เนื้อเค็มต้มกะทิ อาหารภาคกลางเมนูเด็ดสูตรโบราณหากินยาก
อาหารภาคกลาง

   อาหารไทยนั้นมีรูปแบบที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวแตกต่างกันไปในแต่ละภาค อย่างรสชาติ อาหารภาคกลาง นับได้ว่ามีความโดดเด่นเป็นพิเศษมากกว่าอาหารภาคอื่น อาหารของภาคกลางมีการผสมผสานของหลากหลายรสชาติทั้งรสเปรี้ยว หวาน เค็ม เผ็ด เป็นอาหารที่มีครบทุกรส ซึ่ง อาหารไทย ที่ชาวต่างชาติส่วนใหญ่รู้จักและนิยม

   วิธีการปรุง อาหารภาคกลาง มีความหลากหลาย ซับซ้อน มีกรรมวิธีในการปรุงที่หลายแบบ ได้แก่ แกง ต้ม ผัด ทอด ยำ เครื่องจิ้ม เช่น น้ำพริก หลน เป็นต้น 

   อย่างเช่นเมนูที่จะนำมาเสนอในวันนี้เป็นเมนู สำหรับบางคนที่กำลังมองหาสูตรอาหารที่ทำง่ายและแปลกใหม่จากเมนูเดิม ๆ ไว้ทำทานกันในครอบครัว ขอแนะนำเป็นแกงกะทิแบบไทยๆ ที่ไม่ค่อยซ้ำใครอย่าง

| เนื้อเค็มต้มกะทิ อาหารไทยสูตรโบราณ 
อาหารภาคกลาง

    เนื้อเค็มต้มกะทิ เป็นเมนู อาหารภาคกลาง ที่เป็นสูตรไทยโบราณ ที่หลายคนไม่เคยได้ทาน ด้วยเพราะค่อนข้างหาทานยากในปัจจุบัน นั่นแน่คงคิดแล้วใช่ไหมว่า ถ้าหาทานได้ยากก็คงจะทำได้ยากแน่เลย 

   แต่บอกเลยว่าวิธีทำนั้นง่ายไม่ซับซ้อน แถมอร่อย กินเพลิน จะทำกินเองที่บ้านก็ได้ หรือถ้าใครอยากเอาไปทำขายก็ถือเป็นไอเดียที่ดี ใครที่ชื่นชอบในการทานเนื้อวัว ต้องลองทำดู ขอบอกว่าว่าเด็ดคร้า!! 

วัตถุดิบในการทำเนื้อเค็มต้มกะทิ
  1. เนื้อเค็ม 300 กรัม (แต่ถ้าใครจะประยุกต์เปลี่ยนเป็นหมูเค็มได้ เพราะเดี๋ยวนี้หลายคนเลือกที่จะทานหมูมากว่าเนื้อวัว และราคาของเนื้อหมูก็ต่ำกว่าเนื้อวัวด้วย)
  2. กะทิ 3 ถ้วย (คั้นหัวกะทิ 1 ถ้วย – หางกะทิ 2 ถ้วย)
  3. หอมแดงซอย 20 หัว
  4. น้ำตาลปีบ 2-3 ช้อนโต๊ะ
  5. เกลือป่น และ น้ำปลา (มากน้อยตามชอบ)
  6. พริกขี้หนูเม็ดเล็กแดงและเขียว (ที่เลือกใช้พริกขี้หนูหอมจะได้รสชาติที่จัดจ้าน และไม่เหม็นเขียว)
  7. ใบมะกรูดฉีก และใบมะกรูดซอย สำหรับโรยหน้า
อาหารภาคกลาง
ขั้นตอนวิธีการทำเนื้อเค็มต้มกะทิ

     เคล็ดลับของรสชาติ เนื้อเค็มต้มกะทิ นั้นจะมีวิธีการทำที่คล้ายกับ อาหารภาคกลาง ประเภทหลน แต่จะใช้เวลาในการเคี่ยวจะนานกว่าเล็กน้อย ถ้าจะอร่อยแนะนำว่าทานคู่กับผักสด ๆ กรอบ อร่อยมากกกจริงๆ ว่าแล้วมาลงมือทำกันเลยดีกว่า

