยหน้า และทำการลวกผักกวางตุ้ง ข้าวโพด ให้สุก จากนั้นพักเตรียมเอาไว้
  3. ต้มนํ้าให้เดือด แล้วใส่เส้นลงไป เมื่อลวกให้สุก ให้ทำการพักไว้ให้สะเด็ดน้ำ
  4. ใส่น้ำซุปลงในหม้อ ตามด้วย อินาริ อาเกะ ผิวส้ม น้ำมะนาว
  5. สุดท้ายใส่เส้นลงในชาม ราดด้วยน้ำซุป ใส่ผักโรยหน้า ตกตแงเพิ่มด้วยนารุโตะมากิ พร้อมเสิร์ฟให้กินกันแบบร้อน ๆ บอกเลยว่าเหมาะกับอากาศเย็น ๆ เป็นอย่างมาก

รวมเมนูดังที่คนนิยมกิน

อย่างที่บอกกันไปแล้วว่าเส้นอุด้ง นั้นสามารถนำมาประยุกต์ทำได้หลากหลายเมนู เรามาทำความรู้จักกับอุด้งเส้นสดที่คนนิยมกินกันดีกว่าว่ามีอะไรบ้าง เผื่อว่าคุณจะได้ไปตามหาสูตรทำ อุด้ง ง่ายๆ กินกัน

อุด้ง
  • ต้มยำกุ้งเทมปุระ

เป็นการปรับน้ำซุปให้มีความเผ็ดร้อน สามารถเลือกได้ว่าจะเป็นต้มยำแบบไทย หรือแค่ใส่พริกน้ำมันงาให้เผ็ดสไตล์ญี่ปุ่น จากนั้นนำกุ้งทอดเทมปุระมาวางด้านบน บอกเลยว่าเป็นความลงตัวของรสชาติที่ใครลองก็ต้องติดใจ

  • ผัดฉ่าทะเล

เมนูนี้ฟิวชั่นความเป็นญี่ปุ่นกับไทยเอาไว้ได้อย่างลงตัว ใส่เครื่องผัดฉ่า และวัตถุดิบจากทะเล ปรุงแบบไทย ๆ แต่เลือกใส่เส้นแบบญี่ปุ่นลงไป ผัดแล้วชิมได้สัมผัสความเผ็ดร้อนที่ลงตัวกับเส้นหนานุ่ม

อุด้ง

นอกจากนี้ยังมีเมนูอุด้ง อย่างอุด้งเสียบไม้ให้คุณได้เลือกกินกันอีกด้วย ยกให้เป็นเส้นที่เอามาปรับได้หลากหลายเกินคาด ไม่ว่าจะผสมผสานกับอาหารชาติไหนก็ดูเหมือนเส้นตัวนี้จะทำหน้าที่ได้อย่างน่าประทับใจ ดังนั้นใครชอบเมนูฟิวชั่นห้ามพลาด

อ่านบทความอื่นๆ:

READ MOREREAD MORE
ทงคัตสึ

ใครชอบเมนูทอดมาเก็บสูตร ทงคัตสึ อย่างหมูทอดทงคัตสึไปทำกินเองที่บ้านกันดีกว่าใครชอบเมนูทอดมาเก็บสูตร ทงคัตสึ อย่างหมูทอดทงคัตสึไปทำกินเองที่บ้านกันดีกว่า

ทงคัตสึ

เวลาไปร้านอาหารญี่ปุ่นเมนูอย่าง ทงคัตสึ ต้องอยู่ในเมนูอย่างแน่นอน ซึ่งสามารถเลือกทำได้หลากหลายสไตล์ วันนี้ใครอยากลองทำกินเองที่บ้านมาเก็บสูตรที่รับรองว่าทำแล้วเหมือนกินที่ร้าน อร่อย กรอบ นุ่ม กินกับข้าวญี่ปุ่นร้อน ๆ ยิ่งถูกใจ พร้อมแล้วเรามาเริ่มเก็บสูตรของเมนูเด็ดระดับโลกเมนูนี้ไปพร้อมกันดีกว่า

ประวัติความเป็นมาของ ทงคัตสึ

ทงคัตสึ

เมนูอย่าง ทง คัตสึ นั้นมีต้นกำเนิดมาจากอาหารฝรั่งเศส เป็นการใช้เนื้อที่เป็นส่วนซี่โครงมาทำการปรุงอาหาร ทางญี่ปุ่นเองสมัยเมจิก็มีการทำเทมปุระ เมื่อนำสองวัฒนธรรมมาฟิวชั่นกันก็เลยกลายเป็น หมูทอด ทงคัตสึที่ได้รับความนิยมไปทั่วโลกอย่างทุกวันนี้นั่นเอง แถมยังกลายเป็นเมนูเอกลักษณ์ของญี่ปุ่นอีกด้วย เชื่อว่าทุกวันนี้เมนูนี้คือเมนูโปรดประจำตัวของใครหลาย ๆ คนอย่างแน่นอน

วัตถุดิบเพื่อทำ ทงคัตสึ

ก่อนที่จะเริ่มเข้าครัวเราต้องมาเตรียมวัตถุดิบสำหรับการทำทงคัตสึกันให้เรียบร้อยก่อน ข้าวหมูทอด ทงคัตสึในแบบฉบับที่ดีที่สุดควรมีอะไรบ้าง เรามาเตรียมให้พร้อมกันเลยดีกว่า

ทงคัตสึ
  • วัตถุดิบในการทำข้าวหน้าหมูทอดทงคัตสึ
    • ซอสทงคัตสึ สามารถซื้อแบบสำเร็จรูปมาใช้กันได้เลย
    • สันนอกหมู 250 กรัม
    • แป้งสาลีอเนกประสงค์ 1 ถ้วย
    • ไข่ไก่ 1 ฟอง 
    • เกล็ดขนมปัง 1 ถ้วย 
    • กะหล่ำปลีซอย สำหรับตกแต่งจาน 
    • เกลือ 1 ช้อนชา 
    • พริกไทย 1 ช้อนชา
    • เลมอนหั่นชิ้น สำหรับตกแต่ง

วิธีทำทงคัตสึ ให้กรอบ อร่อย ฟินทุกคำ

เมื่อเตรียมวัตถุดิบแล้วเราก็ต้องมาเริ่มเข้าครัวทำทงคัตสึ กันแล้ว ซึ่งบอกเลยว่าเมนูนี้ทำไม่ยาก เตรียมของก็สะดวก เพราะสามารถหาซื้อได้ตามซุปเปอร์มาร์เกตชั้นนำ ข้าว ทงคัตสึจะต้องทำอย่างไรบ้าง มาเริ่มกันเลย

ทงคัตสึ
  1. นำหมูที่เตรียมไว้มาทำการคลุกชิ้นหมู โดยให้เริ่มจากการนำสันนอกหมูมาทุบจนมีความหนาประมาณ 0.5 เซนติเมตร แล้วทำการปรุงรสด้วยเกลือพริกไทย พักทิ้งเอาไว้ประมาณ 15 – 30 นาที
  2. เมื่อครบเวลาในการหมัก มาเริ่มเข้าสู่ขั้นตอนของการทอดหมูให้สุก โดยการนำหมูที่ปรุงรสแล้ว มาคลุกกับแป้งสาลีอเนกประสงค์ ไข่ และเกล็ดขนมปังตาม จากนั้นตั้งนำมันไฟกลาง นำหมูลงทอดในน้ำมันร้อน ให้สุก แป้งมีสีเหลืองทอง สัมผัสกรอบ
  3. เมื่อสุกดีแล้วนำมาพักให้สะเด็ดน้ำมัน แล้วหั่นชิ้นหมูให้มีความหนาพอดี จัดเรียงใส่จาน โดยใช้กะหล่ำปลีซอย และเลมอนหั่นชิ้นเป็นตัวตกแต่ง ราดด้วยซอสทงคัตสึ วิธีทำทั้งหมดก็จบลง เสิร์ฟกินคู่กับข้าวสวยญี่ปุ่นร้อน ๆ รับรองว่าฟิน อร่อยถึงใจอย่างแน่นอน

เทคนิคพิเศษในการทำทงคัตสึ

เรามาปิดท้ายกันด้วยเทคนิคเพิ่มเติมของการทำทงคัตสึที่คุณสามารถเลือกนำไปปรับใช้กันได้ตามความสะดวก ใครที่อยากได้เทคนิคใหม่ ๆ มาเพิ่มความอร่อยของเมนูนี้ก็สามารถหยิบไปใช้กันได้เลย