  1. เริ่มจากการย่างเนื้อเค็มให้หอม ซึ่งอาจจะทำด้วยการย่างแบบทั่วไป หรือจะจี่บนกะทะ ขอแนะนำว่าถ้าได้ย่างกับเตาถ่าน ก็จะได้ความหอมและได้ความรู้สึกถึงแบบ อาหารไทยโบราณ มากกว่า เมื่อย่างเนื้อเค็มแล้วให้นำมาทุบให้นิ่ม แล้วหั่นเนื้อเค็มตามขวาง เพื่อให้เนื้อเค็มนุ่มทานง่าย เวลาต้มรสชาติของเนื้อจะได้ออกมาผสมกับน้ำกะทิ จะได้เข้าเนื้อเพิ่มความอร่อยมากขึ้นด้วย
  2. จากนั้นก็นำหางกะทิใส่หม้อขึ้นตั้งไฟกลาง รอพอเดือดแค่ปุด ๆ ให้ใส่เนื้อเค็มและหอมแดง เคี่ยวด้วยไฟอ่อนๆ จนเนื้อนิ่มและหางกะทิเริ่มงวด ระหว่างที่รอก็คนไปเรื่อย ๆ กะทิจะได้ไม่แตกมันจากนั้นปรุงรสด้วยน้ำตาลปีบ น้ำปลาและเกลือชิมรสตามชอบ แต่ควรระวังที่ตอนปรุงพยายามใส่น้ำปลาเบามือไว้ เพราะในเนื้อเค็มเองก็มีรสชาติเค็มอยู่แล้ว ควรที่จะค่อยๆ ชิม ค่อยๆ ปรุงเติมไปตามชอบ สำหรับเมนูนี้นั้นรสชาติหลัก คือเค้าจะมีความเปรี้ยวนำมาเล็กน้อย ตามด้วยหวาน และเค็มอ่อนๆ 
  3. เมื่อได้รสชาติที่ต้องการแล้วฉีกใบมะกรูดตามด้วยพริกขี้หนู และถ้าไม่ชอบให้กะทิแตกมันมากจะใส่หัวกะทิไปตอนท้ายก็ได้ ก่อนแล้วดับเตาแล้วยกลงจากเตา 
  4. ตักเนื้อเค็มต้มกะทิใส่ชาม โรยด้วยใบมะกรูดซอยฝอย แล้วนำเสริฟ์ทานคู่กับผักสด เช่น ผักชี แตงกวา ผักกาดขาวเพียงเท่านี้เป็นอันสำเร็จ “เนื้อเค็มต้มกะทิ ” รสชาติอร่อย ๆ อาหารไทยโบราณ ด้วยฝืมือคนยุคใหม่ ไว้ทานคู่กับข้าวสวยร้อน ๆ 

   ข้อควรระวังเล็กน้อยก็คือ ตอนปรุงพยายามใส่น้ำปลาเบามือไว้ซักหน่อย เพราะในเนื้อเค็มเองเค้ามีรสชาติอยู่แล้ว ควรที่จะค่อยๆ ชิม ค่อย ๆ ปรุงเติมไปตามชอบ อย่างที่กล่าวไว้ว่า เนื้อเค็มต้มกะทินี้จะมีลักษณะคล้ายกับการหลนรสชาติหลักของเมนูนี้ ก็คือเค้าจะมีความเปรี้ยวนำมาเล็กน้อย ตามด้วยหวาน แอบเผ็ดเล็ก ๆ และเค็มอ่อน ๆ นั่นเอง เป็นเมนู อาหารภาคกลาง ที่ทำได้ไม่ยากและอร่อยมากจริง ๆ ลองทำกันดูนะขอบอกรับรองจะติดใจ