ทงคัตสึ
  • ก่อนนำเนื้อหมูขึ้นจากน้ำมัน ให้นำส่วนปลายของเนื้อหมูจุ่มลงในน้ำมัน การทำแบบนี้จะทำให้น้ำมันจะวิ่งลงไปในหม้อ เป็นการไล่น้ำมันส่วนเกินออก ลดการอมน้ำมันได้ดี
  • เปลี่ยนมาใช้เฉพาะไข่ขาว เพื่อที่เวลาทอดน้ำมันจะไม่เป็นฟอง แต่ช่วยให้แป้งเกาะเนื้อหมูได้ดีเหมือนกัน
  • แนะนำกินคู่กับไข่ข้นเพิ่มทั้งความอร่อย และประโยชน์ทางโภชนาการ การทำไข่ข้นต้องคนเร็ว ๆ พอไข่เริ่มสุก จากนั้นรีบม้วนเป็นลูกรักบี้ ซึ่งไข่ข้างในจะยังข้นอยู่ เวลากรีดออกมาจะเป็นเนื้อที่สวยน่ากิน
  • เพิ่มเติมสไตล์การกินให้อร่อยขึ้นได้ทั้งการทำเป็นข้าวแกงกะหรี่ หรือข้าวหน้าหมูทอด ทำให้การกินเมนูนี้มีสีสันมากขึ้น
ทงคัตสึ

วันนี้เราก็ได้รู้จักกับทั้งที่มาว่า ทง คัตสึ เป็นมาอย่างไร ทงคัตสึคืออะไร ต้องเตรียมอะไรบ้างเพื่อให้พร้อมในการทำเมนูนี้ และวิธีทำ ปิดท้ายด้วยเทคนิคที่จะทำให้เมนูทอดที่ดูเหมือนธรรมดาเมนูนี้อร่อยเพิ่มมากขึ้นแบบง่าย ๆ ใครชอบทำอาหารแนะนำเลยว่าเป็นหนึ่งในเมนูของหมวดอาหารนานาชาติที่คุณไม่ควรพลาดจะลองทำกันสักครั้ง รับรองว่าอร่อยถูกใจกันทุกคนอย่างแน่นอนกับของทอดจานนี้

อ่านบทความอื่นๆ:

READ MOREREAD MORE
ยากิโซบะ

ใครชอบรสชาติของเมนู ยากิโซบะ วันนี้เราเตรียมสูตรมาฝากใครชอบรสชาติของเมนู ยากิโซบะ วันนี้เราเตรียมสูตรมาฝาก

ยากิโซบะ

เมนูชื่อดังของญี่ปุ่นหนึ่งในนั้นต้องมีชื่อของ ยากิโซบะ อย่างแน่นอน ซึ่งสามารถปรับสูตรให้กลายเป็นหลายสไตล์ ใส่เนื้อสัตว์ได้หลายชนิดตามชอบ ใครที่ชื่นชอบเมนูนี้แต่ไม่สะดวกเดินทางไปกินสูตรต้นตำรับถึงญี่ปุ่น หรือขี้เกียจเดินเข้าร้านอาหาร ญี่ปุ่นกันให้เมื่อย เราลองมาทำเมนูนี้ด้วยตัวเองกันดีกว่า

ประวัติความเป็นมาของเมนู ยากิโซบะ

ยากิโซบะ

เรามาเริ่มทำความรู้จักกับ ยากิ โซบะ กันเพิ่มเติมก่อนไปลงลึกถึงวิธีทำยา กิโซ บะกันดีกว่า เพราะจะช่วยให้คุณอินกับอาหารจานนี้มากขึ้นนั่นเอง โดยผัด ยา กิโซ บะนั้นได้แรงบันดาลใจมาจากเฉ่าเมี่ยน ซึ่งเป็นบะหมี่ของจีน เริ่มกินกันมาตั้งแต่ยุคเอโดะ (ศตวรรษที่ 18-19) ในสมัยนั้นถือเป็นอาหารหรูของเหล่าขุนนาง แต่หลังจากนั้นก็เริ่มแพร่หลายมาสู่ประชาชนมากขึ้นเรื่อย ๆ เพราะชาวจีนเองก็เข้ามาขายสินค้า ทำให้ผู้คนหาซื้อเส้นบะหมี่เมนูนี้ง่ายขึ้นด้วยนั่นเอง

วัตถุดิบที่ต้องเตรียมเพื่อทำ ยากิโซบะ

เมื่อต้องการทำ ยากิโซบะ ด้วยตัวเอง การเตรียมวัตถุดิบจึงเป็นเรื่องสำคัญ เมนูนี้ทั้งเส้นและเนื้อสัตว์ต้องเตรียมอะไรบ้าง มาเก็บรายการไปเตรียมซื้อมาเข้าครัวกันเลย

ยากิโซบะ
  • วัตถุดิบซอสยากิโซบะ
    • น้ำตาล 2 ช้อนโต๊ะ
    • ซีอิ๊วขาว 2 ช้อนโต๊ะ
    • ซอสหอยนางรม 4 ช้อนโต๊ะ
    • ซอสมะเขือเทศ 4 ช้อนโต๊ะ
    • วูสเตอร์ซอส 4 ช้อนโต๊ะ
  • วัตถุดิบสูตรยากิโซบะ
    • เส้น ยา กิโซ บะ 1 แพคใหญ่
    • หมูสามชั้นสไลด์ 120 กรัม
    • กะหล่ำปลี 4 ใบใหญ่
    • หอมใหญ่ ครึ่งลูก
    • แครอท 1 หัว
    • เห็ดชิตาเกะ 3 หัว
    • ต้นหอม 2 ต้น
    • สาหร่ายป่นอาโอโนริ 
    • ขิงดองเบนิโชกะ

วิธีทำ 

มาถึงช่วงสำคัญอย่างการเข้าครัวเพื่อผสมผสานวัตถุดิบที่เตรียมเพื่อให้เป็นยากิโซบะ กันแล้ว ใครที่ชอบทำอาหารเองบอกเลยว่าเมนูนี้จะเพิ่มความสนุก และทำให้คุณได้ค้นพบการทำอาหารสไตล์ใหม่ ๆ ได้อย่างแน่นอน

ยากิโซบะ
  1. เตรียมซอสโดยการนำทุกส่วนผสมมาผสมกัน คนให้เข้ากัน ชิมเพื่อปรุงรสตามความชอบ
  2. ทำการเตรียมวัตถุดิบ โดยนำกะหล่ำปลี มาสับหยาบ ๆ ไม่ให้ชิ้นเล็กหรือชิ้นใหญ่จนเกินไป
  3. จากนั้นซอยหอมใหญ่ แครอท เห็ด ต้นหอม เป็นชิ้นเล็ก ๆ
  4. นำเส้นไปลวกน้ำสะอาด ให้เส้นอ่อนและนุ่มลง แต่ต้องระวังไม่ให้เละจนเกินไป เพราะจะทำให้ผัดยาก
  5. เมื่อเตรียมทุกอย่างเรียบร้อยให้ใส่น้ำมันลงในกระทะ แล้วเอาเนื้อหมูสามชั้นสไลด์ลงไปผัด จนกว่าจะสุก
  6. เมื่อหมูสุกให้นำหอมใหญ่ และแครอทลงไปผัดก่อน เมื่อเริ่มอ่อนลง ค่อยนำต้นหอม กะหล่ำปลี เห็ด ลงไปผัดต่อจนอ่อนนุ่มทุกวัตถุดิบ
  7. เริ่มทำการปรุงรสด้วยพริกไทยเล็กน้อย
  8. นำเส้นยากิโซบะลงไปผัดกับส่วนผสมในกระทะ
  9. เริ่มเติมซอสยากิโซบะลงไป คลุกเคล้าให้เข้ากัน สามารถชิมเพื่อเพิ่มปริมาณของซอสได้
  10. ผัดจนสุกและเข้ากันดีเรียบร้อยนำมาจัดจาน ตกแต่งหน้าตาด้วยสาหร่ายป่นอาโอโนริ ขิงดองเบนิโชกะ เริ่มกินกันได้เลย

เรื่องราวของยากิโซบะ ที่น่าสนใจ

เรามาปิดท้ายกันด้วยเรื่องราวของอาหารจานโปรดยากิโซบะกันดีกว่า ด้วยความที่เป็นเมนูที่อยู่มานานทำให้มีเรื่องราวที่น่าสนใจ มีอะไรบ้าง มาดูกัน

ยากิโซบะ
  • เทคนิคการผัดให้ออกมาเหมือนฉบับญี่ปุ่นคือ ผัดให้สุกกำลังดี มีความเกรียมเล็กน้อย ถ้าใครชำนาญเรื่องการใช้กระทะเหล็กจะเพิ่มความหอมกระทะเข้ามาในเมนูนี้ได้ดีขึ้น
  • การกินเพื่อให้ได้ความอร่อยมากที่สุดคือ การกินตอนร้อน ๆ เพราะเมนูนี้ผัดมาได้ที่ ถ้านำไปแช่ตู้เย็นและกินในภายหลังอาจทำให้เส้นเละ และมีความแฉะจากผักได้

วันนี้เราได้ทั้งการเตรียมวัตถุดิบยากิโซบะ และวิธี ทํา ยา กิโซ บะ พร้อมทั้งเรื่องราวของเมนูนี้กันไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ใครชื่นชอบเมนูนี้ หรือชอบอาหารของชาตินี้บอกเลยว่าให้ลองทำตามสูตรของเรา ทำไม่ยาก แถมยังอร่อยเหมือนไปกินที่ร้านกันอีกด้วย

อ่านบทความอื่นๆ:

READ MOREREAD MORE
เกี๊ยวน้ำ

มาทำ เกี๊ยวน้ำ ซุปกลมกล่อม เคี้ยวเต็มปาก อร่อยเต็มคำกันมาทำ เกี๊ยวน้ำ ซุปกลมกล่อม เคี้ยวเต็มปาก อร่อยเต็มคำกัน

เกี๊ยวน้ำ

เมนูอย่าง เกี๊ยวน้ำ นั้นไม่ว่าจะเป็นวันสบาย ๆ หรือวันที่ไม่สบายก็เป็นเมนูที่ซดแล้วทำให้รู้สึกผ่อนคลายกันได้ทุกที แถมยังกินง่าย ปรุงรสได้ตามใจชอบ ใครอยากได้สูตรเด็ดเอาไว้ทำกินเอง หรือเอาไว้ปาร์ตี้กับครอบครัวและเพื่อน ๆ วันนี้เราเตรียมสูตรเด็ดของเมนูนี้มาฝากกัน รับรองว่าอร่อย และยังเพิ่มเติมประโยชน์กันได้ตามความต้องการอีกด้วย

ที่มาของเมนูดังอย่าง เกี๊ยวน้ำ

เกี๊ยวน้ำ

เกี๊ยว น้ำ ถือเป็นอาหารนานาชาติที่ไม่ว่าชาติไหนก็รู้จัก และกินกันได้ทั้งนั้น โดยเมนูนี้ยังถือเป็นเมนูมงคลในช่วงเทศกาลตรุษจีนอีกด้วย โดยเกี๊ยว น้ำนั้นไม่ได้ถูกบันทึกเอาไว้แน่ชัดว่าเริ่มต้นมาเมื่อไร แต่เป็นอาหารมงคลสำหรับทุกชนชั้นในจีนมาก่อน กินแล้วเชื่อว่าจะนำความสุขความเจริญมาให้กับครอบครัว และเป็นที่นิยมมากขึ้น เพราะสามารถนำมาปรับปรุงแต่งได้กับหลากหลายน้ำซุป หลากหลายไส้ของเกี๊ยว ทำให้เกี๊ยว ต้มมีทั้งไส้หมู ไก่ กุ้ง ปลา ผัก และอีกมากมาย ชอบอะไรก็สามารถนำมาปรับให้เป็นเมนูนี้กันได้ทั้งนั้น

วัตถุดิบเตรียมให้พร้อมสำหรับการทำ เกี๊ยวน้ำ

วันนี้เราเลือกเกี๊ยวน้ำ ที่เป็นเกี๊ยว หมูมาให้คุณได้ลองเลือกวัตถุดิบและเข้าครัวไปทำตามสูตรกัน เพราะเป็นไส้ที่หาง่าย คนส่วนใหญ่สามารถกินได้ ดังนั้นจะทำเมนูนี้ต้องเตรียมอะไรบ้าง เรามาดูกันเลย

เกี๊ยวน้ำ
  • วัตถุดิบซุปเกี๊ยวน้ำ
    • น้ำเปล่า 4 ลิตร
    • กระดูกเล้ง 500 กรัม
    • กระดูกคาตั๊ง 500 กรัม
    • น้ำตาลกรวด 25 กรัม
    • เกลือป่นหยาบ 2+ ½ ช้อนตวง
    • พริกไทยเม็ด 1 ช้อนตวง
    • รากผักชีบุบ 3-4 ราก
    • กระเทียมไทย 4-5 กลีบ
    • หัวไชเท้า 2 หัว
    • ซุปก้อน 1-2 ก้อน 
เกี๊ยวน้ำ
  • วัตถุดิบทำไส้เกี๊ยว
    • กุ้งขาวสับหยาบ 300 กรัม
    • หมูบดติดมัน 250 กรัม
    • กระเทียมไทย 1 ช้อนตวง
    • รากผักชี 2 ราก
    • พริกไทยป่น 1+½ ช้อนชา
    • ซอสปรุงรส 1 ช้อนตวง
    • ซีอิ๊วขาว 2 ช้อนตวง
    • ซอสหอยนางรม 2 ช้อนตวง
    • น้ำตาลทราย ½ ช้อนตวง
    • น้ำมันงา 1 ช้อนตวง
    • ไข่ไก่ 1 ฟอง
    • ต้นหอมซอย 2 ช้อนตวง
  • วัตถุดิบเพื่อปรุงเพิ่มเติม
    • กระเทียมเจียว
    • พริกไทยป่น

วิธีทำเกี๊ยวน้ำ

เมื่อเตรียมวัตถุดิบเพื่อเตรียมพร้อมทำเกี๊ยวน้ำกันแล้ว ถึงเวลามาเข้าสู่ขั้นตอนของวิธี ทำ เกี๊ยว น้ำกันแล้ว มีเทคนิคเคล็ดลับการทำแบบไหนให้ได้ซุปสีเหลืองทองกลมกล่อม มาใช้วิธี ทํา เกี๊ยว น้ํา หมู เด้ง ง่ายๆ กันเลย

เกี๊ยวน้ำ
  1. นำกระดูกมาคลุกกับเกลือ จากนั้นล้างน้ำให้สะอาดหลาย ๆ รอบเพื่อลดความคาว แล้วตั้งหม้อใส่น้ำเปิดแก๊สใช้ไฟแรง ใส่กระดูกหมูลงไป รอจนเดือด
  2. ช้อนฟองทิ้งออกให้หมด เมื่อน้ำใสและเริ่มไม่มีฟองให้ใส่หัวไชเท้า กระเทียม รากผักชี น้ำตาลกรวด พริกไทยบุบ เกลือป่นหยาบ ลงไป
  3. จากนั้นปรับไฟจากแรงเป็นไฟกลาง ปิดฝา เพื่อเคี่ยวต่อประมาณ 40 นาที
  4. ระหว่างนี้ทำเกี๊ยวรอน้ำซุปได้ที่ โดยการนำรากผักชี และกระเทียมไทยไปโขลกให้ละเอียด
  5. นำหมูบดและกุ้งสับลงไปในชามผสม ตามด้วยกระเทียม รากผักชี พริกไทยป่น ซอสปรุงรส ซีอิ๊วขาว ซอสหอยนางรม น้ำตาลทราย น้ำมันงา ไข่ไก่
  6. ทำการคลุกเคล้าให้เข้ากัน นวดจนเนื้อเหนียว นำถ้วยที่ใส่ไส้ไปรองด้วยน้ำแข็งที่ใส่น้ำเพื่อให้ได้ความเย็น จากนั้นนวดและตบให้ทุกอย่างเข้ากัน พอได้ที่จากนั้นใส่ต้นหอมซอยปิดท้ายคลุกให้เข้ากัน แล้วนำเข้าแช่แข็ง 30 นาที
  7. เมื่อไส้ได้เวลา นำออกมาห่อด้วยแผ่นเกี๊ยวตามชอบสัดส่วนที่ชอบ แต่แนะนำว่าให้ปั้นพอดีคำเพื่อให้สุกทั่วถึง ส่วนน้ำซุปเมื่อครบเวลาให้เปิดหม้อใส่ซุปก้อนลงไป 1 ก้อน ชิมให้ได้รสตามชอบ
  8. ตั้งหม้อน้ำสะอาดแล้วนำเกี๊ยวไปลวกในน้ำร้อนที่ไม่เดือดมาก รอจนเกี๊ยวสุก ซึ่งส่วนใหญ่จะใช้เวลาประมาณ 5 นาที 
  9. ตักขึ้นมาคลุกเคล้ากับกระเทียม เพื่อไม่ให้เกี๊ยวติดกัน
  10. จากนั้นตักเกี๊ยวใส่ชาม ตักน้ำซุปลงราดไป โรยด้วยผักชีและกระเทียมเจียว พริกไทยป่น และสามารถปรุงรสเพิ่มความเผ็ด เปรี้ยว หวานได้ตามใจชอบเป็นอันเสร็จตามฉบับวิธี ทํา เกี๊ยว น้ํา หมู ง่ายๆกันแล้ว
เกี๊ยวน้ำ

ใครที่ชอบ เกี๊ยว น้ำ วันนี้ก็ได้วิธี ทำ เกี๊ยว น้ำ ง่ายๆ ไปใช้กันตามที่ชอบแล้ว เมนูนี้สามารถกินได้ครั้งละหลายคน เหมาะกับการสังสรรค์ ปาร์ตี้ หรือทำเพื่อให้ทุกคนในครอบครัวได้ใช้เวลาร่วมกันมากขึ้น แถมยังอร่อยได้ประโยชน์ ใครชอบผักก็สามารถนำผักที่ชอบมาลวกและกินคู่กับเกี๊ยวกันได้เลย

อ่านบทความอื่นๆ:

READ MOREREAD MORE
ไก่แช่เหล้า

ใครเคยเห็นเมนูอาหารจีนอย่าง ไก่แช่เหล้า แล้วอยากลองทำวันนี้เรามีสูตรเด็ดมาฝากใครเคยเห็นเมนูอาหารจีนอย่าง ไก่แช่เหล้า แล้วอยากลองทำวันนี้เรามีสูตรเด็ดมาฝาก

ไก่แช่เหล้า

เมื่อพูดถึงเมนูอย่าง ไก่แช่เหล้า ถือว่าเป็นเมนูที่เรามักเห็นในร้านอาหารที่เป็นเมนูจีนเป็นส่วนใหญ่ และถ้าวันนี้คุณอยากลองทำด้วยตัวเองแบบไม่ต้องเดินทางไปที่ร้านให้เสียเวลา เราเตรียมสูตรเด็ดมาให้คุณได้ลองทำตามกันเรียบร้อยแล้ว บอกเลยว่าอร่อยไม่แพ้ร้านดังอย่างแน่นอน

ที่มาของ ไก่แช่เหล้า

ไก่แช่เหล้า

ก่อนที่จะไปลงลึกเรื่อง ไก่ แช่เหล้า เรามาทำความรู้จักกับที่มาที่ไปของเมนูอาหารจีนโบราณกันก่อนดีกว่า โดยการที่เลือกแช่เหล้านั้นไม่ได้เน้นเพื่อความมึนเมา แต่เป็นการช่วยปรุงให้เมนูอาหารจีนเมนูนี้อร่อยมากขึ้น แถมยังมีส่วนช่วยบำรุงร่างกายได้อีกด้วย ซึ่งการแช่เหล้าจะทำให้ไก่มีความนุ่มละมุนลิ้น กลมกล่อม เพิ่มเสน่ห์ให้โดดเด่นด้วยกลิ่นของเหล้า มีความเปรี้ยวนิด ๆ แต่ความเมาเมื่อเจอความร้อนก็หายไปโดยที่ไม่ต้องกังวล ทำให้กลายเป็น, อาหารจีนที่นิยม พร้อมทั้งได้รับความนิยมและกินกันได้ทั้งครอบครัว

วัตถุดิบที่ใช้ทำไก่แช่เหล้า

ก่อนจะเริ่มทำไก่แช่เหล้า ก็ต้องมาเตรียมวัตถุดิบให้พร้อมก่อน ซึ่งถือว่ามีความสำคัญกับรสชาติเป็นอย่างมาก ใครอยากสัมผัสวัฒนธรรมอาหารจีนแท้ ๆ ต้องไม่พลาดที่จะหาวัตถุดิบไก่ แช่เหล้าดังนี้

ไก่แช่เหล้า
  • ไก่ 1 ตัว
  • เกลือ 1 ถ้วย
  • ข่าหั่นแว่น 3 แว่น
  • ตะไคร้หั่นท่อน 2 ต้น
  • ใบเตยมัด 3 ใบ
  • ซีอิ๊วขาว 5 ช้อนโต๊ะ
  • น้ำเปล่า 800 มิลลิลิตร
  • เหล้าจีน 1 กระบวย
  • เหล้ารัม 3 ช้อนโต๊ะ
  • เหล้ากุหลาบ 1 ช้อนโต๊ะ

วิธีทำตามสูตรเด็ดของเมนูไก่แช่เหล้า

หลังจากที่เตรียมวัตถุดิบของไก่แช่เหล้าเรียบร้อยแล้ว เรามาเริ่มเข้าสู่วิธี ทำ ไก่แช่เหล้ากันดีกว่า ใครที่กำลังตามหาสูตรเด็ดเอาไว้ทำสูตรไก่แช่เหล้ากินเอง บอกเลยว่าห้ามพลาด

ไก่แช่เหล้า
  1. โรยเกลือลงไปบนตัวไก่ จากนั้นถูเกลือให้ทั่ว ทั้งด้านนอก และด้านใน เมื่อเรียบร้อยแล้วให้นำไปล้างน้ำให้สะอาด
  2. เริ่มตั้งหม้อที่ใส่น้ำสะอาดด้วยการเปิดไฟแรง ต้มน้ำให้เดือด จากนั้นปิดไฟแล้วนำไก่ใส่ลงไป แช่ทิ้งเอาไว้ประมาณ 30 นาที
  3. เมื่อครบเวลา ให้ยกไก่ใส่ชามที่ใหญ่พอกับตัวไก่ จากนั้นเทน้ำแข็งลงไป เพื่อเป็นการน็อคไก่ จากนั้นทำการพักเอาไว้เพื่อรอขั้นตอนต่อไป
  4. เริ่มตั้งกระทะด้วยการใส่น้ำเปล่าลงไป ตามด้วยข่าหั่นแว่น ตะไคร้หั่นท่อน ใบเตยมัด ซีอิ๊วขาว คนทุกส่วนผสมให้ละลายเข้ากันแล้ว จากนั้นต้มให้น้ำเดือด เมื่อเดือดดีแล้วให้พักเตรียมเอาไว้
  5. ตั้งกระทะใหม่แล้วทำการใส่เหล้าจีน เหล้ารัม เหล้ากุหลาบ ลงไปทั้งหมดและเริ่มคนให้เข้ากัน เคี่ยวไปเรื่อย ๆ ด้วยไฟกลาง ขั้นตอนนี้ใช้เวลาประมาณ 5 นาที เพื่อทำให้แอลกอฮอลล์ระเหยออกไป
  6. เทเหล้าใส่หม้อ จากนั้นทำการเขย่าให้เข้ากัน แล้วนำไก่ที่น็อคน้ำแข็งไว้ใส่ลงไป ปิดฝา นำไปแช่ในตู้เย็นเป็นเวลาอย่างน้อย 1 ชั่วโมง
  7. เมื่อครบเวลาให้คุณยกไก่แช่เหล้ามาสับเป็นชิ้น ๆ จากนั้นก็เริ่มจัดเสิร์ฟลงในจาน ราดเหล้าลงไป และต้องนำไปแช่ในตู้เย็นอีกรอบ เมื่อเย็นสนิทก็ถือว่าเสร็จในทุกขั้นตอน สามารถเริ่มกินกันได้เลย

ประโยชน์ของเมนู ไก่แช่เหล้า

เมื่อรู้ทั้งวัตถุดิบลับ พร้อมทั้งวิธีทำแบบสูตรเฉพาะของไก่แช่เหล้ากันไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว เรามาหาประโยชน์ของเมนู ไก่แช่เหล้าเพื่อทำให้การกินอร่อยมากขึ้นกันดีกว่า

ไก่แช่เหล้า
  • ไก่แช่เหล้าจีนอร่อย ได้ความนุ่มและหวานของไก่ และมีความเข้มข้น กับกลิ่นที่เพิ่มรสชาติได้เป็นอย่างดี เมื่อได้กินอาหารอร่อย แน่นอนว่าจะอารมณ์ดีขึ้นอย่างแน่นอน
  • ไก่เป็นแหล่งโปรตีนที่ดีกับสุขภาพ และมีสมุนไพรทั้งจากเหล้าและวัตถุดิบช่วยเพิ่มประโยชน์ให้กับการกินเมนูนี้ได้เป็นอย่างดี
  • มีส่วนในการช่วยย่อย เพราะสมุนไพรที่ใช้แช่สามารถกระตุ้นระบบย่อยได้เป็นอย่างดี
  • ช่วยลดอาการปวดเมื่อย คลายกล้ามเนื้อ และรักษาไข้หวัดได้เป็นอย่างดี
  • ช่วยเพิ่มความผ่อนคลายให้กับคุณ เพราะมีทั้งกลิ่นหอมของสมุนไพรและเหล้า
ไก่แช่เหล้า

ใครที่อยากลองทำ ไก่ แช่เหล้า บอกเลยว่าไม่ยาก แต่มาพร้อมกับเวลาในการทำที่ต้องวางตารางกันเอาไว้ให้ดี เพราะความสำคัญคือการที่เหล้านั้นซึมเข้าเนื้อไก่ได้เป็นอย่างดีนั่นเอง โดยสามารถเพิ่มเติมน้ำจิ้มที่เผ็ดเปรี้ยวมาเสริมรสชาติได้ตามความต้องการ

อ่านบทความอื่นๆ:

สนับสนุนโดย: sa-game.bet

READ MOREREAD MORE
เปาะเปี๊ยะ

มาเข้าครัวทำ เปาะเปี๊ยะ ใครอยากทำเองเพิ่มไส้เยอะ ๆ ให้จุใจ ไปทำกันเลยมาเข้าครัวทำ เปาะเปี๊ยะ ใครอยากทำเองเพิ่มไส้เยอะ ๆ ให้จุใจ ไปทำกันเลย

เปาะเปี๊ยะ

เมื่อพูดถึงเมนูของทอดชื่อของเมนูอย่าง เปาะเปี๊ยะ น่าจะติดอันดับความนิยมกันอย่างแน่นอน เพราะมาพร้อมความกรอบนอก แน่นในด้วยไส้ต่าง ๆ ที่สามารถสร้างสรรค์ได้ตามความชอบ คนกินหรือไม่กินเนื้อสัตว์ก็อยู่กันได้ลงตัวด้วยเมนูนี้ สูตรเด็ดเคล็ดลับในการทำต้องเตรียมอะไร และทำอย่างไรบ้าง มาเก็บสูตรไปเข้าครัวด้วยกันเลยดีกว่า รับรองอร่อยแน่นอน

ที่มาของเมนูดังอย่าง เปาะเปี๊ยะ

เปาะเปี๊ยะ

เรามาทำความรู้จักกับเมนูดังอย่าง เปาะ เปี๊ยะ กันก่อนว่ามีที่มาที่ไปอย่างไร ทำไมถึงกลายเป็นเมนูยอดนิยมมาจนถึงปัจจุบัน โดยเมนูนี้มีต้นกำเนิดมาจากประเทศจีน จึงทำให้มีปอ เปี๊ยะ ทอด สูตรโบราณหลายสูตรให้เราได้ทำตาม ซึ่งจริง ๆ แล้วจีนกลางจะออกเสียงว่า เป๋าปิ่ง แต่คำที่เราพูดทุกวันนี้เป็นภาษาจีนแต้จิ๋ว เมนูนี้เข้าถึงคนทุกกลุ่มได้ง่ายเพราะวัตถุดิบหลักนั้นเป็นสิ่งที่คนทั่วโลกกินเหมือนกัน คือ แป้ง ผัก วุ้นเส้น และยังเพิ่มเติมประโยชน์เข้าไปได้ตามความชอบ และยังปรับให้เป็นเปาะ เปี๊ยะสดกันได้อีกด้วย

วัตถุดิบที่ต้องเตรียมสำหรับเมนูเปาะเปี๊ยะ

การเตรียมวัตถุดิบนั้นถือว่าเป็นขั้นตอนของความอร่อยในการทำ เปาะ เปี๊ยะ เลยทีเดียว ซึ่งวันนี้เราจะหยิบเอสวัตถุดิบของการทำปอเปี๊ยะ ทอดมาฝากกัน พร้อมแล้วมาเริ่มเตรียมกันเลย

เปาะเปี๊ยะ
  • แผ่นแป้ง เปาะเปี๊ยะขนาด 5*5 นิ้ว
  • น้ำมันพืช 3-4 ช้อนตวง
  • เห็ดหอมซอยบาง 4-5 ดอก
  • รากผักชี 4 ราก 
  • กระเทียมจีน 3 กลีบ 
  • พริกไทยขาวเม็ด 1 ช้อนชา 
  • หมูบดติดมัน 350 กรัม
  • วุ้นเส้นสด 250 กรัม
  • ซอสหอยนางรม 2 ช้อนตวง
  • ซอสปรุงรสฝาเขียว 2 ช้อนตวง
  • ซีอิ๊วขาว 1 ช้อนตวง
  • น้ำตาลทราย 1 ช้อนตวง
  • ผงปรุงรสหมู ½ ช้อนตวง
  • กะหล่ำปลีซอย 250 กรัม
  • แครอทขูดเส้น 200 กรัม
  • เห็ดหูหนูหั่นเส้น 150 กรัม
  • น้ำจิ้มบ๊วยหรือน้ำจิ้มไก่ 1 ถ้วย
  • ไข่ไก่สำหรับทาแผ่นแป้ง 1 ฟอง
  • น้ำมันปาล์มสำหรับทอด

หมายเหตุ : หากต้องการทำเป็นปอเปี๊ยะกุ้ง สามารถเพิ่มกุ้งสับเข้าไปในส่วนผสม หรือใส่แทนหมูบดได้ เพื่อให้ได้วัตถุดิบของไส้ตามที่คุณต้องการ

วิธีทำเปาะเปี๊ยะทอด

เมื่อเตรียมวัตถุดิบเรียบร้อยแล้วก็ถึงเวลามาเริ่มทำและทอดเปาะเปี๊ยะกันแล้ว บอกเลยว่าเป็นกิจกรรมที่สามารถช่วยสมาชิกในบ้านมาร่วมสนุกไปด้วยกันได้ และเหมาะที่จะทำเพื่อกินกันหลาย ๆ คน บอกเลยว่าได้ทั้งอร่อยและสนุกไปพร้อมกันอย่างแน่นอน

เปาะเปี๊ยะ
  1. ต้องเริ่มจากการผัดส่วนของไส้ก่อน โดยการตั้งกระทะ ใส่น้ำมันพืชลงไป เมื่อสังเกตเห็นว่าน้ำมันเริ่มร้อนก็เริ่มใส่เห็ดหอมไปผัด ตามด้วยสามเกลอ (รากผักชี กระเทียม และพริกไทย) เมื่อผัดจนเริ่มหอมแล้วให้ใส่หมูบดตามลงไป จากนั้นผัดจนสุก
  2. เริ่มใส่วุ้นเส้นตามลงไป และทำการปรุงรส เริ่มด้วยน้ำตาลทราย ผงปรุงรส ซอสปรุงรส ซีอิ๊วขาว ซอสหอยนางรม คลุกเคล้าให้ทุกส่วนผสมเข้ากันดี ซึ่งใช้ไฟกลางในการผัดได้เลย เมื่อสังเกตเห็นว่าวุ้นเส้นเริ่มสุกดีก็ไปสู่ขั้นตอนต่อไปได้
  3. หลังจากวุ้นเส้นสุก ใส่แครอท กะหล่ำปลี ลงไป จากนั้นผัดจนผักนิ่ม เริ่มชมรสชาติ และสามารถเพิ่มเติมได้ตามชอบในขั้นตอนนี้ เมื่อพอใจรสชาติแล้วปิดไฟ พักไส้เอาไว้ให้เย็น
  4. เมื่อสังเกตว่าไส้เริ่มเย็นจนคุณสามารถเริ่มห่อได้แล้ว ก็นำแป้งมาเริ่มเตรียมห่อกันได้เลย โดยการห่อนั้นให้ตักไส้หนึ่งช้อนโต๊ะวางบนแผ่นแป้ง และห่อให้ปิดในแบบที่ไส้ไม่ทะลักออกมา
  5. เมื่อห่อเตรียมเอาไว้ได้จำนวนที่ต้องการแล้วก็สามารถเริ่มตั้งกระทะเพื่อทอดกันได้เลย โดยให้ตั้งกระทะด้วยน้ำมันปาล์ม ตั้งไว้ที่ไฟกลาง กะปริมาณน้ำมันให้ท่วมตัว เปาะเปี๊ยะ จากนั้นเมื่อน้ำมันเริ่มร้อนให้ค่อย ๆ ใส่ลงไปทอด พลิกไปมาจนสังเกตว่าสีของแป้งสุกเสมอกันทั้งชิ้น และเมื่อสีเริ่มเหลืองสวยตักขึ้นมาสะเด็ดน้ำมัน
  6. เมื่อสะเด็ดน้ำมันเรียบร้อยแล้วสามารถเริ่มเตรียมจานผักสดไว้กินคู่กัน เตรียมน้ำจิ้ม จากนั้นก็เสิร์ฟพร้อมกินกันได้เลย ยิ่งกินตอนทอดเสร็จใหม่ ๆ ยิ่งอร่อยอย่างแน่นอน
เปาะเปี๊ยะ

ใครชอบเมนูของทอดบอกเลยห้ามพลาดที่จะหยิบสูตร เปาะเปี๊ยะ ไปทำกินกัน เพราะเมนูนี้อร่อย ทำง่าย และทำครั้งนึงสามารถกินกันได้หลายคน เหมาะที่จะเอาไว้ปาร์ตี้ สังสรรค์ และยังสามารถทำเก็บเอาไว้ทอดทีหลังโดยช่าไว้ในช่องฟรีซได้อีกด้วย

อ่านบทความอื่นๆ:

สนับสนุนโดย: hilo-88.net

READ MOREREAD MORE
ยำแมงกะพรุน

ใครอยากลองทำ ยำแมงกะพรุน เอง วันนี้เรามีสูตรมาแนะนำ ทำง่าย อร่อยฟินแน่นอนใครอยากลองทำ ยำแมงกะพรุน เอง วันนี้เรามีสูตรมาแนะนำ ทำง่าย อร่อยฟินแน่นอน

ยำแมงกะพรุน

เมนูอย่าง ยำแมงกะพรุน นั้นถือว่าเป็นหนึ่งในเมนูกินเล่น กับแกล้ม ที่คนนิยม เพราะด้วยรสชาติที่ลงตัว วัตถุดิบหลักมีความหนึบหนับ กรอบ ทำให้ยิ่งเคี้ยวยิ่งฟิน เพิ่มเติมรสชาติได้หลายสไตล์ตามความชอบ วันนี้เราจะมาคุณมาแกะสูตร ยำแมงกะพรุน น้ำมัน งาไปพร้อมกัน

เสน่ห์ของเมนู ยำแมงกะพรุน

ยำแมงกะพรุน

สำหรับ ยำ แมงกะพรุน นั้นสามารถทำได้หลากหลายสไตล์มาก ทำให้เป็นเสน่ห์ที่หลายคนหลงรัก เพราะไม่ว่าจะเลือกทำเป็นแมงกะพรุนน้ำมันงา เกาหลี วิธียำแมงกะพรุน สไตล์ ญี่ปุ่น หรือปรับให้เป็นเมนูแมงกะพรุนลวกจิ้มแบบไทย ๆ ก็สามารถทำได้ตามความต้องการ ดังนั้นถ้ารู้สูตรการทำเมนูนี้เอาไว้รับรองว่าพร้อมลุยได้ทุกปาร์ตี้อย่างแน่นอน ใครชอบวัตถุดิบนี้บอกเลยห้ามพลาด

วัตถุดิบที่ต้องใช้ทำ ยำแมงกะพรุนน้ำมันงา

การเตรียมวัตถุดิบเพื่อทำยำแมงกะพรุนไว้ให้พร้อม บอกเลยว่าทำให้ขั้นตอนของการทำนั้นสนุก และสะดวกมากขึ้นอย่างแน่นอน เมนูนี้ต้องเตรียมอะไรบ้าง เรามาเริ่มไปพร้อมกันเลยดีกว่า

ยำแมงกะพรุน
  • แมงกะพรุน
  • น้ำมันงา 
  • งาขาว
  • ซอสพริก
  • คนอร์รสไก่
  • น้ำมันพริกกะเหรี่ยงสีแดง
  • ซีอิ้วขาว
  • น้ำมันหอย
  • เหล้าจีน (สามารถเลือกได้ว่าจะใส่หรือไม่ใส่)

หมายเหตุ : สูตรนี้เป็นสไตล์จีน ซึ่งถือว่าได้รับความนิยมมากที่สุด แต่คุณยังสามารถปรับให้กลายเป็นสูตรอื่น ๆ ได้ตามความชอบกันอีกด้วย ซึ่งจะมาพร้อมพื้นฐานของวิธีทำที่คล้ายกัน

ขั้นตอนวิธีทำยำแมงกะพรุนน้ำมันงาให้อร่อย

เมื่อเตรียมวัตถุดิบสำหรับการทำยำแมงกะพรุนเรียบร้อยแล้วก็ต้องเริ่มเข้าครัวเพื่อทำให้ออกมากลายเป็นจานโปรดของใครหลาย ๆ คนกันแล้ว บอกเลยว่าทำง่าย อร่อยชัวร์ สนุกทุกขั้นตอนอย่างแน่นอน

ยำแมงกะพรุน
  • ทำความสะอาดวัตถุดิบหลักอย่างแมงกะพรุนกันก่อน โดยคุณจะต้องนำไปแช่น้ำสะอาดก่อน ซึ่งต้องทำอย่างน้อย 2-3 รอบเพื่อที่จะลดความเค็มที่อยู่ในตัวของวัตถุดิบออกไป และช่วยให้ปรุงรสได้ง่ายมากขึ้น
  • เมื่อล้างเรียบร้อยแล้ว ให้เริ่มใส่น้ำสะอาดลงให้หม้อ จากนั้นยกขี้นเพื่อตั้งไฟ ระหว่างที่คุณกำลังรอน้ำเดือดนั้น แนะนำว่าให้เริ่มหันมาผสมน้ำมันหอยกับซอสพริก พร้อมทั้งเติมผงคนอร์ลงไป จากนั้นตามด้วยซีอิ๊วขาว เหล้าจีน งาขาว น้ำมันงา คนให้ทุกอย่างเข้ากันดี และสามารถชิมเบื้องต้นเพื่อปรับรสชาติให้เป็นไปตามที่ชอบได้
  • เมื่อน้ำที่เตรียมเอาไว้เริ่มเดือดให้คุณนำแมงกะพรุนไปลวก ใช้เวลาไม่นาน จากนั้นนำไปแช่น้ำเย็นจัดเพื่อเพิ่มความเด้งของเนื้อให้กินอร่อยมากขึ้น
  • หลังจากนั้นสะเด็ดน้ำออก แล้วหาชามมาใส่ ราดด้วยน้ำปรุงที่เตรียมเอาไว้ และนำน้ำพริกกระเหรี่ยงสีแดง หรือจะใช้เป็นน้ำมันพริกเผาก็ได้มาเคล้าให้เข้ากัน เพิ่มเติมรสชาติได้ตามใจ เพียงแค่นี้ก็พร้อมเสิร์ฟความอร่อย เป็นทั้งจานเรียกน้ำย่อย หรืออาหารกินเล่นจานเด็ดของปาร์ตี้กันแล้ว

ประโยชน์ของเมนู ยำแมงกะพรุน

ใครที่ชอบกิน ยำ แมงกะพรุน อาจมีข้อสงสัยเล็ก ๆ อยู่ในใจว่าเมนูนี้มีประโยชน์มาเพิ่มเติมให้คุณนอกจากความอร่อยหรือไม่ คำตอบคือ มี แต่จะมีอะไรบ้างเรามาดูไปพร้อมกันเลยดีกว่า

ยำแมงกะพรุน
  • มีโปรตีน ที่เมื่อนำแมงกะพรุนมาตากแห้งนั้นสามารถให้โปรตีนได้ดีไม่แพ้เนื้อสัตว์อื่น ๆ เลยทีเดียว
  • มีแคลเซียม เหล็ก แมกนิเซียม โพแทสเซียม วิตามินเอ ไรโบเฟลวิน และไนอาซิน
  • สามารถนำไปดัดแปลงทำได้อีกหลายเมนู อย่างเมนูยอดนิยมคือ เย็นตาโฟ 
  • นำมาสกัดให้กลายเป็นคอลลาเจนได้ เหมาะสำหรับนำมาประยุกต์ใช้ในด้านของการแพทย์ ส่วนผสมของอุตสาหกรรมผลิตภัณฑ์สุขภาพและอาหารเสริม
ยำแมงกะพรุน

ใครที่ชอบยำแมงกะพรุน บอกเลยว่าสามารถหยิบสูตรนี้ไปทำตามกันได้เลย แค่เห็นวัตถุดิบและขั้นตอนก็บอกได้แล้วว่าเป็นเมนูที่ทำไม่ยาก อร่อย แถมยังเพิ่มรสชาติให้ออกมาตรงกับที่ชอบมากที่สุดได้อีกด้วย เพราะไม่ได้มีสูตรตายตัว ชอบแบบไหนจัดแบบนั้น รับรองว่าอร่อย ได้ประโยชน์ หรืออาจนำมาดัดแปลงให้เป็นสูตรที่คุณชอบ และเปิดเป็นกิจการขายก็ยังสามารรถทำได้เช่นกัน เพราะถือว่าเป็นเมนูยอดนิยมอันดับต้น ๆ ของคนรักยำในไทยเลยก็ว่าได้ ดังนั้นอย่าปล่อยให้โอกาสดี ๆ หลุดมือกันไปเฉย ๆ

อ่านบทความอื่นๆ:

สนับสนุนโดย: ufaball.bet

READ MOREREAD MORE
ต๊อกโบกี

มาทำ ต๊อกโบกี อาหารเกาหลีขึ้นชื่อ แป้งนุ่มซอสเข้มข้นกันมาทำ ต๊อกโบกี อาหารเกาหลีขึ้นชื่อ แป้งนุ่มซอสเข้มข้นกัน

ต๊อกโบกี

ใครชื่นชอบความเหนียวนุ่มละมุนของเมนูอย่าง ต๊อกโบกี จนสงสัยว่าถ้าทำเองแล้วมันจะยากไหม หรือจะต้องทำอย่างไรเพื่อให้ได้ความอร่อยสุดฟินตามแบบฉบับของอาหารเกาหลี วันนี้เราเตรียมทั้งเรื่องราว วัตถุดิบ พร้อมทั้งวิธีทำเมนูนี้มาฝากคุณกันเป็นที่เรียบร้อยแล้ว บอกเลยว่าไม่ว่าใครก็สามารถทำเมนูนี้อร่อยได้ และถ้าทำเองยังสามารถเพิ่มเติมส่วนผสมที่ชอบเข้าไปได้แบบไม่จำกัดอีกด้วย ถ้าพร้อมแล้วเรามาเริ่มลุยเข้าครัวทำเมนูแป้งเกาหลีสุดนุ่มยอดฮิตเมนูนี้ไปพร้อมกันเลยดีกว่า

จุดเด่นของเมนู ต๊อกโบกี อยู่ตรงไหน

ต๊อกโบกี

เรามาสร้างแรงบันดาลใจในการทำ ต๊อก โบกี กันก่อนที่จะเริ่มเข้าครัวจริง ๆ กันดีกว่าว่าต๊อกโบกี คืออะไร และเสน่ห์ที่ทำให้คนชื่นชอบต๊อกบกกีอยู่ตรงไหน โดยเมนูนี้คืออาหารเกาหลียอดฮิตที่เป็นเมนูทานเล่นหรือเป็นเหมือนกับอาหารว่าง แป้งต๊อกทำมาจากแป้งข้าวเจ้าผสมกับแป้งข้าวเหนียว มีทั้งแบบสำเร็จรูปขายหรือถ้าใครอยากทำเองก็สามารถทำได้เช่นเดียวกัน แต่จากการพิสูจน์มาแล้วแบบสำเร็จรูปก็ได้รสชาติที่ดีไม่ต่างจากทำเอง แต่ช่วยลดเวลาในการทำไปได้ไม่น้อยเลยทีเดียว

ต๊อกโบกี

จุดเด่นของต๊อกโบกี คือความเหนียมนุ่มของตัวแป้ง บางยี่ห้อจะเพิ่มชีสเข้ามาในไส้ทำให้รสชาติยิ่งละมุนมากขึ้นไปอีก และนอกจากความนุ่มของแป้งแล้วรสชาติที่เข้มข้นของซอสที่มีโคชูจังเป็นส่วนผสมก็ยังเป็นเสน่ห์ที่สำคัญของเมนูนี้อีกด้วย แต่แป้งต๊อกโบกียังสามารถปรับไปทอดหรือทำสูตรอื่น ๆ เพื่อสร้างเมนูใหม่ได้อีกมากมายด้วย

วัตถุดิบที่ต้องใช้ในการทำต๊อกโบกี

ใครดูซีรีย์เกาหลีบ่อย ๆ แน่นอนว่าเมนูอย่างต๊อกโบกี จะต้องเข้ามาอยู่ในสักฉากอย่างแน่นอน ดังนั้นอย่ารอช้ารีบมาเตรียมวัตถุดิบให้เหมือนในอาหารเกาหลีในซีรีส์เพื่อที่จะได้ทำไว้ทานตอนดูซีรีย์ หรือเอาไว้ทานให้หายอยากหลังจากโดน SOFT POWER ของเกาหลีมาแบบเต็ม ๆ เมนูนี้ต้องเตรียมอะไรบ้างมาดูกันเลย

ต๊อกโบกี
  • แป้งต๊อกโบกี 3 ถ้วย
  • ลูกชิ้นปลา เต้าหู้ทอด ตามชอบ
  • หอมแดงขนาดกลาง 1 ลูก
  • ซอสโคชูจัง 3 ช้อนโต๊ะ
  • ซีอิ๊วขาว 1 ช้อนโต๊ะ
  • น้ำตาลทรายแดง 1 ช้อนโต๊ะ
  • พริกป่นเกาหลี 1 ช้อนโต๊ะ
  • กระเทียมสับ 1 ช้อนโต๊ะ
  • น้ำเปล่า 2 ถ้วย
  • น้ำมันงา 2 ช้อนโต๊ะ
  • งาคั่ว
  • ต้นหอมซอย ตามชอบ

หมายเหตุ : เมนูนี้ยังสามารถเพิ่มไข่ต้ม หมูสับ ชีส หรือสิ่งที่คุณชอบลงไปได้ตามใจชอบ เพราะสามารถคลุกเคล้าได้และออกมาอร่อยได้เช่นเดียวกัน ถือว่าเป็นอีกหนึ่งเมนูฟิวชั่นที่ไม่ควรพลาด

วิธีทำต๊อกโบกี ง่ายๆ ให้เหมือนอยู่เกาหลี

บรรยากาศของเกาหลีกับร้านค้าสไตล์ STREET FOOD ที่มักมีเมนูต๊อกโบกีอยู่นั้นน่าจะทำให้คุณอยากทานเมนูนี้กันอย่างแน่นอน เรามาแกะสูตรแล้วทำให้เหมือนที่ร้านอาหารรวมทั้งในซีรีย์กันดีกว่า บอกเลยว่าเมนูนี้เป็นหนึ่งในอาหารเกาหลีง่ายๆ ที่ทั้งอร่อยและทำทานได้เยอะ ๆ แบบจุใจ ต้องทำอย่างไรบ้างเรามาดูกันเลย

ต๊อกโบกี
  1. เริ่มจากการทำซอสของเมนูอาหารเกาหลีเมนูนี้ก่อน โดยให้คุณนำโคชูจัง ซีอิ๊วขาว น้ำตาลทรายแดง พริกป่นเกาหลี กระเทียม มาคนแล้วผสมให้ทุกส่วนเข้ากัน
  2. ตั้งกระทะ (แนะนำว่าให้ใช้กระทะแบน) แล้วเทน้ำเปล่าลงไป
  3. เริ่มเปิดแก๊สรอให้น้ำเริ่มเดือดเล็กน้อย แล้วใส่ซอสที่ผสมเตรียมไว้ลงไป จากนั้นคนให้เข้ากัน
  4. ใส่หอมแดงลงไปแล้วต้มประมาณ 5-7 นาที จนเริ่มนิ่ม
  5. เมื่อหอมแดงได้ที่แล้วให้ใส่แป้งต๊อกลงไป ตามด้วยลูกชิ้นปลา เต้าหู้ทอด และส่วนผสมอื่น ๆ ที่คุณต้องการเพิ่มเติม แล้วคนทุกอย่างให้เข้ากัน โดยใช้เวลาประมาณ 5-7 นาที จนแป้งสุก โดยคุณสามารถตรวจสอบความสุกได้จากความนิ่มของแป้ง
  6. เมื่อแป้งนิ่มและสุกได้ที่แล้วสามารถตักใส่จานแล้วราดน้ำมันงาลงไปให้ทั่ว คลุกเคล้าให้เข้าก่อนก่อนที่จะโรยงาคั่วพร้อมทั้งต้นหอมสไลด์ลงไป จากนั้นก็พร้อมเสิร์ฟกันแล้ว เพียงเท่านี้ก็เป็นอันจบครบสูตรต๊อกโบกี ง่ายๆ

ถ้าอยากทำแป้ง ต๊อกโบกี เองต้องทำอย่างไร

ถ้าใครเริ่มคล่องกับสูตรที่เราให้ไปแล้วอยากลองทำ แป้งต๊อกโบกี ด้วยตัวเองสามารถทำได้ง่าย ๆ ตามสูตร ต๊อกโบกีโดยเตรียม แป้งข้าวเหนียว แป้งข้าวเจ้า และน้ำเปล่า จากนั้นทำตามวิธีดังนี้

ต๊อกโบกี
  • ใช้สัดส่วนแป้งข้าวเหนียว 2 ส่วน แป้งข้าวเจ้า 1 ส่วน
  • ใส่น้ำลงไปเล็กน้อยเติมจนรู้สึกว่าแป้งสามารถจับตัวกันได้เป็นก้อน 
  • นำไปนึ่งให้สุกเพียงระดับหนึ่งเท่านั้นห้ามสุกมากเพราะต้องนำมาคลึงต่อ
  • เมื่อแป้งสุกจนใสระดับหนึ่งให้นำออกมานวดแล้วคลึงตัดให้เป็นแท่งในแบบที่เราคุ้นเคย ถ้ายังไม่ทำทันทีสามารถแช่ตู้เย็นได้
ต๊อกโบกี

วันนี้ได้ทั้งรู้จักกับเมนูต๊อกโบกีมากขึ้น พร้อมทั้งได้วัตถุดิบ วิธีทำ แถมไปด้วยวิธีการทำแป้งต๊อกด้วยตัวเอง เรียกได้ว่าครบสูตรของการทำเมนูเกาหลีสุดฟินเมนูนี้กันเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ถ้าใครอยากเข้าครัวก็สามารถเริ่มกันได้เลย เมนูนี้ทั้งทำงาน อร่อย และเป็นอาหารว่างที่อยู่ท้องเลยทีเดียว หรือถ้าอยากพัฒนาสูตรจนนำไปขายก็สามารถทำได้เช่นเดียวกัน รับรองว่าสามารถทำกำไรและสร้างยอดขายให้กับคุณได้อย่างน่าประทับใจแน่นอน เพราะกลายเป็นเมนูที่คนไทยส่วนใหญ่รู้จักเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

อ่านบทความอื่นๆ:

สนับสนุนโดย: https://sa-game.bet/ 

READ MOREREAD MORE
บุลโกกิ

ถึงเวลาเข้าครัวไปกับเมนูเนื้อ บุลโกกิ เมนูอาหารเกาหลีที่ใครก็รู้จักถึงเวลาเข้าครัวไปกับเมนูเนื้อ บุลโกกิ เมนูอาหารเกาหลีที่ใครก็รู้จัก

บุลโกกิ

หลายคนอาจคุ้นชื่อเมนูอย่าง บุลโกกิ กันดี แต่อาจยังไม่รู้จักรายละเอียดของเมนูนี้กันมากนัก วันนี้เราลองมาทำความรู้จักไปพร้อมกับการแกะสูตร ตามล่าวัตถุดิบที่ใช่ที่สุด แล้วทำตามต้นตำรับเอาแบบที่ทานแล้วเหมือนไปทานที่ร้านหรือบินลัดฟ้าไปทานที่เกาหลีกันเลยดีกว่า ใครพร้อมแล้วเรามาเริ่มลุยเมนูเนื้อสุดละมุนเมนูนี้ไปพร้อมกันเลยดีกว่า

บุลโกกิ คืออะไร

บุลโกกิ

หลายคนอาจเข้าใจว่า บุล โก กิ เป็นชื่อเรียกเนื้อ แต่ความจริงแล้วเป็นชื่อของเมนูอาหารเกาหลีนั่นเอง ซึ่งว่ากันว่าถ้าใครยังไม่เคยทานอาหารเกาหลีในซีรีส์แล้วได้ลองเมนูนี้กันเข้าไปติดใจจนพร้อมเปิดใจลองเมนูของเกาหลีเมนูอื่น ๆ ง่ายขึ้นกันเลยทีเดียว ซึ่งถ้าถามว่าบุลโกกิ คืออะไร และเนื้อบุลโกกิ คือเนื้อส่วนใดคำตอบก็คือ เนื้อส่วนใดก็ได้ของวัวที่นำมาหั่นให้เป็นชิ้นพอดีคำ แล้วทานคู่กับเมนูต่าง ๆ ได้อย่างลงตัว โดยเฉพาะข้าวสวยร้อน ๆ ยิ่งทำให้เมนูนี้มาพร้อมความกลมกล่อมที่มากขึ้น

บุลโกกิ

พุลโกกีนั้นเป็นเมนูที่มีอายุกว่า 1,000 ปี บุลโกกิประวัติเริ่มต้นมาจากพื้นที่คาบสมุทรตอนเหนือของเกาหลี และเป็นหนึ่งในเมนูยอดนิยมของเกาหลีใต้ เป็นรสชาติที่ผสมผสานเครื่องปรุงต่าง ๆ มารวมกันเอาไว้ได้อย่างลงตัว ดังนั้นวันนี้ใครที่อยากลองทำด้วยตัวเองมาเก็บสูตรกันเลย

วัตถุดิบที่ต้องมีในการทำบุลโกกิ

สิ่งที่สำคัญสำหรับเมนูบุลโกกิ ก็คือวัตถุดิบที่มีคุณภาพและสดใหม่ เพราะถ้าไม่พิถีพิถันในส่วนนี้คุณอาจเจอเนื้อเหนียวที่ทำให้เคี้ยวแล้วเสียอารมณ์กันได้ หรือใครไม่ทานเนื้อจะทำเป็นบุลโกกิหมูก็ได้เช่นกัน เพราะหัวใจหลักก็คือการนำมาย่างแล้วผัดซอสบูลโกกิตามสูตรนั่นเอง และวัตถุดิบจะต้องเตรียมอะไรบ้างมาดูกันเลย

บุลโกกิ
  • เนื้อสันแหลม 350 กรัม
  • หอมหัวใหญ่หั่นเต๋า 40 กรัม
  • กระเทียม 6 กลีบ
  • สาลี่หิมะหั่นเต๋า 60 กรัม
  • ต้นหอมหั่นท่อน 2 ต้น
  • น้ำตาลทรายแดง 3 ช้อนโต๊ะ
  • พริกไทยป่น 1 ช้อนชา
  • ซอสถั่วเหลือง ⅓ ถ้วย
  • น้ำมันงา 3 ช้อนโต๊ะ
  • หอมหัวใหญ่หั่นเสี้ยว 60 กรัม
  • น้ำมันพืช 2 ช้อนโต๊ะ
  • ต้นหอมซอย 2 ต้น
  • งาขาวคั่ว 2 ช้อนโต๊ะ

หมายเหตุ : คุณสามารถเพิ่มผักสำหรับเสิร์ฟคู่กับเมนูอาหารเกาหลียอดฮิตเมนูนี้กันได้ตามความชอบ และอย่าลืมเตรียมข้าวสวยญี่ปุ่นนุ่ม ๆ ไว้ทานคู่กันด้วย เพื่อความอร่อยตามแบบฉบับดั้งเดิม

วิธีทำบุลโกกิ แบบง่าย ๆ แต่อร่อยแบบเกาหลี

เมื่อเตรียมวัตถุดิบทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว เรามาถึงขั้นตอนของการเข้าครัวกันแล้ว สิ่งที่ต้องทำเพื่อให้ บุลโกกิออกมาเหมือนต้นตำรับมากที่สุดจะต้องทำอย่างไรบ้าง เรามาเริ่มทำไปพร้อมกันเลยดีกว่า

บุลโกกิ
  1. ทำการหั่นเนื้อให้เป็นชิ้นตามแนวขวาง แต่ถ้าไปซื้อตามร้านที่มีบริการหั่นให้สามารถแจ้งได้เพื่อลดเวลาในขั้นตอนนี้ และการให้ผู้เชี่ยวชาญหั่นให้ตามแนวเนื้อ ทำให้คุณได้เนื้อที่สัมผัสดีขึ้นได้อีกด้วย
  2. เริ่มใส่หอมหัวใหญ่หั่นเต๋า กระเทียม สาลี่หิมะหั่นเต๋า ต้นหอมหั่นท่อน น้ำตาลทรายแดง พริกไทยป่น ซอสถั่วเหลือง และน้ำมันงา ลงในเครื่องปั่น เมื่อใส่ทุกส่วนผสมเข้าไปครบแล้วให้เริ่มปั่นจนทุกอย่างละเอียดกลายเป็นซอส
  3. ซอสที่ปั่นเรียบร้อยแล้วนั้นให้เทลงบนเนื้อที่เตรียมไว้ จากนั้นใส่หอมที่หั่นแบบเสี้ยวลงไปคลุกให้เข้ากัน หมักทุกส่วนผสมเอาไว้อย่างน้อย 20 นาที เพื่อให้ซึมซอสและให้ได้รสชาติมากขึ้น
  4. เริ่มตั้งกระทะด้วยไฟกลางไปถึงค่อนข้างแรง ใส่น้ำมันลงไป เมื่อกระทะร้อนได้ที่แล้วเริ่มใส่เนื้อที่หมักไว้ลงไปผัดจนสังเกตว่าหอมหัวใหญ่สุก และตัวซอสเองก็เริ่มเปลี่ยนเป็นสีที่เข้มขึ้น
  5. เมื่อทุกอย่างนิ่มและสุกตามที่ต้องการก็โรยต้นหอมซอย งาคั่ว ลงไปผัดอีกเล็กน้อยแล้วตักใส่จานพร้อมเสิร์ฟและทานคู่กับผักพร้อมทั้งข้าวสวยร้อน ๆ กันได้เลย ถือว่าจบสูตรเมนู, อาหารเกาหลีง่ายๆที่ไม่ควรพลาดกันแล้ว

ความหมายของเมนู บุลโกกิ

บุลโกกิ

ความจริงแล้วเราอาจคิดว่าบุลโกกิจะต้องเป็นเนื้อวัวเท่านั้น แต่จริง ๆ คุณสามารถใช้เนื้ออะไรก็ได้เพื่อทำเมนูนี้ เพราะในสมัยเริ่มต้นของเมนูนี้เกาหลีจัดว่าเป็นประเทศที่รายล้อมไปด้วยทะเล อาหารส่วนใหญ่จึงเป็นผักและอาหารทะเล พอได้มาทานเนื้อสัตว์สำหรัยสมัยก่อนถือว่าเป็นของแพงและเป็นของคนมีฐานะ จนเมื่อเวลาผ่านไปเนื้อสัตว์อื่น ๆ นอกจากทะเลเข้าถึงง่ายขึ้น เลยมีการปรับปรุงสูตรให้ทำเมนูนี้ได้อย่างหลากหลาย เพราะคำว่าบูลแปลว่าไฟ โกกิแปลว่าเนื้อสัตว์ โดยถ้าคุณเลือกใช้เป็นเนื้อวัว ไก่ หมู ก็สามารถทำได้

บุลโกกิ

ใครที่ชอบเนื้อย่างสไตล์เกาหลีบอกเลยว่าไม่ควรพลาดบุลโกกิกันเด็ดขาด เมนูนี้แม้จะมาพร้อมวัตถุดิบที่เยอะ แต่ก้สามารถทำทุกอย่างได้ง่ายดาย เพราะเพียงแค่นำมาปั่นรวมกันก็สามารถเป็นซอสเพื่อปรุงรสเมนูนี้ได้อย่างลงตัวกันแล้วนั่นเอง ถ้าอยากเพิ่มวิตามินและเกลือแร่เมื่อทานเมนูนี้อย่าลืมเพิ่มผักเข้าไปทานด้วย โดยอาจปรับให้ทานง่ายขึ้นด้วยการนำผักอย่างกำหล่ำปลี แครรอท ลงไปผักกับเนื้อเลยเพื่อให้ซอสซึมเข้าผักและเพิ่มความอร่อยมากยิ่งขึ้น

อ่านบทความอื่นๆ:

READ MOREREAD MORE